กูรูบอลไทยจวกแข้งซีเกมส์เละ

เหล่ากูรูหรือผู้คร่ำหวอดวงการฟุตบอลไทยออกมาวิพากษ์วิจารณ์แข้งซีเกมส์ไทย ที่พ่ายในนัดประเดิมสนาม “อิเหนาเกมส์” ให้แก่ มาเลเซีย แชมป์เก่า เมื่อวันพุธที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา ย้ำหากต้องการผ่านเข้าสู่รอบต่อไปต้องเน้นเกมรับให้เหนียว ที่สำคัญต้องไม่ประมาทคู่ต่อสู้

หลัง “ขุนพลช้างศึก” ทีมชาติไทย พ่ายให้กับ “เสือเหลือง” มาเลเซีย 1-2 ในศึกประเดิมสนามฟุตบอลชาย ซีเกมส์ ครั้งที่ 26 ณ สนามเกโลรา บุงการ์โน หรือ เสนายัน ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันพุธที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยรูปเกมไทยเป็นรองกว่า มาเลเซีย จนตามหลังก่อน 0-1 ในนาที 24 จากลูกยิงของ บัดดรอล บัคห์เตียร์ แม้ ไทย ไล่ตามตีเสมอ 1-1 ได้ในนาที 77 จากการส่องของ ณธฤษภ์ ธรรมรสโสภณ ปีกตัวสำรอง ทว่าก่อนจบเกม 5 นาที คู่ปรับเก่าที่เคยเขี่ยไทยตกรอบแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้วใน “เวียงจันทน์เกมส์” ทำประตูชัย 2-1 จาก อิซซัค ฟาริซ รามลาน เก็บสามคะแนนเต็มไป ทั้งนี้ ไทยยังเหลืออีก 3 นัดให้ลุ้น คือ การพบ กัมพูชา, อินโดนีเซีย และ สิงคโปร์

โดย “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือบีบีซียู ในลีกดิวิชัน 1 ในฐานะอดีตกองหน้าทีมชาติไทย ได้เผยถึงเกมดังกล่าวว่า “นักเตะออกตัวหนืดนิดนึง มีหลายคนยังโชว์ผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร ทั้งนี้ แพ้นัดแรกยังโชคดีกว่าแพ้ในรอบรอง หรือรอบชิงชนะเลิศ ส่วนอีก 3 นัดที่เหลือต้องถามใจน้องๆ ว่าจะสู้ต่อหรือไม่ หากจะลุยต่อต้องเน้นที่ความรัดกุม ไม่จำเป็นต้องยิงประตูเยอะก็ได้ แต่ที่สำคัญต้องเก็บ 3 แต้มให้ได้เท่านั้นพอ ซึ่งสิ่งต้องปรับปรุง คือ การเคลื่อนที่ต้องเร็วกว่าเดิม เน้นแทกติกในการเล่น ขณะเดียวต้องไม่ประมาทคู่ต่อสู้และต้องไม่มั่นใจว่าจะชนะ เนื่องจากฟุตบอลซีเกมส์เป็นเกมไม่ธรรมดาเพราะเป็นเกมแห่งศักดิ์ศรีของชาติอาเซียน”

ขณะที่ ชาญวิทย์ ผลชีวิน อดีตผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย ที่เคยพา “ช้างศึก” คว้าแชมป์ซีเกมส์ครั้งที่ 23 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เผยถึงรูปเกมนัดแรกที่ ไทย แพ้ มาเลเซีย ศึก “อิเหนาเกมส์” ว่า “ถือเป็นอุบัติเหตุอีกครั้งหนึ่ง โดยรวมแล้วไทยสู้มาเลเซียไม่ได้เลย ปัญหาของไทย คือ เกมรับ เนื่องจากพิจารณาจากที่แข้งซีเกมส์ไทยอุ่นเครื่องถึง 3 นัดก็แพ้ทุกนัด แม้จะปรับเปลี่ยนรูปเกมแล้วก็ยังแพ้ มาเลเซีย ซึ่งสิ่งนี้ต้องปรับปรุงด่วน หากจะผ่านเข้ารอบต่อไป อย่างไรก็ตาม หากไม่เปิดเกมรุกก็ไม่สามารถทำประตูได้ แต่หากโดนโต้กลับไทยต้องเน้นเกมรับที่เหนียวแน่น”

สำหรับโอกาสที่ไทยจะผ่านเข้ารอบหรือไม่นั้น “โค้ชหรั่ง” กล่าวว่า “แมตช์ที่จะพบกับ กัมพูชา ถือว่าไม่น่าเป็นห่วงเท่าไร แต่ก็ประมาทไม่ได้ทีเดียว ที่สำคัญ ไทยต้องเน้นเกมรับ มีจังหวะเข้าทำประตูหลากหลาย เพราะจากแมตช์ที่แพ้ มาเลเซีย จะเห็นว่า ไทย มีโอกาสทำประตูน้อยเพียง 2 ครั้งเท่านั้น ส่วน มาเลย์ มีโอกาสถึง 6-7 ครั้ง ด้านการครองบอลเท่ากัน 50% เพียงแต่วิธีการเล่น เกมรุกของเขาดีกว่า อย่างไรก็ตาม จากนัดที่ผ่านมายังไม่เห็นการจ่ายทะลุบอล การยิงไกล และการครองบอลของไทย หากยังไม่มีการปรับปรุงก็อาจจะลำบากใน 3 นัดที่เหลือ ทั้งนี้ ก็ยังไม่สิ้นหวังที่จะให้กำลังใจทีมชาติไทยชุดซีเกมส์ผ่านเข้าสู่รอบต่อไป”

ท้ายนี้ “เสือเตี้ย” สะสม พบประเสริฐ อดีตนักฟุตบอลชื่อดังทีมชาติไทย ในฐานะคอลัมน์นิสต์ของ MGR/Sport ที่ชื่อว่า “เสือเตี้ยสับไก” ได้เผยถึงเกมดังกล่าวว่า “ความสัมพันธ์ในทีมยังไม่ดีนัก อีกทั้งสมถรรภาพร่างกายของ มาเลเซีย ดีกว่าไทย โดยการจะพบกับ กัมพูชา ในวันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายนนี้ จะถือเป็นการทดสอบศักยภาพทีมชาติไทยได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามเริ่มไม่มั่นใจว่าไทยจะผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้หรือไม่ เพราะจากสถานการณ์มีโอกาส 50-50 ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องปรับปรุง คือ การเพิ่มความเชื่อมั่น ความมั่นใจแก่นักเตะ การมีวินัยในเกมรับของแบ็คโฟร์ สิ่งเหล่านี้ถือเป็นปัจจัยสำคัญในการเล่นอีก 3 นัดที่เหลือ”

โปรแกรมการแข่งขันฟุตบอลซีเกมส์ ครั้งที่ 26 รอบแรก
วันศุกร์ที่ 11 พ.ย. 54 เวลา 17.00 น. ไทย-กัมพูชา ถ่ายทอดสดทางช่อง 5
วันอาทิตย์ที่ 13 พ.ย. 54 เวลา 19.00 น. ไทย-อินโดนีเซีย ถ่ายทอดสดทางช่อง 9
วันพฤหัสบดีที่ 17 พ.ย. 54 เวลา 16.00 น. ไทย-สิงคโปร์ ถ่ายทอดสดทางช่อง 9