"โค้ชป้ำ" วรวรรณ ชิตะวณิช เปิดตัวในฐานะกุนซือคนใหม่ เอสซีจี สมุทรสงคราม ด้วยการเซ็นสัญญา 2 ปี รับค่าเหนื่อยไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาทต่อเดือน กันไปเมื่อวันพุธที่ 22 มิถุนายน 2554 ที่ผ่านมา ลั่นพร้อมนำขุนพล "ปลาทูคะนอง" เร่งเครื่องขึ้นไปจบท็อป 5 ของตารางศึกลูกหนังไทยพรีเมียร์ลีก ประจำปี 2011 ให้จงได้

เมื่อช่วงสายวันพุธที่ 22 มิ.ย. ที่อาคารศูนย์พัฒนาและฝึกอบรม "เอสซีจี" (SCG) ที่จังหวัดสระบุรี นายปราโมทย์ เตชะสุพัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ซีเมนต์ ในฐานะประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของ เอสซีจี สมุทรสงคราม ทีมชั้นนำแห่งศึกไทยพรีเมียร์ลีก รวมทั้ง นายสมศักดิ์ ศิริธรรม ประธานสโมสร ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดตัว วรวรรณ ชิตะวณิช เข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่แทน พล ชมชื่น ด้วยสัญญา 2 ปี ซึ่งแหล่งข่าววงในเผย "โค้ชป้ำ" จะได้ค่าจ้างต่อเดือนเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท
ภายหลัง โค้ชป้ำ ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว MGR Sport ว่า "ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ คุณปราโมทย์ เตชะสุพัฒน์กุล และคุณสมศักดิ์ ศิริธรรม ที่ทำให้ฝันของผมเป็นจริง ได้กลับมาพัฒนาวงการฟุตบอลไทย โดยเหตุผลของการตัดสินใจครั้งนี้ เพราะว่าผมค่อนข้างอิ่มตัวกับการคุมทีมในสิงคโปร์มานาน 12 ปี เรียกได้ว่าอยู่ที่นั่นไม่มีความท้าทายใดๆ หลงเหลือให้ทำอีกแล้ว โดยผมได้รับเลือกให้เป็นโค้ชยอดเยี่ยมของเอสลีก 3 ปี แชมป์ลีกก็ได้มาแล้ว ติดต้นสังกัดติดหนึ่งใน 3 ของตารางมาตลอด ช่วยปั้นนักเตะติดทีมชาติสิงคโปร์ชุดใหญ่ไปแล้ว 7-8 คน จึงอยากลองมาหาความท้าทายใหม่ๆ กับสโมสรที่ยังไม่พร้อมสรรพดั่ง แทมปิเนส โรเวอร์ส ดูบ้าง ที่สำคัญผมอยากนำความรู้ความสามารถกลับมาทำประโยชน์ให้บ้านเรา"
"ส่วนการมาทำทีม เอสซีจี สมุทรสงคราม ผมมองว่านักเตะของเราอาจยังไม่ถึงขั้นเกรดเอ แต่จุดเด่นอยู่ที่ทุกคนมีหัวใจนักสู้ แผนการหลังจากเข้าคุมทีมคงมีการเสริมผู้เล่นชาวไทยอีกสัก 2-3 คน ส่วนโควตาต่างชาติ 7 คน ปิดงบไปเรียบร้อยแล้ว แม้เพิ่งปล่อย โนงูจิ ปินโต นายทวารฝีมือดีชาวญี่ปุ่นเชื้อสายบราซิเลียนให้ บางกอกกล๊าส ก็ตาม สำหรับสิ่งที่ต้องปรับปรุงที่ผมจะทำต่อไปนั้นคือ ดูแลเรื่องสภาพความฟิตของนักเตะ รวมถึง ทีมเวิร์ค โดยการเล่นของเราต้องเร็วขึ้น เล่นให้น้อยจังหวะเข้าไว้ตามแนวทางฟุตบอลสมัยใหม่ ซึ่งเป้าหมายการพาทีมไปติดท็อป 5 คงไม่น่าไกลเกินฝัน"
ด้าน นายปราโมทย์ กล่าวเช่นกัน "ช่วงเลกแรกผลงานของเราอาจยังไม่ดีนัก แต่ทีมไม่มีการถอดใจ เป้าหมายก็ไม่เปลี่ยน ผมเชื่อว่าด้วยความเป็นมืออาชีพและประสบการณ์ของโค้ชปั้า สมัยเป็นผู้เล่นและโค้ชทั้งในและต่างประเทศ จะพาสโมสรไปสู่เป้าหมาย ส่วนทางเอสซีจีจะช่วยดูแลเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬา จิตวิทยา และโภชนาการกันต่อไป"
ขณะที่ นายสมศักดิ์ ชี้แจงถึงสถานภาพของ พล อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนเป็นการทิ้งท้าย "กรณีของ พล ทางเราได้ดันขึ้นไปเป็นที่ปรึกษาสโมสร ไม่ใช่ที่เป็นข่าวโดนลดบทบาทไปเป็นแมวมองแต่อย่างใด โดย พล จะทำงานร่วมกับ อาจารย์ชาญวิทย์ ผลชีวิน ส่วนผลงานของทีมหลังจบเลกแรกในอันดับ 11 ผู้บริหารได้มีการประเมินผลงาน จึงได้ข้อสรุปว่าจะดึง โค้ชป้ำ เข้ามานำสโมสรฝ่าวิกฤติ โดยเรามอบอำนาจการทำทีมทั้งหมดให้โค้ชแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งก็เชื่อมั่นประสบการณ์ของโค้ชว่าสามารถพาทีมติดท็อป 5 ได้ตามเป้าแน่นอน"
เมื่อช่วงสายวันพุธที่ 22 มิ.ย. ที่อาคารศูนย์พัฒนาและฝึกอบรม "เอสซีจี" (SCG) ที่จังหวัดสระบุรี นายปราโมทย์ เตชะสุพัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี ซีเมนต์ ในฐานะประธานที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของ เอสซีจี สมุทรสงคราม ทีมชั้นนำแห่งศึกไทยพรีเมียร์ลีก รวมทั้ง นายสมศักดิ์ ศิริธรรม ประธานสโมสร ตั้งโต๊ะแถลงข่าวเปิดตัว วรวรรณ ชิตะวณิช เข้ามาทำหน้าที่หัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่แทน พล ชมชื่น ด้วยสัญญา 2 ปี ซึ่งแหล่งข่าววงในเผย "โค้ชป้ำ" จะได้ค่าจ้างต่อเดือนเป็นเงินไม่ต่ำกว่า 3 แสนบาท
ภายหลัง โค้ชป้ำ ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว MGR Sport ว่า "ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ คุณปราโมทย์ เตชะสุพัฒน์กุล และคุณสมศักดิ์ ศิริธรรม ที่ทำให้ฝันของผมเป็นจริง ได้กลับมาพัฒนาวงการฟุตบอลไทย โดยเหตุผลของการตัดสินใจครั้งนี้ เพราะว่าผมค่อนข้างอิ่มตัวกับการคุมทีมในสิงคโปร์มานาน 12 ปี เรียกได้ว่าอยู่ที่นั่นไม่มีความท้าทายใดๆ หลงเหลือให้ทำอีกแล้ว โดยผมได้รับเลือกให้เป็นโค้ชยอดเยี่ยมของเอสลีก 3 ปี แชมป์ลีกก็ได้มาแล้ว ติดต้นสังกัดติดหนึ่งใน 3 ของตารางมาตลอด ช่วยปั้นนักเตะติดทีมชาติสิงคโปร์ชุดใหญ่ไปแล้ว 7-8 คน จึงอยากลองมาหาความท้าทายใหม่ๆ กับสโมสรที่ยังไม่พร้อมสรรพดั่ง แทมปิเนส โรเวอร์ส ดูบ้าง ที่สำคัญผมอยากนำความรู้ความสามารถกลับมาทำประโยชน์ให้บ้านเรา"
"ส่วนการมาทำทีม เอสซีจี สมุทรสงคราม ผมมองว่านักเตะของเราอาจยังไม่ถึงขั้นเกรดเอ แต่จุดเด่นอยู่ที่ทุกคนมีหัวใจนักสู้ แผนการหลังจากเข้าคุมทีมคงมีการเสริมผู้เล่นชาวไทยอีกสัก 2-3 คน ส่วนโควตาต่างชาติ 7 คน ปิดงบไปเรียบร้อยแล้ว แม้เพิ่งปล่อย โนงูจิ ปินโต นายทวารฝีมือดีชาวญี่ปุ่นเชื้อสายบราซิเลียนให้ บางกอกกล๊าส ก็ตาม สำหรับสิ่งที่ต้องปรับปรุงที่ผมจะทำต่อไปนั้นคือ ดูแลเรื่องสภาพความฟิตของนักเตะ รวมถึง ทีมเวิร์ค โดยการเล่นของเราต้องเร็วขึ้น เล่นให้น้อยจังหวะเข้าไว้ตามแนวทางฟุตบอลสมัยใหม่ ซึ่งเป้าหมายการพาทีมไปติดท็อป 5 คงไม่น่าไกลเกินฝัน"
ด้าน นายปราโมทย์ กล่าวเช่นกัน "ช่วงเลกแรกผลงานของเราอาจยังไม่ดีนัก แต่ทีมไม่มีการถอดใจ เป้าหมายก็ไม่เปลี่ยน ผมเชื่อว่าด้วยความเป็นมืออาชีพและประสบการณ์ของโค้ชปั้า สมัยเป็นผู้เล่นและโค้ชทั้งในและต่างประเทศ จะพาสโมสรไปสู่เป้าหมาย ส่วนทางเอสซีจีจะช่วยดูแลเรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬา จิตวิทยา และโภชนาการกันต่อไป"
ขณะที่ นายสมศักดิ์ ชี้แจงถึงสถานภาพของ พล อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนเป็นการทิ้งท้าย "กรณีของ พล ทางเราได้ดันขึ้นไปเป็นที่ปรึกษาสโมสร ไม่ใช่ที่เป็นข่าวโดนลดบทบาทไปเป็นแมวมองแต่อย่างใด โดย พล จะทำงานร่วมกับ อาจารย์ชาญวิทย์ ผลชีวิน ส่วนผลงานของทีมหลังจบเลกแรกในอันดับ 11 ผู้บริหารได้มีการประเมินผลงาน จึงได้ข้อสรุปว่าจะดึง โค้ชป้ำ เข้ามานำสโมสรฝ่าวิกฤติ โดยเรามอบอำนาจการทำทีมทั้งหมดให้โค้ชแต่เพียงผู้เดียว ซึ่งก็เชื่อมั่นประสบการณ์ของโค้ชว่าสามารถพาทีมติดท็อป 5 ได้ตามเป้าแน่นอน"