คอลัมน์ "The Golf Touch" โดย "วันปีย์ สัจจมาร์ค"
ช่วงปลายปีเป็นช่วงที่จะได้ยินเรื่องการรักษาสิทธิแข่งปีหน้า เรื่องขึ้นชั้นไปเล่นทัวร์ใหญ่ หรือตกชั้นไม่มีสิทธิแข่งในทัวร์ค่อนข้างบ่อย ผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ฟอร์มการเล่น และการรักษาสมาธิของนักกอล์ฟในระดับต่างๆ เป็นความรู้สึกที่ห่างตัวนักอล์ฟสมัครเล่นทั่วๆไป บางคนอาจจะเข้าใจถึงความรู้สึกของโปร อีกหลายคนอาจจะจินตนาการเอาได้ แต่ส่วนมากไม่สามารถสัมผัสกับชีวิตบนความไม่แน่นอนของการล่าเงินรางวัลจากการแข่งขัน หรือความรู้สึกของนักกอล์ฟอาชีพเรื่องสิทธิการแข่งขันปีต่อปีได้ เพราะไม่สามารถพบเจอได้กับตัวเอง
ถ้าจะเปรียบเทียบด้วยตัวอย่างที่ร่วมสมัยหน่อย เพื่อให้เข้าถึงจิตวิญญานนักกอล์ฟอาชีพเหล่านี้ เราสามารถเอาปัญหาอุทกภัยที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งใกล้ตัวพวกเราแทบทุกคน มาเทียบเคียงกับโปรในระดับต่างๆ ถ้าเราพูดถึงบรรดานักกอล์ฟอาชีพชั้นแนวหน้า หรือที่โปรรุ่นน้องหลายคนเรียกกันว่า “Super Star” ก็คือกลุ่มคนที่บ้านอยู่ในพื้นที่สูง ไม่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย หรือต่อให้เสี่ยงก็มีปัญญากั้นกำแพงสูง 4 เมตร 8 ทิศรอบบ้าน ห้องเก็บอาการแห้งเหมือนมีมินิมาร์ทอยู่ในบ้าน มีน้ำดื่มน้ำใช้เหลือเฟือ คนในกลุ่มนี้จะนิ่งกว่า มีสมาธิในการซ้อม และไม่รู้สึกถึงแรงกดดันมากเท่าที่ควร
ส่วนนักกอล์ฟอาชีพทั่วๆไปก็คล้ายๆคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพชั้นในทุกวันนี้ ก็คือคอยเฝ้าระวังบ้าง มีวันที่เครียดบ้างกังวลบ้างว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดีหรือเปล่า? แต่ส่วนมากแล้วก็จะสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงปกติ ส่วนนักกอล์ฟน้องใหม่และกลุ่มที่ต้องลุ้นผ่านการตัดตัวกันทุกสัปดาห์ ก็ไม่ต่างจากคนที่อยู่ในพื้นที่ที่ประกาศให้อพยพแล้ว น้ำบนถนนหน้าบ้านและหมู่บ้านข้างเคียงมาให้เห็นแล้ว แต่บ้านตัวเองนั้นอาจจะยังแห้งอยู่ ถึงแม้ว่าจะตั้งใจซ้อมแต่ก็ไม่วายมีอะไรรบกวนสมาธิและเหมือนจะมีความเครียดสะสมมากขึ้นเรื่อยๆในแต่ละวัน
ส่วนกลุ่มที่น่าสงสารที่สุด ก็คือกลุ่มโปรที่มีความรู้สึกไม่ต่างอะไรกันกับคนที่บ้านน้ำท่วมถึงหลังคาแล้ว อาจจะหายเครียดที่ไม่ต้องมาลุ้นว่าจะโดนไหม เพราะโดนไปเต็มๆแล้ว แต่ก็แน่นอนต้องเครียดเรื่อง แล้วจะยังไงต่อไปล่ะ? จะซ่อมหรือจะรื้อสร้างใหม่ในตำแหน่งเดิม ก็เทียบเท่ากับยึดอาชีพทัวร์โปรเหมือนเดิม แล้วเริ่มลุยกันใหม่ หรือจะย้ายไปอยู่ที่อื่นให้พ้นความเสี่ยงภัยในอนาคต ซึ่งวงการกอล์ฟก็ได้สูญเสียนักกอล์ฟเหล่านี้ไปสู่ตำแหน่งผู้บริหาร สู่วงการค้าขาย และอาชีพอื่นๆอีกมากมายอยู่เรื่อยๆ
ครั้งต่อไปเมื่อคุณนอนดูการแข่งขันกอล์ฟทางทีวีสบายๆในห้องแอร์ หรือนั่งจับกลุ่มโม้กับเพื่อนฝูงที่สนามไดร์ฟใกล้บ้าน ก่อนจะรำพึงให้คนข้างๆฟังว่า “โปรคนนั้นตีห่วย หรือระยะแค่นี้ทำไมพัตต์ไม่ลง” อยากให้นึกถึงว่าเขากำลังแข่งอยู่ด้วยความรู้สึกที่กินไม่ได้นอนไม่หลับ เหมือนวันที่น้ำเหนือลงมาบวกกับน้ำทะเลหนุนสูง พร้อมพยากรณ์อากาศว่าฝนตกแน่นอน!
ช่วงปลายปีเป็นช่วงที่จะได้ยินเรื่องการรักษาสิทธิแข่งปีหน้า เรื่องขึ้นชั้นไปเล่นทัวร์ใหญ่ หรือตกชั้นไม่มีสิทธิแข่งในทัวร์ค่อนข้างบ่อย ผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน ฟอร์มการเล่น และการรักษาสมาธิของนักกอล์ฟในระดับต่างๆ เป็นความรู้สึกที่ห่างตัวนักอล์ฟสมัครเล่นทั่วๆไป บางคนอาจจะเข้าใจถึงความรู้สึกของโปร อีกหลายคนอาจจะจินตนาการเอาได้ แต่ส่วนมากไม่สามารถสัมผัสกับชีวิตบนความไม่แน่นอนของการล่าเงินรางวัลจากการแข่งขัน หรือความรู้สึกของนักกอล์ฟอาชีพเรื่องสิทธิการแข่งขันปีต่อปีได้ เพราะไม่สามารถพบเจอได้กับตัวเอง
ถ้าจะเปรียบเทียบด้วยตัวอย่างที่ร่วมสมัยหน่อย เพื่อให้เข้าถึงจิตวิญญานนักกอล์ฟอาชีพเหล่านี้ เราสามารถเอาปัญหาอุทกภัยที่กำลังเกิดขึ้น ซึ่งใกล้ตัวพวกเราแทบทุกคน มาเทียบเคียงกับโปรในระดับต่างๆ ถ้าเราพูดถึงบรรดานักกอล์ฟอาชีพชั้นแนวหน้า หรือที่โปรรุ่นน้องหลายคนเรียกกันว่า “Super Star” ก็คือกลุ่มคนที่บ้านอยู่ในพื้นที่สูง ไม่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย หรือต่อให้เสี่ยงก็มีปัญญากั้นกำแพงสูง 4 เมตร 8 ทิศรอบบ้าน ห้องเก็บอาการแห้งเหมือนมีมินิมาร์ทอยู่ในบ้าน มีน้ำดื่มน้ำใช้เหลือเฟือ คนในกลุ่มนี้จะนิ่งกว่า มีสมาธิในการซ้อม และไม่รู้สึกถึงแรงกดดันมากเท่าที่ควร
ส่วนนักกอล์ฟอาชีพทั่วๆไปก็คล้ายๆคนที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพชั้นในทุกวันนี้ ก็คือคอยเฝ้าระวังบ้าง มีวันที่เครียดบ้างกังวลบ้างว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยดีหรือเปล่า? แต่ส่วนมากแล้วก็จะสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ใกล้เคียงปกติ ส่วนนักกอล์ฟน้องใหม่และกลุ่มที่ต้องลุ้นผ่านการตัดตัวกันทุกสัปดาห์ ก็ไม่ต่างจากคนที่อยู่ในพื้นที่ที่ประกาศให้อพยพแล้ว น้ำบนถนนหน้าบ้านและหมู่บ้านข้างเคียงมาให้เห็นแล้ว แต่บ้านตัวเองนั้นอาจจะยังแห้งอยู่ ถึงแม้ว่าจะตั้งใจซ้อมแต่ก็ไม่วายมีอะไรรบกวนสมาธิและเหมือนจะมีความเครียดสะสมมากขึ้นเรื่อยๆในแต่ละวัน
ส่วนกลุ่มที่น่าสงสารที่สุด ก็คือกลุ่มโปรที่มีความรู้สึกไม่ต่างอะไรกันกับคนที่บ้านน้ำท่วมถึงหลังคาแล้ว อาจจะหายเครียดที่ไม่ต้องมาลุ้นว่าจะโดนไหม เพราะโดนไปเต็มๆแล้ว แต่ก็แน่นอนต้องเครียดเรื่อง แล้วจะยังไงต่อไปล่ะ? จะซ่อมหรือจะรื้อสร้างใหม่ในตำแหน่งเดิม ก็เทียบเท่ากับยึดอาชีพทัวร์โปรเหมือนเดิม แล้วเริ่มลุยกันใหม่ หรือจะย้ายไปอยู่ที่อื่นให้พ้นความเสี่ยงภัยในอนาคต ซึ่งวงการกอล์ฟก็ได้สูญเสียนักกอล์ฟเหล่านี้ไปสู่ตำแหน่งผู้บริหาร สู่วงการค้าขาย และอาชีพอื่นๆอีกมากมายอยู่เรื่อยๆ
ครั้งต่อไปเมื่อคุณนอนดูการแข่งขันกอล์ฟทางทีวีสบายๆในห้องแอร์ หรือนั่งจับกลุ่มโม้กับเพื่อนฝูงที่สนามไดร์ฟใกล้บ้าน ก่อนจะรำพึงให้คนข้างๆฟังว่า “โปรคนนั้นตีห่วย หรือระยะแค่นี้ทำไมพัตต์ไม่ลง” อยากให้นึกถึงว่าเขากำลังแข่งอยู่ด้วยความรู้สึกที่กินไม่ได้นอนไม่หลับ เหมือนวันที่น้ำเหนือลงมาบวกกับน้ำทะเลหนุนสูง พร้อมพยากรณ์อากาศว่าฝนตกแน่นอน!