By Lady Manager
จิตแพทย์สาว หมอแอร์-พ.ต.ต.หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล ประจำโรงพยาบาลตำรวจ มาช่วยหาแนวทางแก้สารพันปัญหาความเครียด ที่คุณสาวๆ มักพบเจอในสภาวะน้ำท่วม ติดตามต่อเลยค่ะ
Question: ทะเลาะกับกับสามี หรือคนในครอบครัว เรื่องกั้นกระสอบทราย ขนย้ายข้าวของ จนจิตใจย่ำแย่ ควรทำอย่างไรดี ?
Answer: “คู่สามีภรรยาเมื่อเกิดความเครียด เกิดภัยธรรมชาติก็อาจทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันได้ เช่นบางคู่ คนหนึ่งตื่นเต้นกระต่ายตื่นตูมมาก แต่อีกคนใจเย็น คิดไม่เหมือนกันแล้วถ้ามาทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้ ก็ยิ่งเพิ่มความเครียดให้มากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดวิกฤติแบบนี้ ต้องหันมาคุยกัน ปรับความเข้าใจซึ่งกันและกัน
เช่นบางทีแฟนเราเขาอาจจะกังวลมาก แต่ถ้าเรามองในแง่ดี คิดเสียว่ามันก็ดีนะ มันปลอดภัย เราจะได้เตรียมตัว ไม่ต้องไปทัดทานกัน หรือไม่ต้องไปบ่น ไปว่ากัน ว่า ‘คุณน่ะกระต่ายตื่นตูม’ โทษกันไปมา เถียงกันไม่จบไม่สิ้น ก็เป็นการเพิ่มความเครียดเปล่าๆ
หรืออย่างคุณผู้หญิงเอง หากว่า ถ้าคุณชายของเรา เขาจะเป็นคนใจเย็น ..ไม่เป็นไรค่ะ เขาจะไม่เดือดร้อน มันก็เป็นบุคลิกของเขา เราก็มาจัดการความกังวลของเราไป อะไรที่เป็นความกังวลของเรา กลัวของอะไรจะเสียหาย เราก็เก็บเท่าที่เราเก็บได้ ไม่ต้องไปเร้า ไม่ต้องไปเพิ่มให้เขามาเครียด มากังวลกับเรา มาตื่นเต้นตามเรา เพราะว่ามีบางบ้านเหมือนกัน ที่ตื่นตูมกันทั้งบ้าน พากันเร้า ทำให้ตื่นเต้นกันจนนอนไม่หลับกันทั้งบ้านแบบนั้นก็มี
ฉะนั้น ถ้าสามีหรือคนในบ้าน คิดไม่เหมือนกับเรา ก็มองในแง่ดีว่า ดีนะมีคนหนึ่งตื่นเต้น มีคนหนึ่งใจเย็น มันก็ไปด้วยกันได้ เช่นหากผู้หญิงเราตื่นเต้น จัดการข้าวของโดยที่สามีไม่ช่วย เหตุผลมันก็อาจจะเป็นเพราะ 1. เขาอาจจะเป็นคนใจเย็น 2. เขาอาจจะเครียดเหมือนกัน แต่ว่าเขาแสดงออกคนละแบบกับเรา บางทีเขาก็กังวลเหมือนกัน คือธรรมชาติของผู้ชายส่วนใหญ่ เขากังวล แต่เขาจะเก็บ โดยเฉพาะผู้ชายที่เป็นผู้นำครอบครัว มีภรรยา มีลูก บางทีกังวล แต่ไม่กล้าพูด กลัวพูดแล้วเดี๋ยวทำให้เมียไม่สบายใจ เดี๋ยวทำให้ลูกกังวล เลยเลือกที่จะนิ่งๆ ซึ่งการนิ่งของเขานั้น บางทีเขาอาจจะเก็บเพชร เก็บทองเรียบร้อยหมดแล้วก็ได้
แต่อย่างไรเสีย หมอก็คิดว่า ในช่วงเวลาแบบนี้ ก่อนอื่นอย่าไปห่วงทรัพย์สินเลย ห่วงชีวิตเรา ห่วงชีวิตคนที่เรารักดีกว่า มัวแต่ห่วงสมบัติหันมาอีกทีลูกหาย บางคนห่วงแต่สมบัติ หันมาอีกที สามีหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ดังนั้นหมอว่า มันคงเป็นเวลาที่เราต้องดูแลกันและกัน และชีวิตนี่แหละ อันนี้สำคัญที่สุดเลย”
เอาล่ะ! หลากปัญหาที่ได้หลายท่านอาจพาลพบ คงมีแนวทางให้คุณได้เบาใจไปบ้าง ทว่าปัญหาต่อไปจากนี้ หลังสภาวะน้ำท่วมเริ่มบรรเทา หากต้องเห็นภาพข้าวของเสียหาย จะทำใจอย่างไร ปรับความคิดอย่างไร เรามาถามคุณหมอเลยแล้วกัน
->หมอแนะหลักคิดหลังน้ำท่วม: ตั้งสติ ยิ้มสู้ เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส “เรียนรู้ชีวิต”
“หลังน้ำท่วม หมอว่า ต้องตั้งหลัก ตั้งสติดีๆ ต้องให้กำลังใจตัวเอง ต้องเชื่อมั่นตัวเอง และอยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด เพราะว่าที่เรากังวลส่วนใหญ่แล้ว คือ การกังวลไปก่อน พอหลังจากน้ำลดแล้ว บางคนก็คิดไปล่วงหน้า กลัวนั่น กลัวนี่ ไม่ต้องกลัวค่ะ ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ เดี๋ยวทรัพยากรดีๆ เดี๋ยวสิ่งดีๆ คนดีๆ ก็เข้ามาเอง ขอให้เรามีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป เงินทองหมดไป หาใหม่ได้ ท่องไว้แบบนี้
ต้องสู้ ไม่เป็นไร อะไรเสียแล้วก็เสียไป ให้ดีใจว่า ดีนะอย่างน้อยเราก็ยังรอดชีวิตมาได้ และหมอว่าบางที ไหนๆ มันก็เกิดแล้ว อาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้ที่จะกลับมาทบทวนว่า เราได้เรียนรู้อะไรกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ยกตัวอย่างเช่น หมอเองก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สมบัติเยอะเหมือนกัน หมอก็เรียนรู้ว่า จากนี้ชีวิตเราต้องอยู่แบบพอเพียงบ้าง สมถะบ้าง เก็บเป็นเงินไว้ดีกว่า ข้าวของไม่ต้องซื้อเยอะ เอาเป็นเงินเก็บไว้ดีกว่า ต้องตัดใจบ้าง อย่างของหมอก็คิดไว้เลย ‘ต่อไปนะ ฉันจะซื้ออะไร แค่ที่พออยู่ พอใช้ก็พอแล้ว เฟอร์นิเจอร์ไม่ต้องซื้อเยอะนัก เดี๋ยวพอน้ำท่วมหมดก็ต้องมานั่งเสียดาย เอาพออยู่พอใช้ อยู่แบบโล่งๆ ดีกว่า’
เรียกว่าเอาประสบการณ์ตรงนี้มาต่อยอดความคิด ปรับเปลี่ยนให้มันดีขึ้น คือบางทีหมอว่า บางคนคิดอะไรได้หลายอย่าง จากเหตุการณ์นี้ บางคนกลับมาคิดได้ว่า โอ้โห! ที่ฉันทำงานมาทั้งชีวิตเพื่ออะไรเนี้ย บางคนที่ผ่านมาไม่เคยมีเวลาให้ครอบครัวเลย แล้วดูสิ หาเงินมาเยอะแยะ จริงๆ แล้วสุดท้าย สิ่งที่สำคัญมันคือ คนที่เรารักนี่แหละ อยู่ที่ครอบครัวนี่แหละ เพราะฉะนั้นมันคงอาจจะถึงเวลาแล้ว ที่เราต้องมาดูว่า อะไรคือสิ่งที่สำคัญในชีวิตของเรา ลองจัดลำดับความสำคัญ ดูไหนๆ มันก็เกิดขึ้นแล้ว ก็พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสดีกว่า จะได้เรียนรู้ตัวเอง
อย่างตัวหมอได้เรียนรู้อีกอย่างนะ ได้เรียนรู้ว่า เราสู้ธรรมชาติไม่ได้หรอก เราเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา เราสู้ธรรมชาติไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องมาช่วยกัน รักษาโลก ป้องกันโลกร้อน เพราะวิกฤติที่มันเกิดขึ้นมามันเกิดจากน้ำมือมนุษย์นี่แหละ แทนที่จะมานั่งเสียใจ ก็ลองย้อนกลับมาคิดดีกว่า ว่าเราได้เรียนรู้อะไรจากประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ และราคาแพงนี้
อย่าไปจมอยู่กับความทุกข์ อย่ากังวลไปก่อนล่วงหน้า อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด แล้วก็ให้กำลังใจตัวเอง ต้องบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร เรายังมีลมหายใจอยู่ เงินทองหมดก็ยังหาใหม่ได้ เราต้องสู้ขึ้นมาใหม่ได้ นึกถึงตอนเราเด็กสิ กว่าจะเดินได้คุณต้องล้มกี่ครั้งกว่าคุณจะเดินได้ คุณยังลุกแล้วเดินต่อได้เลย แล้วมาเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ไม่เป็นไร ชีวิตมันมีหนทาง มันมีวิถีทาง มันมีทางไปเสมอแหละ ขอแค่เรามีกำลังใจ ขอให้เราเชื่อมั่นในตัวเอง แล้วบอกตัวเองว่า เราต้องผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้ เพราะยิ่งเราไปบอกตัวเองว่า ฉันเจ๊งแล้ว ฉันล้มเหลว ฉันซวยแล้ว แบบนี้มันจะยิ่งทำให้ไม่มีแรง ตอนนี้หมออยากให้กลับมาดูแลตัวเอง ทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจดีกว่า” คุณหมอ อัญชุลี ฝากข้อความทิ้งท้าย มาให้กำลังใจ
อย่างที่คุณหมอว่าค่ะ..... ชีวิตมีหนทาง มีทางให้ไปต่อเสมอ ขอแค่เรามีกำลังใจ บอกกับตัวเองว่า ‘ต้องผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้’ ฉะนั้น สู้ๆ นะคะ ทุกท่าน ^__^
คลิกอ่าน คิดบวก VS อุทกภัย ตอน ห่วงสมบัติ-บ้าน-รถ
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net
จิตแพทย์สาว หมอแอร์-พ.ต.ต.หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล ประจำโรงพยาบาลตำรวจ มาช่วยหาแนวทางแก้สารพันปัญหาความเครียด ที่คุณสาวๆ มักพบเจอในสภาวะน้ำท่วม ติดตามต่อเลยค่ะ
Question: ทะเลาะกับกับสามี หรือคนในครอบครัว เรื่องกั้นกระสอบทราย ขนย้ายข้าวของ จนจิตใจย่ำแย่ ควรทำอย่างไรดี ?
Answer: “คู่สามีภรรยาเมื่อเกิดความเครียด เกิดภัยธรรมชาติก็อาจทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งกันได้ เช่นบางคู่ คนหนึ่งตื่นเต้นกระต่ายตื่นตูมมาก แต่อีกคนใจเย็น คิดไม่เหมือนกันแล้วถ้ามาทะเลาะกันด้วยเรื่องนี้ ก็ยิ่งเพิ่มความเครียดให้มากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้นเมื่อเกิดวิกฤติแบบนี้ ต้องหันมาคุยกัน ปรับความเข้าใจซึ่งกันและกัน
เช่นบางทีแฟนเราเขาอาจจะกังวลมาก แต่ถ้าเรามองในแง่ดี คิดเสียว่ามันก็ดีนะ มันปลอดภัย เราจะได้เตรียมตัว ไม่ต้องไปทัดทานกัน หรือไม่ต้องไปบ่น ไปว่ากัน ว่า ‘คุณน่ะกระต่ายตื่นตูม’ โทษกันไปมา เถียงกันไม่จบไม่สิ้น ก็เป็นการเพิ่มความเครียดเปล่าๆ
หรืออย่างคุณผู้หญิงเอง หากว่า ถ้าคุณชายของเรา เขาจะเป็นคนใจเย็น ..ไม่เป็นไรค่ะ เขาจะไม่เดือดร้อน มันก็เป็นบุคลิกของเขา เราก็มาจัดการความกังวลของเราไป อะไรที่เป็นความกังวลของเรา กลัวของอะไรจะเสียหาย เราก็เก็บเท่าที่เราเก็บได้ ไม่ต้องไปเร้า ไม่ต้องไปเพิ่มให้เขามาเครียด มากังวลกับเรา มาตื่นเต้นตามเรา เพราะว่ามีบางบ้านเหมือนกัน ที่ตื่นตูมกันทั้งบ้าน พากันเร้า ทำให้ตื่นเต้นกันจนนอนไม่หลับกันทั้งบ้านแบบนั้นก็มี
ฉะนั้น ถ้าสามีหรือคนในบ้าน คิดไม่เหมือนกับเรา ก็มองในแง่ดีว่า ดีนะมีคนหนึ่งตื่นเต้น มีคนหนึ่งใจเย็น มันก็ไปด้วยกันได้ เช่นหากผู้หญิงเราตื่นเต้น จัดการข้าวของโดยที่สามีไม่ช่วย เหตุผลมันก็อาจจะเป็นเพราะ 1. เขาอาจจะเป็นคนใจเย็น 2. เขาอาจจะเครียดเหมือนกัน แต่ว่าเขาแสดงออกคนละแบบกับเรา บางทีเขาก็กังวลเหมือนกัน คือธรรมชาติของผู้ชายส่วนใหญ่ เขากังวล แต่เขาจะเก็บ โดยเฉพาะผู้ชายที่เป็นผู้นำครอบครัว มีภรรยา มีลูก บางทีกังวล แต่ไม่กล้าพูด กลัวพูดแล้วเดี๋ยวทำให้เมียไม่สบายใจ เดี๋ยวทำให้ลูกกังวล เลยเลือกที่จะนิ่งๆ ซึ่งการนิ่งของเขานั้น บางทีเขาอาจจะเก็บเพชร เก็บทองเรียบร้อยหมดแล้วก็ได้
แต่อย่างไรเสีย หมอก็คิดว่า ในช่วงเวลาแบบนี้ ก่อนอื่นอย่าไปห่วงทรัพย์สินเลย ห่วงชีวิตเรา ห่วงชีวิตคนที่เรารักดีกว่า มัวแต่ห่วงสมบัติหันมาอีกทีลูกหาย บางคนห่วงแต่สมบัติ หันมาอีกที สามีหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ดังนั้นหมอว่า มันคงเป็นเวลาที่เราต้องดูแลกันและกัน และชีวิตนี่แหละ อันนี้สำคัญที่สุดเลย”
เอาล่ะ! หลากปัญหาที่ได้หลายท่านอาจพาลพบ คงมีแนวทางให้คุณได้เบาใจไปบ้าง ทว่าปัญหาต่อไปจากนี้ หลังสภาวะน้ำท่วมเริ่มบรรเทา หากต้องเห็นภาพข้าวของเสียหาย จะทำใจอย่างไร ปรับความคิดอย่างไร เรามาถามคุณหมอเลยแล้วกัน
->หมอแนะหลักคิดหลังน้ำท่วม: ตั้งสติ ยิ้มสู้ เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส “เรียนรู้ชีวิต”
“หลังน้ำท่วม หมอว่า ต้องตั้งหลัก ตั้งสติดีๆ ต้องให้กำลังใจตัวเอง ต้องเชื่อมั่นตัวเอง และอยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด เพราะว่าที่เรากังวลส่วนใหญ่แล้ว คือ การกังวลไปก่อน พอหลังจากน้ำลดแล้ว บางคนก็คิดไปล่วงหน้า กลัวนั่น กลัวนี่ ไม่ต้องกลัวค่ะ ตราบใดที่เรายังมีชีวิตอยู่ เดี๋ยวทรัพยากรดีๆ เดี๋ยวสิ่งดีๆ คนดีๆ ก็เข้ามาเอง ขอให้เรามีกำลังใจที่จะสู้ต่อไป เงินทองหมดไป หาใหม่ได้ ท่องไว้แบบนี้
ต้องสู้ ไม่เป็นไร อะไรเสียแล้วก็เสียไป ให้ดีใจว่า ดีนะอย่างน้อยเราก็ยังรอดชีวิตมาได้ และหมอว่าบางที ไหนๆ มันก็เกิดแล้ว อาจจะถึงเวลาแล้วก็ได้ที่จะกลับมาทบทวนว่า เราได้เรียนรู้อะไรกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ ยกตัวอย่างเช่น หมอเองก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่สมบัติเยอะเหมือนกัน หมอก็เรียนรู้ว่า จากนี้ชีวิตเราต้องอยู่แบบพอเพียงบ้าง สมถะบ้าง เก็บเป็นเงินไว้ดีกว่า ข้าวของไม่ต้องซื้อเยอะ เอาเป็นเงินเก็บไว้ดีกว่า ต้องตัดใจบ้าง อย่างของหมอก็คิดไว้เลย ‘ต่อไปนะ ฉันจะซื้ออะไร แค่ที่พออยู่ พอใช้ก็พอแล้ว เฟอร์นิเจอร์ไม่ต้องซื้อเยอะนัก เดี๋ยวพอน้ำท่วมหมดก็ต้องมานั่งเสียดาย เอาพออยู่พอใช้ อยู่แบบโล่งๆ ดีกว่า’
เรียกว่าเอาประสบการณ์ตรงนี้มาต่อยอดความคิด ปรับเปลี่ยนให้มันดีขึ้น คือบางทีหมอว่า บางคนคิดอะไรได้หลายอย่าง จากเหตุการณ์นี้ บางคนกลับมาคิดได้ว่า โอ้โห! ที่ฉันทำงานมาทั้งชีวิตเพื่ออะไรเนี้ย บางคนที่ผ่านมาไม่เคยมีเวลาให้ครอบครัวเลย แล้วดูสิ หาเงินมาเยอะแยะ จริงๆ แล้วสุดท้าย สิ่งที่สำคัญมันคือ คนที่เรารักนี่แหละ อยู่ที่ครอบครัวนี่แหละ เพราะฉะนั้นมันคงอาจจะถึงเวลาแล้ว ที่เราต้องมาดูว่า อะไรคือสิ่งที่สำคัญในชีวิตของเรา ลองจัดลำดับความสำคัญ ดูไหนๆ มันก็เกิดขึ้นแล้ว ก็พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสดีกว่า จะได้เรียนรู้ตัวเอง
อย่างตัวหมอได้เรียนรู้อีกอย่างนะ ได้เรียนรู้ว่า เราสู้ธรรมชาติไม่ได้หรอก เราเป็นแค่มนุษย์ธรรมดา เราสู้ธรรมชาติไม่ได้ เพราะฉะนั้นเราต้องมาช่วยกัน รักษาโลก ป้องกันโลกร้อน เพราะวิกฤติที่มันเกิดขึ้นมามันเกิดจากน้ำมือมนุษย์นี่แหละ แทนที่จะมานั่งเสียใจ ก็ลองย้อนกลับมาคิดดีกว่า ว่าเราได้เรียนรู้อะไรจากประสบการณ์อันยิ่งใหญ่ และราคาแพงนี้
อย่าไปจมอยู่กับความทุกข์ อย่ากังวลไปก่อนล่วงหน้า อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุด แล้วก็ให้กำลังใจตัวเอง ต้องบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร เรายังมีลมหายใจอยู่ เงินทองหมดก็ยังหาใหม่ได้ เราต้องสู้ขึ้นมาใหม่ได้ นึกถึงตอนเราเด็กสิ กว่าจะเดินได้คุณต้องล้มกี่ครั้งกว่าคุณจะเดินได้ คุณยังลุกแล้วเดินต่อได้เลย แล้วมาเหตุการณ์ครั้งนี้ก็ไม่เป็นไร ชีวิตมันมีหนทาง มันมีวิถีทาง มันมีทางไปเสมอแหละ ขอแค่เรามีกำลังใจ ขอให้เราเชื่อมั่นในตัวเอง แล้วบอกตัวเองว่า เราต้องผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้ เพราะยิ่งเราไปบอกตัวเองว่า ฉันเจ๊งแล้ว ฉันล้มเหลว ฉันซวยแล้ว แบบนี้มันจะยิ่งทำให้ไม่มีแรง ตอนนี้หมออยากให้กลับมาดูแลตัวเอง ทั้งสุขภาพร่างกายและจิตใจดีกว่า” คุณหมอ อัญชุลี ฝากข้อความทิ้งท้าย มาให้กำลังใจ
อย่างที่คุณหมอว่าค่ะ..... ชีวิตมีหนทาง มีทางให้ไปต่อเสมอ ขอแค่เรามีกำลังใจ บอกกับตัวเองว่า ‘ต้องผ่านวิกฤตินี้ไปให้ได้’ ฉะนั้น สู้ๆ นะคะ ทุกท่าน ^__^
คลิกอ่าน คิดบวก VS อุทกภัย ตอน ห่วงสมบัติ-บ้าน-รถ
>> อัพเดตข่าวในแวดวงสังคม ก็อซซิป แฟชั่น ความงาม และเที่ยว กิน ดื่ม เพิ่มเติมได้ที่ http://www.celeb-online.net