คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม
หากวันนี้ แอล เดวิส ยังนั่งเก้าอี้นายใหญ่ โอคแลนด์ เรดเดอร์ส เจ้าของทีมจอมล้วงลูกคงได้ดีดนิ้วสะใจที่เห็นแฟรนไชส์ประสบความสำเร็จในการเทรดตัว คาร์สัน พาลเมอร์ มาเป็นความหวังพาทีมลุ้นเป็นแชมป์กลุ่มเอเอฟซี (AFC) ตะวันตก ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าควอเตอร์แบ็กวัย 31 ปี ก็ประสงค์ส่งของขวัญชิ้นดังกล่าวขึ้นสู่สรวงสวรรค์ให้แก่ แอลเลน "แอล" เดวิส เช่นกัน
ห่างหายจากกลิ่นไอเพลย์ออฟไปนานถึง 8 ปี หลังจากที่ บิลล์ คัลลาแฮน นำพลพรรค "สลัดดำ" เรดเดอร์ส หลุดเข้าชิงชัยซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 37 เมื่อปี 2002 แต่ ริช แกนนอน กับ เจอร์รี ไรซ์ ไม่สามารถแบกทีมต่อกรกับ แทมปาเบย์ บัคคาเนียร์ส โดนถล่มยับ 21-48 และการอำลาถิ่นโคลีเซียมของ จอน กรูเดน ในปีก่อนหน้านั้นก็สร้างความบอบช้ำให้ "บิ๊กแอล" ไม่น้อย เพราะกลายเป็นว่า กรูเดน นำทัพบัคส์พิชิตต้นสังกัดเก่าในศึกชิง "วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี" นั่นเอง
โดย เดวิส เปลี่ยนเฮดโค้ชมานับไม่ถ้วน นอกจาก คัลลาแฮน ก็มีทั้ง นอร์ฟ เทอร์เนอร์, อาร์ท แชลล์, เลน คิฟฟิน หรือ ทอม เคเบิล ซึ่งไม่เคยมีสถิติพาทีมชนะมากกว่าแพ้ จนหวยมาลงที่ ฮู แจ็คสัน ซึ่งได้รับการโปรโมตจากโค้ชทีมบุกขึ้นมาลุยงานใหญ่เป็นปีแรก อย่างไรก็ดี สิ่งที่แฟนๆ คาดหวังเห็นจะหนีไม่พ้นการมี "จอมทัพ" ที่ฝากผีฝากไข้ได้สักคน ทว่าที่ผ่านมา เคอร์รี คอลลินส์, จอช แม็คคาวน์, ดันเต คัลเพพเพอร์, จามาร์คัส รัสเซลล์ รวมถึง บรูซ แกรดคอฟสกี แทบพึ่งพาไม่ได้ โดยเฉพาะ รัสเซลล์ เป็นหนึ่งใน "นัมเบอร์วัน ดราฟท์" น่าผิดหวังตลอดกาลของ NFL ก็ว่าได้
ตลอดช่วง 2 ปีมานี้ เรดเดอร์ส ฝากความหวังไว้บนบ่า เจสัน แคมป์เบลล์ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดีจาก ดาร์เรน แม็คฟาดเดน คอยถือบอลกระทุ้งเปิดโหมดเกมบุกภาคพื้นดิน ทำให้ แคมป์เบลล์ ไม่ต้องผวาขว้างเลอะเทอะจนเสียกระบวน ทว่าจากการที่อดีตจอมทัพ วอชิงตัน เรดสกินส์ บาดเจ็บถึงขั้นกระดูกไหปลาร้าหักเกมอัด คลีฟแลนด์ บราวน์ส สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประจวบเหมาะกับ คาร์สัน พาลเมอร์ ดิ้นสุดฤทธิ์เพื่อให้ได้ออกจาก ซินซินเนติ เบงกอลส์ ดังนั้น "สลัดดำ" จึงทำตามประสงค์ของ "เอ.ดี." นั่นก็คือ การพุ่งหาควอเตอร์แบ็กแห่งแฟรนไชส์อย่าง พาลเมอร์ มานำทีม แทนที่จะเสี่ยงเดิมพันซีซันที่กำลังได้ลุ้นตั๋วเพลย์ออฟไปกับ ไคล บอลเลอร์ มือ 2 หรือ เทอร์เรลล์ พรายเออร์ รุคกี้ซึ่งยังต้องเรียนรู้ระบบกันอีกนาน
ซึ่งจุดเด่นของ พาลเมอร์ คือพลังแขนที่สามารถขว้างทำระยะเป็นกอบเป็นกำ ช่วยกลบจุดด้อยเกมบุกทางอากาศของ เรดเดอร์ส ได้เป็นอย่างดี นี่ถ้าปีกนอกซูเปอร์สตาร์ แรนดี มอสส์ ไม่ถอดใจอำลาวงการไปเสียก่อน "สลัดดำ" มีโอกาสกางใบเรือแล่นฉิว เพราะทีมได้ปีกในฝีมือดีอย่าง เควิน บอส มาเสริม ขณะที่เกมวิ่งหายห่วง (เฉลี่ย 160 หลาต่อเกม) เจ๋งสุดอันดับ 2 ของลีกเป็นรองแค่ ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ จุดนี้น่าจะช่วยให้ พาลเมอร์ ลดโอกาสขว้างเสียอินเทอร์เซปต์ไปในตัวด้วย ส่วนทีมรับการเสีย เอ็นนามดี อาโซมุกฮา สุดยอดตัวคุมปีกให้อีเกิลส์ ผ่านไป 6 เกม เรดเดอร์ส โดนขว้างเจาะเฉลี่ย 283.5 หลาต่อเกม เพิ่งอินเทอร์เซปต์คู่แข่งได้เพียง 5 หน ยังดีที่ ริชาร์ด ซีมัวร์ นำทัพแนวหน้าแซ็คควอเตอร์แบ็กคู่แข่งรวมแล้ว 16 ครั้ง
ปัจจุบัน เรดเดอร์ส สถิติชนะ 4 แพ้ 2 เกม ถือว่ามีโอกาสลุยโพสต์ซีซันไม่น้อย เมื่อเป็นรอง ซานดิอาโก ชาร์จเจอร์ส แค่ครึ่งก้าว ขณะที่โปรแกรมที่สาหัสจริงๆ คือเกมเยือน "แชมป์เก่า" กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส เท่านั้น แล้วก็ไปวัดผลเหย้า-เยือนกับ ชาร์จเจอร์ส งานนี้สาวก "สลัดดำ" จะได้เห็นผลงานของจอมทัพคนใหม่เกมประเดิมเปิดบ้านรับ แคนซัส ซิตี ชีฟส์ คืนวันอาทิตย์นี้ จากนั้น พาลเมอร์ คงได้จูนเครื่องกับเพื่อนๆ เมื่อต้นสังกัดได้บายวีคพอดี เมื่อกลับมาชน เดนเวอร์ บรองโกส์ ก่อนเยือน ชาร์จเจอร์ส ในสองสัปดาห์ถัดมา เราคงได้เห็นหน้าเห็นหลังว่า "คาร์สัน พาลเมอร์" ใกล้เคียงคำตอบสุดท้ายในการนำ โอคแลนด์ เรดเดอร์ส สู่บัลลังก์แชมป์ดิวิชันได้จริงหรือไม่
หากวันนี้ แอล เดวิส ยังนั่งเก้าอี้นายใหญ่ โอคแลนด์ เรดเดอร์ส เจ้าของทีมจอมล้วงลูกคงได้ดีดนิ้วสะใจที่เห็นแฟรนไชส์ประสบความสำเร็จในการเทรดตัว คาร์สัน พาลเมอร์ มาเป็นความหวังพาทีมลุ้นเป็นแชมป์กลุ่มเอเอฟซี (AFC) ตะวันตก ซึ่งเชื่อเหลือเกินว่าควอเตอร์แบ็กวัย 31 ปี ก็ประสงค์ส่งของขวัญชิ้นดังกล่าวขึ้นสู่สรวงสวรรค์ให้แก่ แอลเลน "แอล" เดวิส เช่นกัน
ห่างหายจากกลิ่นไอเพลย์ออฟไปนานถึง 8 ปี หลังจากที่ บิลล์ คัลลาแฮน นำพลพรรค "สลัดดำ" เรดเดอร์ส หลุดเข้าชิงชัยซูเปอร์โบว์ล ครั้งที่ 37 เมื่อปี 2002 แต่ ริช แกนนอน กับ เจอร์รี ไรซ์ ไม่สามารถแบกทีมต่อกรกับ แทมปาเบย์ บัคคาเนียร์ส โดนถล่มยับ 21-48 และการอำลาถิ่นโคลีเซียมของ จอน กรูเดน ในปีก่อนหน้านั้นก็สร้างความบอบช้ำให้ "บิ๊กแอล" ไม่น้อย เพราะกลายเป็นว่า กรูเดน นำทัพบัคส์พิชิตต้นสังกัดเก่าในศึกชิง "วินซ์ ลอมบาร์ดี โทรฟี" นั่นเอง
โดย เดวิส เปลี่ยนเฮดโค้ชมานับไม่ถ้วน นอกจาก คัลลาแฮน ก็มีทั้ง นอร์ฟ เทอร์เนอร์, อาร์ท แชลล์, เลน คิฟฟิน หรือ ทอม เคเบิล ซึ่งไม่เคยมีสถิติพาทีมชนะมากกว่าแพ้ จนหวยมาลงที่ ฮู แจ็คสัน ซึ่งได้รับการโปรโมตจากโค้ชทีมบุกขึ้นมาลุยงานใหญ่เป็นปีแรก อย่างไรก็ดี สิ่งที่แฟนๆ คาดหวังเห็นจะหนีไม่พ้นการมี "จอมทัพ" ที่ฝากผีฝากไข้ได้สักคน ทว่าที่ผ่านมา เคอร์รี คอลลินส์, จอช แม็คคาวน์, ดันเต คัลเพพเพอร์, จามาร์คัส รัสเซลล์ รวมถึง บรูซ แกรดคอฟสกี แทบพึ่งพาไม่ได้ โดยเฉพาะ รัสเซลล์ เป็นหนึ่งใน "นัมเบอร์วัน ดราฟท์" น่าผิดหวังตลอดกาลของ NFL ก็ว่าได้
ตลอดช่วง 2 ปีมานี้ เรดเดอร์ส ฝากความหวังไว้บนบ่า เจสัน แคมป์เบลล์ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความช่วยเหลือเป็นอย่างดีจาก ดาร์เรน แม็คฟาดเดน คอยถือบอลกระทุ้งเปิดโหมดเกมบุกภาคพื้นดิน ทำให้ แคมป์เบลล์ ไม่ต้องผวาขว้างเลอะเทอะจนเสียกระบวน ทว่าจากการที่อดีตจอมทัพ วอชิงตัน เรดสกินส์ บาดเจ็บถึงขั้นกระดูกไหปลาร้าหักเกมอัด คลีฟแลนด์ บราวน์ส สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ประจวบเหมาะกับ คาร์สัน พาลเมอร์ ดิ้นสุดฤทธิ์เพื่อให้ได้ออกจาก ซินซินเนติ เบงกอลส์ ดังนั้น "สลัดดำ" จึงทำตามประสงค์ของ "เอ.ดี." นั่นก็คือ การพุ่งหาควอเตอร์แบ็กแห่งแฟรนไชส์อย่าง พาลเมอร์ มานำทีม แทนที่จะเสี่ยงเดิมพันซีซันที่กำลังได้ลุ้นตั๋วเพลย์ออฟไปกับ ไคล บอลเลอร์ มือ 2 หรือ เทอร์เรลล์ พรายเออร์ รุคกี้ซึ่งยังต้องเรียนรู้ระบบกันอีกนาน
ซึ่งจุดเด่นของ พาลเมอร์ คือพลังแขนที่สามารถขว้างทำระยะเป็นกอบเป็นกำ ช่วยกลบจุดด้อยเกมบุกทางอากาศของ เรดเดอร์ส ได้เป็นอย่างดี นี่ถ้าปีกนอกซูเปอร์สตาร์ แรนดี มอสส์ ไม่ถอดใจอำลาวงการไปเสียก่อน "สลัดดำ" มีโอกาสกางใบเรือแล่นฉิว เพราะทีมได้ปีกในฝีมือดีอย่าง เควิน บอส มาเสริม ขณะที่เกมวิ่งหายห่วง (เฉลี่ย 160 หลาต่อเกม) เจ๋งสุดอันดับ 2 ของลีกเป็นรองแค่ ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ จุดนี้น่าจะช่วยให้ พาลเมอร์ ลดโอกาสขว้างเสียอินเทอร์เซปต์ไปในตัวด้วย ส่วนทีมรับการเสีย เอ็นนามดี อาโซมุกฮา สุดยอดตัวคุมปีกให้อีเกิลส์ ผ่านไป 6 เกม เรดเดอร์ส โดนขว้างเจาะเฉลี่ย 283.5 หลาต่อเกม เพิ่งอินเทอร์เซปต์คู่แข่งได้เพียง 5 หน ยังดีที่ ริชาร์ด ซีมัวร์ นำทัพแนวหน้าแซ็คควอเตอร์แบ็กคู่แข่งรวมแล้ว 16 ครั้ง
ปัจจุบัน เรดเดอร์ส สถิติชนะ 4 แพ้ 2 เกม ถือว่ามีโอกาสลุยโพสต์ซีซันไม่น้อย เมื่อเป็นรอง ซานดิอาโก ชาร์จเจอร์ส แค่ครึ่งก้าว ขณะที่โปรแกรมที่สาหัสจริงๆ คือเกมเยือน "แชมป์เก่า" กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส เท่านั้น แล้วก็ไปวัดผลเหย้า-เยือนกับ ชาร์จเจอร์ส งานนี้สาวก "สลัดดำ" จะได้เห็นผลงานของจอมทัพคนใหม่เกมประเดิมเปิดบ้านรับ แคนซัส ซิตี ชีฟส์ คืนวันอาทิตย์นี้ จากนั้น พาลเมอร์ คงได้จูนเครื่องกับเพื่อนๆ เมื่อต้นสังกัดได้บายวีคพอดี เมื่อกลับมาชน เดนเวอร์ บรองโกส์ ก่อนเยือน ชาร์จเจอร์ส ในสองสัปดาห์ถัดมา เราคงได้เห็นหน้าเห็นหลังว่า "คาร์สัน พาลเมอร์" ใกล้เคียงคำตอบสุดท้ายในการนำ โอคแลนด์ เรดเดอร์ส สู่บัลลังก์แชมป์ดิวิชันได้จริงหรือไม่