แจ็ก วอร์เนอร์ อดีตรองประธานลูกหนังนานาชาติ หรือฟีฟา (FIFA) ถึงคราวจนมุม เมื่อเทเลกราฟ (Telegraph) สื่อแดนผู้ดีขุดวิดีโอแฉพฤติกรรมไม่โปร่งใสในการเลือกตั้งประธานฟีฟาที่ผ่านมา ด้วยการรับเงินจากโมฮัมเหม็ด บิน ฮัมมัม หนึ่งในแคนดิเดตชิงเก้าอี้ประธานฟีฟา ไปแจกจ่ายให้แก่สมาชิกสหพันธ์ฟุตบอลแคริบเบียน (CFU) เพื่อแลกกับเสียงโหวต
วิดีโอดังกล่าวถูกบันทึกเมื่อวันที่ 11 พ.ค. เผยให้เห็นภาพของวอร์เนอร์กำลังพูดคุยกับบรรดาสมาชิกของซีเอฟยู ให้ตัดสินใจรับสินบนจากโมฮัมเหม็ด บิน ฮัมมัม ประธานสหพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (AFC) ในเวลานั้น เป็นเงินจำนวน 25,000 ยูโร (ประมาณ 1 ล้านบาท) แลกกับเสียงโหวตในการชิงเก้าอี้ประธานฟีฟาครั้งล่าสุดกับ เซปป์ แบลตเตอร์ บิ๊กลูกหนังโลกจากแดนนาฬิกา
สำหรับเนื้อหา วอร์เนอร์เริ่มต้นด้วยการถามว่ามีสื่ออยู่ในที่ประชุมแห่งนี้หรือไม่? ก่อนกล่าวต่อว่า “เมื่อโมฮัมเหม็ด บิน ฮัมมัม ต้องการเดินทางมาที่แคริบเบียน พร้อมกับเครื่องเงิน, ถ้วยไม้ ผ้าทอ หรืออื่นๆ ผมบอกเขาไปว่าไม่ต้องนำอะไรมาทั้งสิ้น แต่หากเขาต้องการนำบางสิ่งมาให้เราเพื่อแลกกับบางสิ่งบางอย่างที่มีค่าใกล้เคียงกับสิ่งที่เขาให้”
“ผมบอกเขาว่าไม่ต้องการให้นำเงินมาแจกใครๆ แต่เมื่อยืนยันที่จะทำเช่นนั้น ก็ควรจะมอบให้กับทางซีเอฟยู เพื่อให้เขาไปแจกต่อสมาชิกของตัวเอง ผมไม่อยากให้มันเป็นเครื่องผูกมัดเพื่อแลกกับเสียงโหวตเพราะของขวัญที่ได้มา และเขาก็เข้าใจในสิ่งนั้น” ซึ่งต่อมา วอร์เนอร์เองก็เสนอว่าหากสมาชิกคนใดไม่เต็มใจรับสินบนครั้งนี้ ตนก็พร้อมจะรับเงินเพื่อนำไปคืนให้กับบิน ฮัมมัมต่อไป
นอกจากนั้น วอร์เนอร์ยังเปิดประเด็นถึง มิเชล พลาตินี ปธ.ยูฟาคนปัจจุบันที่มีข่าวอาจได้รับเลือกให้เป็นประธานฟีฟาคนต่อไปว่า “พวกเราต้องแน่ใจว่าพลาตินีจะไม่ได้เข้ามาเป็นผู้สืบทอดของแบลตเตอร์ เพราะหากมันเกิดขึ้นจริง ฟีฟาก็จะเป็นจังหวัดหนึ่งของฝรั่งเศสตลอดกาล เราไม่รู้ว่าการที่ได้ประธานเป็นชาวฝรั่งเศสจะเป็นประโยชน์ต่อเราหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ผมไม่คิดว่านั่นจะเป็นประโยชน์สำหรับเรา”
สำหรับปัจจุบัน แบลตเตอร์ยังคงได้รับความไว้วางใจจากชาติสมาชิกจำนวน 183 เสียง โหวตให้นั่งเก้าอี้ประมุขลูกหนังโลกต่อเป็นสมัยที่ 4 ขณะที่ โมฮัมเหม็ด บิน ฮัมมัม โดนฟีฟาสั่งแบนห้ามยุ่งเกี่ยวกับวงการฟุตบอลตลอดชีวิต ส่วนวอร์เนอร์ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งรองประธานฟีฟาเมื่อวันที่ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา
