ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ เปิดบ้านถล่มเอาชนะ ลิเวอร์พูล แบบสบายเท้า 4-0 หลังจากทีมเยือนเหลือผู้เล่นแค่ 9 ตัว ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี แผ่วปลายถูก ฟูแลม ตามตีเสมอ 2-2 ในเกมพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 4-0 ลิเวอร์พูล
สเปอร์ส เปิดสนามไวท์ ฮาร์ท เลน รับมือ ลิเวอร์พูล โดย แฮร์รี เรดแนปป์ กุนซือเจ้าถิ่นเรียกผู้เล่นตัวหลักกลับมาอย่างครบครับ หลังจากให้พักในเกมยุโรปเมื่อกลางสัปดาห์ ลูกา โมดริช คุมเกมตรงกลางร่วมกับ สกอตต์ พาร์เกอร์ พร้อมกับมี แกเร็ธ เบล ทำเกมทางริมเส้น ส่วนคู่หน้า เจอร์แมน เดโฟ และ เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ล่าตาข่ายร่วมกัน ทางฝั่งทีมเยือนของ เคนนี ดัลกลิช สภาพทีมค่อนข้างสมบูรณ์ โดยที่ หลุยส์ ซัวเรซ และ แอนดี คาร์โรลล์ เป็นคู่หัวหอกแดนหน้า
เปิดฉากครึ่งแรก 3 นาที สเปอร์ส มีลุ้นประตูทันที ครานชาร์ ลากบอลขึ้นมาหน้าเขตโทษ ก่อนจ่ายให้ อเดบายอร์ ยิงหลุดเสาสอง กระทั่งอีก 4 ถัดมา เบล ทำเกมขึ้นมาทางกราบซ้าย ก่อนเปิดบอลเข้ากลาง เดโฟ เก็บบอลไม่ได้ แต่บอลมาเข้าทาง โมดริช ตะบันด้วยขวาเสียบใต้คานอย่างสวยงามให้เจ้าถิ่นออกนำ 1-0
เจ้าบ้านยังเป็นฝ่ายบุกกดดันต่อ ในนาที 13 เบล กระชากบอลหนี มาร์ติน สเคอร์เทล ขึ้นมาทางกราบซ้ายอีกครั้ง ก่อนผ่านมาให้ โมดริช ตวัดยิงด้วยซ้ายติดเซฟ เรนา ขณะที่ ลิเวอร์พูล เกือบทำประตูตามตีเสมอในนาที 18 คาร์โรลล์ แย่งบอลมาได้จากกองหลัง สเปอร์ส หน้าเขตโทษ ก่อนที่สุดท้ายบอลมาถึง ซัวเรซ จิ้มสวนตัว แบรด ฟรีเดล เข้าซุกก้นตาข่าย แต่ผู้กำกับเส้นยกธงล้ำหน้าก่อนไม่ได้ประตู
เกมมาถึงนาที 21 สเปอร์ส ทำเกมต่อบอลขึ้นมาทางขวา อเดบายอร์ ทำชิ่งกับ ครานชาร์ ก่อนสับไกด้วยซ้ายเหินข้ามคาน หลังจากนั้นอีก 5 นาที แอกเกอร์ มีปัญหาบาดเจ็บถูกเปลี่ยนตัวออก เซบาสเตียน โคเอเตส กองหลังตัวใหม่ชาวอุรุกวัยลงมาแทน
ต่อมานาที 28 ลิเวอร์พูล เจอปัญหาอีกครั้งเมื่อต้องเหลือผู้เล่น 10 คน หลังจาก ชาร์ลี อดัม ไปย่ำเท้าใส่ พาร์เกอร์ จนถูกใบเหลืองที่สองเป็นใบแดง หลังจากนั้น สเปอร์ส แม้ตัวผู้เล่นมากกว่า แต่กลับทำเกมไม่ถนัดเนื่องจากทีมเยือนตั้งรับกันเหนียวแน่นมากขึ้น ทำให้จบครึ่งแรก สกอร์ไม่เปลี่ยนแปลงเจ้าถิ่นนำแค่ลูกเดียว
เกมครึ่งหลังลงสนามมาไม่ถึงนาที สเปอร์ส เกือบทำประตูออกนำ หลังจาก ไคล์ วอล์คเกอร์ กระชากบอลขึ้นมาทางกราบขวาให้ อเดบายอร์ ซึ่งจ่ายเร็วให้ เดโฟ ยิงในเขตโทษ แต่หลุดเสาสอง หลังจาก เบล มีโอกาสสับไกยิงจากนอกเขตโทษ 2 ครั้ง แต่ไม่ผ่านมือ เรนา
ขณะที่ ลิเวอร์พูล มาได้ลุ้นประตูอีกครั้งในนาที 62 จากลูกฟรีคิกหน้าเขตโทษ ซัวเรซ ปั่นด้วยขวาแต่โค้งหลุดกรอบแบบไม่ได้ลุ้น นาทีถัดมาสถานการณ์ของทีมเยือนยิ่งเลวร้ายลงไปอีก เมื่อ สเคอร์เทล ทำฟาวล์ใส่ เบล ถูกใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงทำให้ทีมของ เคนนี ดัลกลิช เหลือผู้เล่น 9 คน
หลังจากตัวผู้เล่นมากกว่า สเปอร์ส ก็มาทำประตูนำ 2-0 ทันทีในนาที 66 ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ซึ่งลงมาในครึ่งเวลาหลัง จ่ายบอลให้ เดโฟ หลุดกับดักล้ำหน้าเข้าไปในเขตโทษ แม้มี โฆเซ เอ็นริเก ตามมาประกบ แต่กองหน้าทีมชาติอังกฤษพลิกตัวยิงผ่านมือ เรนา ตุงตาข่าย
ต่อมานาที 68 อเดบายอร์ ตามซ้ำลูกยิงไกลของ เดโฟ ช่วยให้เจ้าถิ่นขยับสกอร์หนี 3-0 ก่อนที่กองหน้าชาวโตโก จะบวกเพิ่มอีกในช่วงทดเวลาบาดเจ็บทำให้จบเกม สเปอร์ส เป็นฝ่ายเอาชนะไปแบบขาดลอย 4-0 พร้อมเก็บสามคะแนนเต็ม ส่วน ลิเวอร์พูล แพ้ 2 นัดติดต่อกัน
ขณะที่ผลการแข่งขันอีกสองคู่ในช่วงแรก แมนเชสเตอร์ ซิตี ซึ่งเก็บชัยชนะ 4 นัดรวด บุกไปเยือน ฟูแลม แม้ว่าทีมเยือนเป็นฝ่ายนออกนำก่อน 2-0 จากลูกยิงของ เซร์คิโอ อกูเอโร กองหน้าอาร์เจนไตน์ ในนาที 17 และ 46 ตามลำดับ แต่หลังจากนั้นทีมของโรแบร์โต มันชินี แผ่วถูกเจ้าถิ่นตามตีเสมอ 2-2 จาก บ็อบบี ซาโมรา ในนาที 54 และ แดนนี เมอร์ฟีย์ ยิงแฉลบกองหลังเปลี่ยนทางก่อนจบเกม 15 นาที ส่วน ซันเดอร์แลนด์ เปิดบ้านถล่มเอาชนะ สโต๊ค ซิตี 4-0
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
สเปอร์ส : แบรด ฟรีเดล, เลดลีย์ คิง, ยูเนส คาบูล, เบนัวต์ แอสซู-เอกอตโต, ไคล์ วอล์คเกอร์, สกอตต์ พาร์เกอร์, ลูกา โมดริช, แกเร็ธ เบล, นิโก ครานชาร์, เจอร์แมน เดโฟ, เอ็มมานูเอล อเดบายอร์
ลิเวอร์พูล : เปเป เรนา, ดาเนียล แอกเกอร์, เจมี คาร์ราเกอร์, โฆเซ เอ็นริเก, มาร์ติน สเคอร์เทล, ชาร์ลี อดัม, ลูคัส, จอร์แดน เฮนเดอร์สัน, หลุยส์ ซัวเรซ, สจวร์ต ดาวนิง, แอนดี คาร์โรลล์