เจาะขุมพลัง "ช้างศึก" ก่อนตัดตัวคัดบอลโลก

ASTV ผู้จัดการรายวัน - ทีมชาติไทยมีคิวทำศึกฟุตบอลโลก 2014 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบสาม ใน 2 นัดแรกของกลุ่มดี ด้วยการบุกไปเยือน ออสเตรเลีย (2 กันยายน) และเฝ้าบ้านพบ โอมาน (6 กันยายน) ซึ่งถือเป็นเกมที่หนักไม่น้อย ทั้งนี้ วินฟรีด เชเฟอร์ กุนซือชาวเยอรมันต้องคิดหนักกับการจัดทัพที่ดีที่สุดลงสู้ อันเนื่องมาจากอาการบาดเจ็บรุมเร้านักเตะตัวหลัก ดังนั้นทีมข่าว MGR Sport นำเสนอบทวิเคราะห์กลุ่มผู้เล่นที่น่าจะเป็นขุมกำลังทดแทนในแต่ละตำแหน่งก่อนตัดตัวเหลือ 23 คนสุดท้าย หลังแมตช์อุ่นเครื่องกับสิงคโปร์ พุธที่ 24 สิงหาคมนี้

ผู้รักษาประตู
จากการที่ กวิน ธรรมสัจจานันท์ มือ 1 เอ็นข้อศอกซ้ายฉีกจนต้องถอนตัว ดังนั้นมีโอกาสที่ “วินนี” จะมอบหมายให้ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล ยืนปราการด่านสุดท้ายอีกครั้ง แม้ในช่วงหลัง ศิวรักษ์ เทศสูงเนิน กับ ฉัตรชัย บุตรพรหม โชว์ฟอร์มหนึบให้แก่ต้นสังกัดก็ตาม ทว่าหากเทียบชั่วโมงบิน "เจ้าตี๋" เหนือกว่าชัดเจน โดยในเกมที่กดดันและหวังแต้มเช่นนี้ ประสบการณ์ระดับนานาชาติ รวมถึงการตัดสินใจสั่งการในแนวรับของนายทวารจากค่ายชลบุรี ยามขาดปราการหลังที่เป็นผู้นำอย่าง ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ จะมีประโยชน์ไม่น้อย

กองหลัง
การขาด ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ และ ภานุพงศ์ วงศ์ษา คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟตัวหลักที่เล่นร่วมกันในระยะหลัง ทำให้แนวรับไทยเกิดช่องโหว่ ส่งผลกระทบแน่นอนโดยเฉพาะการรับมือลูกกลางอากาศ หาก เชเฟอร์ เน้นเรื่องความสัมพันธ์ในเกมรับเป็นอันดับแรกอาจจัด ชลทิตย์ จันทคาม กับ สุทธินันท์ พุกหอม ลงเฝ้าหลังบ้าน เพราะน่าจะเข้าขารู้ใจกับ สินทวีชัย ที่เล่นร่วมกันในทีม "ฉลามชล" มากที่สุด แต่ถ้าต้องการความเก๋า นิเวส ศิริวงศ์ ซึ่งอยู่ในชุดเอเชียน คัพ 2007 ที่เคยปะทะกับ ออสเตรเลีย ถือเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ส่วน ประทุม ชูทอง แม้ประสบการณ์ในเกมใหญ่ยังน้อยแต่สิ่งที่ทดแทนได้คือความสดและลูกดุดัน

ขณะที่แบ็กขวา สุรีย์ สุขะ เจ็บข้อเท้าถอนตัวไปนั้น เชเฟอร์ พอเบาใจได้ เพราะยังมี จักรพันธ์ แก้วพรม ที่ถอยจากมิดฟิลด์ลงมาปักหลักแทนได้อย่างเนียนตาในการดวลกับ ปาเลสไตน์ รอบที่ผ่านมา อีกทั้ง สุทธินันท์สามารถโยกมารับบทบาทนี้ได้เช่นกัน แต่ถ้ามองถึงกำลังเสริม น่าจับตาไปที่ ไพฑูรย์ เทียบมา ซึ่งยึด 11 ตัวแรกของ เมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด ได้บ่อยกว่าเพื่อนร่วมทีมอย่าง พลวัฒน์ วังฆะฮาด ส่วนแบ็กซ้ายไร้ปัญหา เนื่องจาก ธีราทร บุญมาทัน และ ศุภชัย คมศิลป์ ต่างกำลังอยู่ในฟอร์มที่ดี

กองกลาง
จัดเป็นตำแหน่งที่สมบูรณ์พร้อม แกนหลักอยู่กันพร้อมหน้าทั้ง ดัสกร ทองเหลา, อดุล หละโสะ, สุรัตน์ สุขะ, พิชิตพงษ์ เฉยฉิว, รังสรรค์ วิวัฒน์ชัยโชค ล้วนเก็บบอลจ่ายบอลได้ดี ส่วน สุเชาว์ นุชนุ่ม ก็ผ่านเกมทีมชาติมาไม่น้อยน่าจะถูกหนีบติดธง สำหรับกองกลางเลือดใหม่น่าสนใจเช่นกัน ปกเกล้า อนันต์ เป็นมิดฟิลด์ตัวคุมจังหวะและยังลงมาเล่นกองหลังได้ ขณะที่ อภิภู สุนทรพนาเวศ และ ปิยพล บรรเทา มีดีในการสอดเข้าไปพังประตูจากแถวสอง ด้าน อาทิตย์ สุนทรพิธ ซ้ายธรรมชาติขึ้นชื่อเรื่องลูกนิ่ง แต่ทั้งนี้ต้องรอดูแท็กติกของ "วินนี"ว่าจะเน้นคุมเกมแดนกลางในลักษณะใด

กองหน้า
ธีรศิลป์ แดงดา เป็นตัวยืนอย่างไร้ข้อกังขาจากฟอร์มอันดีเยี่ยมทั้งในสโมสรและทีมชาติ แต่ในเกมบู๊จิงโจ้ และ โอมาน สรีระของ “"มุ้ย" ถือว่าเสียเปรียบในการเบียดปะทะกับกองหลังรูปร่างสูงใหญ่ อาจถูกถอยลงมายืนต่ำเพื่อเชื่อมแดนกลางกับหน้า ดังนั้น ศรายุทธ ชัยคำดี และ ชาตรี ฉิมทะเล มีสิทธิต้องแย่งลงยืนตัวเป้า เพราะล่าสุด สุรชาติ สารีพิมพ์ หัวหอกร่างใหญ่ที่มีสไตล์บู๊ก็เจ็บเท้าขอถอนตัวไป โดยทีเด็ดของรายแรกอยู่ที่การหาจังหวะจบสกอร์สมฉายา "โจ้ 5 หลา" ขณะที่รายหลังเป็นประเภทจ้าวเวหา นอกจากนี้ เชเฟอร์ ยังมีทางเลือกอย่าง วุฒิชัย ทาทอง ซึ่งเป็นประเภทดุดันบวกกับเล่นได้อเนกประสงค์ทั้งกองหน้าและปีก

ทั้งนี้บรรดาแข้งทีมชาติไทยทั้ง 32 รายที่ เชเฟอร์ เรียกตัวมาร่วมฝึกซ้อมคงต้องเค้นฟอร์มกันอย่างเต็มที่เมื่อได้โอกาสลงสนามในแมตช์อุ่นเครื่องกับ สิงคโปร์ เพื่อโอกาสเป็น 23 คนสุดท้ายติดธงไตรรงค์ ไปโม่แข้งฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชีย โดย "วินนี" ทิ้งท้ายกับทีมข่าว MGR Sport ว่าการดวล "ลอดช่อง"ใช้เป็นนัดทดสอบฝีเท้ากำลังเสริมโดยเฉพาะ อีกทั้งไม่ต้องการแบไต๋ให้ โฮลเกอร์ โอเซียค กุนซือออสซีที่เตรียมมานั่งสังเกตการณ์ถึงขอบสนามได้นำไปใช้แก้เกม