ธงชัย สุขโกกี กุนซือการท่าเรือไทย ยอมรับลูกทีมเล่นได้ไม่ดีเท่าที่ควรและไม่มีตัวสำรองที่จะลงพลิกเกมได้เป็นเหตุให้พ่ายคารังในเกมประเดิมเลกสองของศึกสปอนเซอร์ ไทยพรีเมียร์ลีก 2011 โดยหลังจากนี้จะเน้นซ้อมเรียกพละกำลังให้มีความฟิตมากขี้นแทน ส่วน เฉลิมวุฒิ สง่าพล ชี้ พัทยา ยูไนเต็ด ชนะได้เพราะเล่นเกมโต้กลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สุดสัปดาห์นี้ ลีกลูกหนังสูงสุดของแดนสยามกลับมาฟาดแข้งในครึ่งฤดูกาลหลัง โดยเมื่อช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา “สิงห์เจ้าท่า” เปิดสนามแพท สเตเดียม โดยไม่มีกองเชียร์ของตัวเองเข้าชมเกมเนื่องจากติดโทษแบนตกค้างจากการที่เคยมีปัญหากับแฟนบอล “โลมาฟ้าขาว” ในนัดแรกที่พบกัน ก่อนที่ทีมดังย่านคลองเตยจะถูกผู้มาเยือนจากภาคตะวันออกยัดเยียดความปราชัย 0-2 โดย กาเบรียล โอบาโตลา กับ กฤษณะ ต่ายวัลย์ ซัดคนละลูกในนาทีที่ 42 และช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 3 ของครึ่งแรก
หลังจบเกม “โค้ชธง” พูดถึงความปราชัยของ การท่าเรือไทย ว่า “เราแพ้เพราะจัดการกับเกมรับได้ไม่ดีเท่าที่ควรในครึ่งแรก ส่วนครึ่งหลังเกมรุกของเราก็ลดประสิทธิภาพลง ซึ่งความจริงหากจังหวะที่ สราวุฒิ คงเจริญ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงในครึ่งแรก (นาทีที่ 18) เป็นประตู รูปเกมอาจจะเปลี่ยนไปอีกอย่างหนึ่งก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม ความพ่ายแพ้นัดนี้ต้องยอมรับว่ามาจากความผิดพลาดของเราเอง”
“การขาด เกียรติเจริญ เรืองปาน กองกลางตัวรับที่ติดโทษแบนนับว่ามีผลต่อการสร้างสรรค์เกมอย่างมาก อีกทั้งเราไม่มีตัวสำรองมากพอที่จะทดแทนหรือลงไปพลิกสถานการณ์ได้ ที่สำคัญเรายังมีเกมหนักทั้งในโตโยต้า ลีก คัพ รอบ 16 ทีม นัดที่สอง พบ อินทรีเพื่อนตำรวจ (3 สิงหาคม) และเกมลีกพบ เมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด (6 สิงหาคม) รออยู่ ดังนั้น สิ่งที่เราทำได้เพื่อแก้ปัญหาคือการฝึกซ้อมให้หนักขึ้นโดยเน้นไปที่การเสริมสร้างพละกำลังและความฟิต เพื่อให้สามารถสู้ในสนามได้ดีขึ้น”
ด้าน “โค้ชหนุ่ย” กล่าวถึงชัยชนะของ พัทยา ยูไนเต็ด ว่า “แม้ผลการแข่งขันที่ออกมาจะดูดี แต่ผมยอมรับว่าเรายังมีจุดที่ต้องปรับปรุง คือ การครอบครองบอลและการคุมพื้นที่ในเกมรุก ซึ่งหากเราทำได้ดีกว่านี้จะไม่ลำบากในเกมอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ ซึ่งสาเหตุสำคัญที่เราชนะ การท่าเรือไทย อยู่ที่การเล่นเกมรับที่มีวินัยและการเล่นเกมสวนกลับได้อย่างเฉียบขาด แต่ผมเชื่อว่าจากนี้ไปเราจะทำผลงานได้ดีและขึ้นไปอยู่อันดับที่สูงกว่านี้”
อนึ่ง หลังจบเกมนี้ "สิงห์เจ้าท่า" ยังมี 26 คะแนน รั้งอันดับ 6 ของตารางต่อไป ส่วน "โลมาฟ้าขาว" เก็บเพิ่มเป็น 21 คะแนน ขยับหนีโซนตกชั้นขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 11
ยอดผู้ชม 1,256 คน
รายได้จากบัตรเข้าชมการแข่งขัน 98,600 บาท
รายได้จากการขายสินค้าที่ระลึก 69,540 บาท
สุดสัปดาห์นี้ ลีกลูกหนังสูงสุดของแดนสยามกลับมาฟาดแข้งในครึ่งฤดูกาลหลัง โดยเมื่อช่วงเย็นวันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคมที่ผ่านมา “สิงห์เจ้าท่า” เปิดสนามแพท สเตเดียม โดยไม่มีกองเชียร์ของตัวเองเข้าชมเกมเนื่องจากติดโทษแบนตกค้างจากการที่เคยมีปัญหากับแฟนบอล “โลมาฟ้าขาว” ในนัดแรกที่พบกัน ก่อนที่ทีมดังย่านคลองเตยจะถูกผู้มาเยือนจากภาคตะวันออกยัดเยียดความปราชัย 0-2 โดย กาเบรียล โอบาโตลา กับ กฤษณะ ต่ายวัลย์ ซัดคนละลูกในนาทีที่ 42 และช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 3 ของครึ่งแรก
หลังจบเกม “โค้ชธง” พูดถึงความปราชัยของ การท่าเรือไทย ว่า “เราแพ้เพราะจัดการกับเกมรับได้ไม่ดีเท่าที่ควรในครึ่งแรก ส่วนครึ่งหลังเกมรุกของเราก็ลดประสิทธิภาพลง ซึ่งความจริงหากจังหวะที่ สราวุฒิ คงเจริญ หลุดเดี่ยวเข้าไปยิงในครึ่งแรก (นาทีที่ 18) เป็นประตู รูปเกมอาจจะเปลี่ยนไปอีกอย่างหนึ่งก็เป็นได้ อย่างไรก็ตาม ความพ่ายแพ้นัดนี้ต้องยอมรับว่ามาจากความผิดพลาดของเราเอง”
“การขาด เกียรติเจริญ เรืองปาน กองกลางตัวรับที่ติดโทษแบนนับว่ามีผลต่อการสร้างสรรค์เกมอย่างมาก อีกทั้งเราไม่มีตัวสำรองมากพอที่จะทดแทนหรือลงไปพลิกสถานการณ์ได้ ที่สำคัญเรายังมีเกมหนักทั้งในโตโยต้า ลีก คัพ รอบ 16 ทีม นัดที่สอง พบ อินทรีเพื่อนตำรวจ (3 สิงหาคม) และเกมลีกพบ เมืองทอง หนองจอก ยูไนเต็ด (6 สิงหาคม) รออยู่ ดังนั้น สิ่งที่เราทำได้เพื่อแก้ปัญหาคือการฝึกซ้อมให้หนักขึ้นโดยเน้นไปที่การเสริมสร้างพละกำลังและความฟิต เพื่อให้สามารถสู้ในสนามได้ดีขึ้น”
ด้าน “โค้ชหนุ่ย” กล่าวถึงชัยชนะของ พัทยา ยูไนเต็ด ว่า “แม้ผลการแข่งขันที่ออกมาจะดูดี แต่ผมยอมรับว่าเรายังมีจุดที่ต้องปรับปรุง คือ การครอบครองบอลและการคุมพื้นที่ในเกมรุก ซึ่งหากเราทำได้ดีกว่านี้จะไม่ลำบากในเกมอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ ซึ่งสาเหตุสำคัญที่เราชนะ การท่าเรือไทย อยู่ที่การเล่นเกมรับที่มีวินัยและการเล่นเกมสวนกลับได้อย่างเฉียบขาด แต่ผมเชื่อว่าจากนี้ไปเราจะทำผลงานได้ดีและขึ้นไปอยู่อันดับที่สูงกว่านี้”
อนึ่ง หลังจบเกมนี้ "สิงห์เจ้าท่า" ยังมี 26 คะแนน รั้งอันดับ 6 ของตารางต่อไป ส่วน "โลมาฟ้าขาว" เก็บเพิ่มเป็น 21 คะแนน ขยับหนีโซนตกชั้นขึ้นมาอยู่ที่อันดับ 11
ยอดผู้ชม 1,256 คน
รายได้จากบัตรเข้าชมการแข่งขัน 98,600 บาท
รายได้จากการขายสินค้าที่ระลึก 69,540 บาท
