ASTV ผู้จัดการรายวัน - ความใฝ่ฝันที่แฟนบอลชาวไทยอยากให้เป็นความจริงในอันดับต้นๆ นอกเหนือจากทีมชาติไทยผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย แล้วคงหนีไม่พ้นการได้เห็นนักเตะเลือดสยามโลดแล่นในลีกลูกหนังอาชีพชั้นนำของยุโรป อาทิ พรีเมียร์ลีก อังกฤษ, ลา ลีกา สเปน, กัลโช เซเรีย อา อิตาลี หรือ บุนเดสลีกา เยอรมนี แต่ที่ผ่านมาการใช้วิธีลัดโดยให้นักเตะที่มีฝีเท้าเข้าตาหรือมีแววฉายแสงไปเสี่ยงโชคในต่างแดนยังดูห่างไกลเกินกว่าจะไปถึงฝั่งฝันนั้นได้
อย่างไรก็ตาม เลสเตอร์ ซิตี สโมสรในเดอะ แชมเปียนชิป อังกฤษ ที่มีคนไทยเป็นผู้บริหารนำโดย 2 หัวหอกของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ อย่าง วิชัย รักศรีอักษร และ อัยยวัฒน์ รักศรีอักษร ได้มองหาช่องทางใหม่ด้วยการนำเด็กไทยมาปลุกปั้นที่อะคาเดมีหรือศูนย์ฝึกเยาวชนของสโมสร “สุนัขจิ้งจอก” ซึ่งได้รับการยอมรับไม่น้อยในแดนผู้ดีจากการเป็นแชมป์ฟุตบอลอะคาเดมีที่เมืองผู้ดีถึง 3 สมัย
สำหรับแผนสร้างบันไดสู่ดวงดาวของเด็กไทยนั้น “หนุ่มต๊อบ” อัยยวัฒน์ รักศรีอักษร ในฐานะรองประธานสโมสรเลสเตอร์ ซิตี อธิบายว่า “หากเราอยากเห็นคนไทยได้ไปเล่นฟุตบอลในลีกชั้นนำของยุโรปก็ต้องสร้างขึ้นมาจากระดับเยาวชนก่อน ซึ่ง เลสเตอร์ จะดึงเด็กที่มีสัญชาติไทยโดยกำเนิดแต่ไปเติบโตที่นั่น หรือลูกครึ่งไทยที่มีอีกสัญชาติหนึ่งของชาติในยุโรป และเป็นเด็กที่มีพรสวรรค์ด้านฟุตบอลหรือเราเห็นแววว่ามีโอกาสเติบโตเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้ในอนาคตเข้ามาฝึกฝนในอะคาเดมีอย่างเป็นเรื่องเป็นราว”
วิธีนี้จะช่วยลดปัญหาการขอใบอนุญาตทำงาน (เวิร์ค เพอร์มิต) ซึ่งเป็นกำแพงสำคัญของนักเตะไทยที่มาค้นฟ้าคว้าดาวในลีกยุโรปโดยตลอด ยกตัวอย่างเช่น “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง ที่แม้จะเป็นยอดศูนย์หน้าของทีมชาติไทยในยุคของเขา แต่ก็ไม่ได้รับโอกาสพิสูจน์ตัวเองกับทีมชุดใหญ่ของ มิดเดิลสโบรช์ และ ฮัดเดอร์สฟิลด์ ทาวน์ หรือกระทั่ง 3 นักเตะไทยอย่าง สุรีย์ สุขะ, เกียรติประวุฒิ สายแวว และ ธีรศิลป์ แดงดา ที่ถูกส่งตัวไป แมนเชสเตอร์ ซิตี ในช่วงที่ ทักษิณ ชินวัตร เข้าไปฮุบกิจการ สุดท้ายก็ได้แค่เล่นกับทีมสำรองและถูกปล่อยตัวให้สโมสรในเบลเยียมยืมตัวก่อนเก็บข้าวของกลับมายังบ้านเกิด
แต่ในกรณีของเด็กที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของ เดอะ ฟ็อกซ์ นั้นจะถือพาสปอร์ต 2 สัญชาติ ซึ่งหากพัฒนาฝีเท้าขึ้นไปจนก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ก็จะสามารถเล่นฟุตบอลอาชีพได้ในโควตานักเตะท้องถิ่นไม่ใช่ผู้เล่นต่างชาติ นอกจากนั้นยังสามารถเลือกเล่นให้ทีมชาติไทยได้อีกด้วย
ไม่เพียงเท่านี้ อัยยวัฒน์ รักศรีอักษร ยังเปิดเผยอีกว่า “เลสเตอร์ มีโครงการเฟ้นหาเยาวชนไทยอายุไม่เกิน 15 ปีเข้าไปอยู่ในอะคาเดมีที่เมืองผู้ดี โดยเชื่อว่าหากเขามีความสามารถจริงก็น่าจะสอดแทรกขึ้นไปเล่นในทีมชุดใหญ่ได้อย่างเร็วที่สุดก็ภายใน 3 ปีนับตั้งแต่ดึงมาชุบตัวกับเรา ส่วนเด็กไทยที่เราจะปั้นตั้งแต่อายุ 10-13 ปีก็อาจจะได้รับโอกาสนั้นภายใน 5 ปี ซึ่งพวกเขาจะได้เรียนรู้ทัศนคติการเป็นมืออาชีพควบคู่ไปกับการขัดเกลาทักษะตั้งแต่อายุยังน้อย โดยเวลานี้เรามีเด็กไทย 2 คนอยู่ในอะคาเดมีแล้วและจะเสาะหาเข้ามาอีกในอนาคต”
ขณะเดียวกัน วิชัย รักศรีอักษร ประธานสโมสรสุนัขจิ้งจอกก็กล่าวเสริมว่าสโมสรมีแผนการก่อสร้าง เลสเตอร์ ซิตี อะคาเดมี มาตรฐานเดียวกับที่อังกฤษในเมืองไทยด้วย คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไม่เกิน 1 ปีนี้ โดยเล็งพื้นที่ในอ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เอาไว้ ซึ่งจะประสานร่วมกับ บุรีรัมย์ อะคาเดมี ของ เนวิน ชิดชอบ บอสใหญ่แห่งทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ ที่มีโปรเจ็กต์เทกโอเวอร์ทีมในเซกุนดา สเปน เพื่อเป็นสถานีพักเด็กไทยในการขอเวิร์ค เพอร์มิต ที่มีขั้นตอนน้อยกว่าในเมืองผู้ดีก่อนป้อนสู่ลีกระดับหัวแถวของยุโรปต่อไปด้วย นับว่าเป็นการปูบันไดฝันตั้งแต่ขั้นแรกก่อนเอื้อมมือคว้าดาวที่ดูแล้วน่าจะเป็นไปได้มากกว่าปล่อยให้นักเตะไปตกระกำลำบากแบบไม่รู้ชะตาก่อนระเห็จกลับมาแบบมือเปล่า