คอลัมน์ "หัวใจในกีฬา" โดย จำลอง ฝั่งชลจิตร
ต้นเดือนกรกฎาคม 2554 มีฟุตบอลทัวร์นาเมนท์ใหญ่แข่งขันอยู่ 3 รายการให้แฟนบอลแท้ๆ ไม่รู้สึกเหงามากเกินไปนัก
รายการที่ 1 คือฟุตบอลเยาวชนอายุไม่เกิน 17 ปีชิงแชมป์โลกที่ประเทศเม็กซิโก ทีมเยาวชนจากประเทศญี่ปุ่นโชว์ฝีเท้าได้อย่างน่าจับตา ผ่านเข้าไปเล่นรอบก่อนรองชนะเลิศกับทีมเด็กบราซิล เช้าวันจันทร์ท่านผู้อ่านผู้จัดการคงทราบผลแพ้ชนะแล้วนะครับ
รายการที่ 2 คือฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกที่ประเทศเยอรมัน นักเตะสาวจากสหรัฐอเมริกาโชว์พลังแข้งได้อย่างโดดเด่นสมเป็นแชมป์โลก ส่วนทีมอังกฤษที่น่าจะทำได้ดีตามราคาคุยกลับโชว์ฟอร์มได้อย่างทีมธรรมดาๆ เกาหลีเหนือจากเอเชียฝีเท้าและร่างกายสู้ทีมจากยุโรปและอเมริกาใต้ไม่ได้
รายการที่ 3 คือฟุตบอลชิงแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ หรือ โคปาอเมริกาที่ประเทศอาร์เจนติน่า ซึ่งเพิ่งระเบิดแข้งไปสองวัน นับเป็นทัวร์นาเมนต์ที่น่าตื่นเต้นที่สุด เพราะเป็นการปะทะกันของแข้งทีมชาติชุดใหญ่และเต็มไปด้วยนักเตะดาวดัง สื่อมวลชนกีฬาทั่วโลกแห่ไปชุมนุมกันที่อาร์เจนตินา รวมทั้งสื่อมวลชนจากประเทศไทย
ช่วงนี้แฟนบอลจึงได้อ่านสารคดีจากประเทศอาร์เจนตินา ในมุมต่างๆอย่างเพลิดเพลิน นอกไปจากผลการแข่งขันของทีมต่างๆ โดยเฉพาะทีมเจ้าภาพและทีมบราซิลที่อยู่ในชวงผ่าตัดเปลี่ยนแปลงผู้เล่นตำแหน่งต่างๆ แทบทั้งทีม ทั้งสองทีมเป็นทีมเต็งแชมป์
เจ้าภาพอาร์เจนติน่า ประเดิมสนามกับหมูน้อย โบลิเวีย ผู้สื่อข่าวทุกสำนักชี้ชาดทีม "ฟ้าขาว" เจ้าภาพชนะร้อยเปอร์เซ็นต์ หลังกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา ปรากฏว่าผลออก 1-1 ขนาดลีโอเนล เมสซี่ดาวดังยังมึนไม่หาย ที่น่าเจ็บใจกว่านั้นคือทีมจากที่ราบสูงโบลิเวีย เป็นฝ่ายยิงประตูนำไปก่อน จากนั้น "เซร์คิโอ อเกวโร่" ที่ลงเป็นตัวสำรองเป็นผู้ยิงประตูตีเสมอ
อย่างที่รู้กันอยู่ เซร์คิโอ บาติสต้า กุนซือของ อาร์เจนติน่า จัดตัวผู้เล่นตามเสียงเชียร์ของแฟนๆ แทนที่จะจัดตามฟอร์มของนักเตะ ผลเสมออาจทำให้แฟนๆยอมรับความจริงว่า นักเตะยอดนิยมที่หลุดฟอร์มควรจะนั่งรอโอกาสอยู่ข้างสนาม แทนที่จะลงไปให้เกมเสียหาย
ลีโอเนล เมสซี่ อาจโชว์ฟอร์มได้อย่างเทพในชุดบาร์เซโลน่า แต่เขาไม่เคยทำได้ดีกับทีมชาติชุดใหญ่ ศึกโคปาอเมริกาในบ้านเกิดครั้งนี้ เมสซี่ นักเตะหมายเลข 1 ของโลกอาจได้โอกาสแจ้งเกิดนะครับ
ทีมชาติบราซิล ตกรอบก่อนรองชนะลิศฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ คาร์ลอส ดุงก้า กุนเซือที่เคยเป็นกัปตันทีมชุดแชมป์โลกปี 1994 ที่สหรัฐอเมริกาถูกสหพันธ์ฟุตบอลบราซิลเฉดหัวออกไป แล้วว่าจ้าง มาโน่ เมเนเซส กุนซือทีม โครินเธียนส์ มารับหน้าที่สืบต่อ เป้าหมายสำคัญคือพาทีมบราซิล เถลิงแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 6 ปี 2014 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ งานนี้บราซิลไม่สามารถเป็นที่ 2 นับเป็นงานหนักของ เมเนเซส
ชาวบราซิล นอกจากคาดหวังแชมป์โลกสมัยที่ 6 พวกเขายังต้องการเห็นฟุตบอลลีลาบราซิลที่นักเตะแต่ละคนแสดงความสามารถเฉพาะตัว ออกมาอย่างอิสระ และมีการยิงประตูอย่างถล่มทลาย ไม่เพียงส่งลูกเข้าประตูด้วยส่วนไหนของร่างกายก็ได้ แต่อยากเห็นการยิงสวยๆอีกต่างหาก ลีลาบราซิลเคยทำให้ชาวบราซิลน้ำตาตกมาแล้วเมื่อพบกับทีมยุโรปอย่างเยอรมัน, อิตาลี หรือ ฝรั่งเศส ทว่าพวกเขายังอยากเห็น เมเนเซส ผ่าตัดทีมเกือบยกชุด เหลือนักเตะชุดเดิมยุคดุงก้า เพียง ชูลิโอ เซซาร์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่ง ดาเนียล อัลเวส แบ็คขวาจากบาร์เซโลน่า ดักลาส ไมคอน แบ็คขวาจากอินเตอร์ มิลาน โรบินโญ่ กับ อเล็กซานเดร ปาโต้ จากเอซี มิลาน
นักเตะหน้าใหม่วัย 19 ที่ถูกจับตามองที่สุดคือ เนย์มาร์ กองหน้าร่างบางจากทีมซานโตส
ถ้าทีมบราซิล คว้าแชมป์โคปา อเมริกาปี 2011 น่าจะเป็นกำลังใจและพิสูจน์แนวทางสร้างทีมของเมเนเซส ว่าใช่แล้ว
หากผิดเพี้ยนไปจากนี้ ก็ยังมีเวลาให้ปรับเปลี่ยนปรัชญาการทำทีมใหม่
ต้นเดือนกรกฎาคม 2554 มีฟุตบอลทัวร์นาเมนท์ใหญ่แข่งขันอยู่ 3 รายการให้แฟนบอลแท้ๆ ไม่รู้สึกเหงามากเกินไปนัก
รายการที่ 1 คือฟุตบอลเยาวชนอายุไม่เกิน 17 ปีชิงแชมป์โลกที่ประเทศเม็กซิโก ทีมเยาวชนจากประเทศญี่ปุ่นโชว์ฝีเท้าได้อย่างน่าจับตา ผ่านเข้าไปเล่นรอบก่อนรองชนะเลิศกับทีมเด็กบราซิล เช้าวันจันทร์ท่านผู้อ่านผู้จัดการคงทราบผลแพ้ชนะแล้วนะครับ
รายการที่ 2 คือฟุตบอลหญิงชิงแชมป์โลกที่ประเทศเยอรมัน นักเตะสาวจากสหรัฐอเมริกาโชว์พลังแข้งได้อย่างโดดเด่นสมเป็นแชมป์โลก ส่วนทีมอังกฤษที่น่าจะทำได้ดีตามราคาคุยกลับโชว์ฟอร์มได้อย่างทีมธรรมดาๆ เกาหลีเหนือจากเอเชียฝีเท้าและร่างกายสู้ทีมจากยุโรปและอเมริกาใต้ไม่ได้
รายการที่ 3 คือฟุตบอลชิงแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ หรือ โคปาอเมริกาที่ประเทศอาร์เจนติน่า ซึ่งเพิ่งระเบิดแข้งไปสองวัน นับเป็นทัวร์นาเมนต์ที่น่าตื่นเต้นที่สุด เพราะเป็นการปะทะกันของแข้งทีมชาติชุดใหญ่และเต็มไปด้วยนักเตะดาวดัง สื่อมวลชนกีฬาทั่วโลกแห่ไปชุมนุมกันที่อาร์เจนตินา รวมทั้งสื่อมวลชนจากประเทศไทย
ช่วงนี้แฟนบอลจึงได้อ่านสารคดีจากประเทศอาร์เจนตินา ในมุมต่างๆอย่างเพลิดเพลิน นอกไปจากผลการแข่งขันของทีมต่างๆ โดยเฉพาะทีมเจ้าภาพและทีมบราซิลที่อยู่ในชวงผ่าตัดเปลี่ยนแปลงผู้เล่นตำแหน่งต่างๆ แทบทั้งทีม ทั้งสองทีมเป็นทีมเต็งแชมป์
เจ้าภาพอาร์เจนติน่า ประเดิมสนามกับหมูน้อย โบลิเวีย ผู้สื่อข่าวทุกสำนักชี้ชาดทีม "ฟ้าขาว" เจ้าภาพชนะร้อยเปอร์เซ็นต์ หลังกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา ปรากฏว่าผลออก 1-1 ขนาดลีโอเนล เมสซี่ดาวดังยังมึนไม่หาย ที่น่าเจ็บใจกว่านั้นคือทีมจากที่ราบสูงโบลิเวีย เป็นฝ่ายยิงประตูนำไปก่อน จากนั้น "เซร์คิโอ อเกวโร่" ที่ลงเป็นตัวสำรองเป็นผู้ยิงประตูตีเสมอ
อย่างที่รู้กันอยู่ เซร์คิโอ บาติสต้า กุนซือของ อาร์เจนติน่า จัดตัวผู้เล่นตามเสียงเชียร์ของแฟนๆ แทนที่จะจัดตามฟอร์มของนักเตะ ผลเสมออาจทำให้แฟนๆยอมรับความจริงว่า นักเตะยอดนิยมที่หลุดฟอร์มควรจะนั่งรอโอกาสอยู่ข้างสนาม แทนที่จะลงไปให้เกมเสียหาย
ลีโอเนล เมสซี่ อาจโชว์ฟอร์มได้อย่างเทพในชุดบาร์เซโลน่า แต่เขาไม่เคยทำได้ดีกับทีมชาติชุดใหญ่ ศึกโคปาอเมริกาในบ้านเกิดครั้งนี้ เมสซี่ นักเตะหมายเลข 1 ของโลกอาจได้โอกาสแจ้งเกิดนะครับ
ทีมชาติบราซิล ตกรอบก่อนรองชนะลิศฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ คาร์ลอส ดุงก้า กุนเซือที่เคยเป็นกัปตันทีมชุดแชมป์โลกปี 1994 ที่สหรัฐอเมริกาถูกสหพันธ์ฟุตบอลบราซิลเฉดหัวออกไป แล้วว่าจ้าง มาโน่ เมเนเซส กุนซือทีม โครินเธียนส์ มารับหน้าที่สืบต่อ เป้าหมายสำคัญคือพาทีมบราซิล เถลิงแชมป์โลกเป็นสมัยที่ 6 ปี 2014 ที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ งานนี้บราซิลไม่สามารถเป็นที่ 2 นับเป็นงานหนักของ เมเนเซส
ชาวบราซิล นอกจากคาดหวังแชมป์โลกสมัยที่ 6 พวกเขายังต้องการเห็นฟุตบอลลีลาบราซิลที่นักเตะแต่ละคนแสดงความสามารถเฉพาะตัว ออกมาอย่างอิสระ และมีการยิงประตูอย่างถล่มทลาย ไม่เพียงส่งลูกเข้าประตูด้วยส่วนไหนของร่างกายก็ได้ แต่อยากเห็นการยิงสวยๆอีกต่างหาก ลีลาบราซิลเคยทำให้ชาวบราซิลน้ำตาตกมาแล้วเมื่อพบกับทีมยุโรปอย่างเยอรมัน, อิตาลี หรือ ฝรั่งเศส ทว่าพวกเขายังอยากเห็น เมเนเซส ผ่าตัดทีมเกือบยกชุด เหลือนักเตะชุดเดิมยุคดุงก้า เพียง ชูลิโอ เซซาร์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่ง ดาเนียล อัลเวส แบ็คขวาจากบาร์เซโลน่า ดักลาส ไมคอน แบ็คขวาจากอินเตอร์ มิลาน โรบินโญ่ กับ อเล็กซานเดร ปาโต้ จากเอซี มิลาน
นักเตะหน้าใหม่วัย 19 ที่ถูกจับตามองที่สุดคือ เนย์มาร์ กองหน้าร่างบางจากทีมซานโตส
ถ้าทีมบราซิล คว้าแชมป์โคปา อเมริกาปี 2011 น่าจะเป็นกำลังใจและพิสูจน์แนวทางสร้างทีมของเมเนเซส ว่าใช่แล้ว
หากผิดเพี้ยนไปจากนี้ ก็ยังมีเวลาให้ปรับเปลี่ยนปรัชญาการทำทีมใหม่
