คอลัมน์ "หัวใจในกีฬา" โดย จำลอง ฝั่งชลจิตร
ถ้าไม่พูดอะไรเกี่ยวกับคู่ชิงชนะเลิศ ฟุตบอลถ้วยใหญ่ยุโรป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2010-11 คงฝืดๆ ฝืนๆ พิกลนะครับ
เราท่านที่เกาะติดฟุตบอลถ้วยนี้มานับสิบปี ถึงจะชราภาพไปตามกาล ถึงขนาดฝืนสังขารตื่นมาดูเกมสดๆ เกมที่ทีมรักทีมโปรดลงสนามเล่นรอบรองชนะเลิศ ใช้กลยุทธ์เอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ทุกๆ วินาทีหัวใจอาจหยุดทำงานงานเฉียบพลัน
น่าเห็นใจ และควรเข้าใจแฟนบอลที่ทีมรักตกรอบไปแล้ว ไม่ว่า อาร์เซนอล,สเปอร์ส ,อินเตอร์ มิลาน,เชลซี,บาเยิร์น มิวนิคและบาเลนเซีย สำหรับบางคนเกมบอลถ้วยนี้ปิดฤดูกาลทันทีที่ทีมรักตกรอบ ผมก็เคยรู้สึกอย่างนี้อยู่ครั้งหนึ่ง มันช่างไร้สาระ และเอาอารมณ์เด็กๆ มาใช้มากเกินไป จนอดดูเกมที่สนุกหลังจากนั้น
ชัยชนะของสองทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกยิงชาลเก้ ถึงเยอรมัน 2-0 ประตู และบาร์เซโลน่า บุกไปเก็บชัยต่อหน้าแฟนๆ รีล มาดริด ถึงซานติอาโก้ เบร์นาบิว 2-0 เท่ากัน กุมความได้เปรียบเหนือคู่แข่งมหาศาล เพราะเป็นประตูทีมเยือนที่พร้อมจะแตกตัวเป็น 2 หากผลเตะเลก 2 ทันทีที่ผลออกเสมอ
เชื่อหรือยังล่ะครับ ว่าประสบการณ์ของทีมและนักเตะ ‘ปิศาจแดง’ กับเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในเกมยุโรปสูงส่งกว่าบรรดานักเตะกับราล์ฟ รังนิก กุนซือชาลเก้ 04 เปรียบไปเหมือนดุษฎีบัณฑิตกับมหาวิทยาลัยปี 1 ยกเว้น ราอูล กอนซาเลซ หัวหอกประสบการณ์สูง แต่นักเตะคนเดียวไม่อาจช่วยทีมได้
ตลอด 90 นาที นักเตะแมนฯ ยูฯ ดาหน้าเข้าถล่มเป็นพายุบุแคม หลังได้ประตูแรกก็ยังเดินหน้าใส่บวกสกอร์ให้มากที่สุด เหมือนเกิดสึนามิแล้วตามด้วยอาฟเตอร์ช็อกอีก 8-9 ครั้ง โชคดีที่นายทวารมือกาว มานูเอล นอยเออร์ ปัดป้องเอาไว้ได้
บาร์เซโลน่าเอาชนะรีล มาดริด เมื่อเจ้าบ้านเหลือ 10 คน หลัง เปเป้ชักศอกใส่ ดาเนียล อัลเวส แบ็คจอมบุกของ ‘บาร์ซ่า’ จนถูกกรรมการโวล์ฟกัง สตาร์ค ไล่ออก และถึงคราวล่มจมด้วย 2 ประตูจากฝีเท้าลีโอเนล เมสซี่
เลก 2 รีล มาดริด บุกคัมป์นู ในสภาพกำแพงหลังเปราะ ไม่มีเปเป้ กับ เซร์คิโอ รามอส ทั้งโฮเซ่ มูรินโญ่ กุนซือสมองเพชรยังลูกไล่ให้ขึ้นไปบัญชาเกมบนอัฒจรรย์ เสียเปรียบหลายด้าน ผมยังนึกไม่ออกว่ากุนซือผู้นี้จะวางหมากเด็ดเล่นกับเจ้าถิ่นอย่างไร แต่อยากให้ผลเป็นอีกอย่าง คือ รีล มาดริดเข้าชิง ซึ่งยากมากๆ
มูรินโญ่กับลูกทีมสู้อย่างสุนัขจนตรอก บางทีโชคอาจเข้าข้างพวกเขาบ้าง เช่น นักเตะเจ้าถิ่นโดนไล่ 1 คน ตั้งแต่ต้นๆ เกม
ส่วนคู่แมนฯ ยูฯ เปิดโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับชาลเก้ 04 สถิติเล่นในบ้านที่ไร้พ่ายและพ่ายยาก อีกทั้งประสบการณ์ของทีมเยือนยัง ‘เขี้ยวไม่พอ’ ผมเชื่อว่าทีมเยือนจะโดนอีก 1 ประตู แล้วค่อยๆ ถอดใจพ่ายแพ้ไปในที่สุด
คู่ชิงจะพลิกหรือไม่พลิกหงายเก๋ง เป็นประเด็นที่น่าพูดคุยกันนะครับ ไม่ว่าทีมรักยังอยู่ในเส้นทางหรือหลุดวงโคจรไปแล้ว
ถ้าไม่พูดอะไรเกี่ยวกับคู่ชิงชนะเลิศ ฟุตบอลถ้วยใหญ่ยุโรป ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาล 2010-11 คงฝืดๆ ฝืนๆ พิกลนะครับ
เราท่านที่เกาะติดฟุตบอลถ้วยนี้มานับสิบปี ถึงจะชราภาพไปตามกาล ถึงขนาดฝืนสังขารตื่นมาดูเกมสดๆ เกมที่ทีมรักทีมโปรดลงสนามเล่นรอบรองชนะเลิศ ใช้กลยุทธ์เอาชนะคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่ง ทุกๆ วินาทีหัวใจอาจหยุดทำงานงานเฉียบพลัน
น่าเห็นใจ และควรเข้าใจแฟนบอลที่ทีมรักตกรอบไปแล้ว ไม่ว่า อาร์เซนอล,สเปอร์ส ,อินเตอร์ มิลาน,เชลซี,บาเยิร์น มิวนิคและบาเลนเซีย สำหรับบางคนเกมบอลถ้วยนี้ปิดฤดูกาลทันทีที่ทีมรักตกรอบ ผมก็เคยรู้สึกอย่างนี้อยู่ครั้งหนึ่ง มันช่างไร้สาระ และเอาอารมณ์เด็กๆ มาใช้มากเกินไป จนอดดูเกมที่สนุกหลังจากนั้น
ชัยชนะของสองทีมเยือน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกยิงชาลเก้ ถึงเยอรมัน 2-0 ประตู และบาร์เซโลน่า บุกไปเก็บชัยต่อหน้าแฟนๆ รีล มาดริด ถึงซานติอาโก้ เบร์นาบิว 2-0 เท่ากัน กุมความได้เปรียบเหนือคู่แข่งมหาศาล เพราะเป็นประตูทีมเยือนที่พร้อมจะแตกตัวเป็น 2 หากผลเตะเลก 2 ทันทีที่ผลออกเสมอ
เชื่อหรือยังล่ะครับ ว่าประสบการณ์ของทีมและนักเตะ ‘ปิศาจแดง’ กับเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในเกมยุโรปสูงส่งกว่าบรรดานักเตะกับราล์ฟ รังนิก กุนซือชาลเก้ 04 เปรียบไปเหมือนดุษฎีบัณฑิตกับมหาวิทยาลัยปี 1 ยกเว้น ราอูล กอนซาเลซ หัวหอกประสบการณ์สูง แต่นักเตะคนเดียวไม่อาจช่วยทีมได้
ตลอด 90 นาที นักเตะแมนฯ ยูฯ ดาหน้าเข้าถล่มเป็นพายุบุแคม หลังได้ประตูแรกก็ยังเดินหน้าใส่บวกสกอร์ให้มากที่สุด เหมือนเกิดสึนามิแล้วตามด้วยอาฟเตอร์ช็อกอีก 8-9 ครั้ง โชคดีที่นายทวารมือกาว มานูเอล นอยเออร์ ปัดป้องเอาไว้ได้
บาร์เซโลน่าเอาชนะรีล มาดริด เมื่อเจ้าบ้านเหลือ 10 คน หลัง เปเป้ชักศอกใส่ ดาเนียล อัลเวส แบ็คจอมบุกของ ‘บาร์ซ่า’ จนถูกกรรมการโวล์ฟกัง สตาร์ค ไล่ออก และถึงคราวล่มจมด้วย 2 ประตูจากฝีเท้าลีโอเนล เมสซี่
เลก 2 รีล มาดริด บุกคัมป์นู ในสภาพกำแพงหลังเปราะ ไม่มีเปเป้ กับ เซร์คิโอ รามอส ทั้งโฮเซ่ มูรินโญ่ กุนซือสมองเพชรยังลูกไล่ให้ขึ้นไปบัญชาเกมบนอัฒจรรย์ เสียเปรียบหลายด้าน ผมยังนึกไม่ออกว่ากุนซือผู้นี้จะวางหมากเด็ดเล่นกับเจ้าถิ่นอย่างไร แต่อยากให้ผลเป็นอีกอย่าง คือ รีล มาดริดเข้าชิง ซึ่งยากมากๆ
มูรินโญ่กับลูกทีมสู้อย่างสุนัขจนตรอก บางทีโชคอาจเข้าข้างพวกเขาบ้าง เช่น นักเตะเจ้าถิ่นโดนไล่ 1 คน ตั้งแต่ต้นๆ เกม
ส่วนคู่แมนฯ ยูฯ เปิดโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับชาลเก้ 04 สถิติเล่นในบ้านที่ไร้พ่ายและพ่ายยาก อีกทั้งประสบการณ์ของทีมเยือนยัง ‘เขี้ยวไม่พอ’ ผมเชื่อว่าทีมเยือนจะโดนอีก 1 ประตู แล้วค่อยๆ ถอดใจพ่ายแพ้ไปในที่สุด
คู่ชิงจะพลิกหรือไม่พลิกหงายเก๋ง เป็นประเด็นที่น่าพูดคุยกันนะครับ ไม่ว่าทีมรักยังอยู่ในเส้นทางหรือหลุดวงโคจรไปแล้ว
