“บิ๊กรัง” รังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ นั่งนายกสมาคมกอล์ฟแห่งประเทศไทยฯ เป็นสมัยที่สามหลังการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2554 โดยสมาชิกสมาคมฯและคณะกรรมการจาก 263 สโมสรที่เข้าร่วมประชุมลงคะแนน 121 เสียงให้ “บิ๊กรัง” ดำรงตำแหน่งนายกฯต่อไปอีกหนึ่งวาระ ขณะที่เจ้าตัวเตรียมผลักดันเยาชนไทยให้ก้าวสู่ระดับสากล และเปิดโอกาสให้กับสวิงช้างเผือกทั่วประเทศ
การประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2554 ของสมาคมกอล์ฟแห่งประเทศไทยฯ เมื่อวันอังคารที่ 15 มีนาคม ที่ผ่านมาจัดขึ้นที่ ห้องบุหงา โรงแรมโกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน กรุงเทพฯ (เรดิสันเดิม)ซึ่งการประชุมใหญ่ครั้งนี้มีวาระสำคัญ คือ การเลือกตั้งนายกสมาคมฯ ที่จะครบวาระ 2 ปี ซึ่งก่อนการลงคะแนนเสียงนั้น เลขานุการชั่วคราวในการประชุม นางเรวดี ต.สุวรรณ ประธานเลดีส์ เอเชี่ยน กอล์ฟ ทัวฯได้ชี้แจงในที่ประชุมทราบถึงจดหมายจากกกท. ที่ระบุว่านายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ ที่กำลังหมดวาระซึ่งจะดำรงตำแหน่งครบ 2 สมัย มีข้อยกเว้นตาม พรบ.การกีฬาแห่งประเทศไทย ปี 2528 มาตราที่ 27 วรรคท้าย ว่าด้วยข้อยกเว้นในการดำรงตำแหน่งต่อหลังจากครบวาระ 2 สมัย ของคณะกรรมการสมาคมฯ
โดยนายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ ได้เป็นคณะกรรมการของสหพันธ์กอล์ฟแห่งเอเชีย-แปซิฟิก หรือ APGC องค์กรกีฬากอล์ฟระดับนานาชาติ ทำให้นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ ได้รับข้อยกเว้นให้ดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯต่อไปได้ จากนั้นนายวิรัช เทียนสว่างชัย ผู้แทนจากสมาคมกอล์ฟสัตยา ได้เสนอชื่อ นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ ขึ้นเป็นนายกสมาคมฯอีกครั้ง โดยไม่มีใครเสนอชื่อบุคคลท่านอื่นขึ้นมา และไม่มีสมาชิกท่านใดคัดค้าน ทำให้ รังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ ได้รับเลือกตั้งเป็นนายกสมาคมกอล์ฟแห่งประเทศไทยฯเป็นสมัยที่สาม (ระหว่างปี 2554-2556)
ซึ่งภายหลังได้รับการเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งอีกวาระ นายรังสฤษดิ์ ลักษิตานนท์ ได้กล่าวขอบคุณสมาชิกที่ไว้วางใจ และวางเป้าหมายในการทำงานอีกสองปีข้างหน้าว่า “จากนี้คือ การสร้างทีมชาติไทยชุดใหม่ขึ้นมาทดแทนชุดเดิมและเราจะเน้นในเรื่องวินัยของนักกอล์ฟทีมชาติเป็นหลัก โดยตั้งเป้าทีมชาติไทยชุดนี้ต้องคว้าแชมป์ โนมูระคัพ, ซีเกมส์ ที่อินโดนีเซีย, ปุตรา คัพ และ สันติ คัพ ให้ได้ในส่วนของคณะกรรมการสมาคมฯ นั้นนายรังสฤษดิ์ ยังคงเชื่อมั่นในทีมงานชุดเดิม”
นอกจากนี้นายรังสฤษดิ์ ยังทิ้งท้ายถึงการเปิดโอกาสให้กับสวิงระดับเยาวชนที่มีพรสวรรค์ แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ซึ่งทางสมาคมฯจะให้ความสนับสนุนและจัดเป็นโครงการช้างเผือกคัดเลือกนักกอล์ฟทั่วประเทศโดยจะเริ่มต้นโครงการแรกที่ภาคอีสาน โดยได้ให้สัมภาษณ์ว่า "เราต้องการสร้างโอกาสให้แก่เด็กๆ ที่มีแวว แต่ขาดในเรื่องของทุนทรัพย์ ดังนั้นจุดนี้ผมจึงอยากพัฒนาโอกาสให้แก่เยาวชนที่มีความสามารถ โดยทางเราพร้อมจะสนับสนุนในทุกรูปแบบทั้งด้านอุปกรณ์กอล์ฟ รวมไปถึงโอกาสในการลงสนามแข่งขัน ซึ่งต่อไปเยาวชนเหล่านี้จะกลายเป็นดาวเปร่งประกายในวงกอล์ฟไทยต่อไป"