คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม
อาจเร็วเกินไปหากมาพูดถึงรางวัล "ผู้เล่นทรงคุณค่า" (MVP : Most Valuable Player) ที่ผู้เล่นในศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ จะได้รับในฤดูกาลปกติ ในเมื่อซีซันกำลังขับเคี่ยวแย่งตั๋วเพลย์ออฟกันอย่างถึงพริกถึงขิง แต่ ณ วันนี้เริ่มมีกระแสพูดถึง Candidates ที่มีโอกาสได้สัมผัสโทรฟี "มัวริซ โพโดลอฟฟ์" (ประธานลีกคนแรกของ NBA) กันบ้างแล้ว
นับตั้งแต่มีการเลือก MVP เมื่อฤดูกาล 1955/56 คารีม อับดุล จาบบาร์ เซ็นเตอร์ตัวเก่ง แอลเอ เลเกอร์ส ซิวไปถึง 6 สมัย ขณะที่ บิลล์ รัสเซลล์ (บอสตัน เซลติกส์) และ ไมเคิล จอร์แดน (ชิคาโก บูลส์) แบ่งกันไป 5 ครั้ง ซึ่งจะหาใครมาเทียบเคียงตำนานเหล่านี้คงยาก เนื่องจากที่ยังโลดแล่นอยู่ทุกวันนี้ มีเพียง ทิม ดันแคน (ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส),สตีฟ แนช (ฟีนิกซ์ ซันส์) รวมทั้ง เลอบรอน เจมส์ (ไมอามี ฮีท) เพิ่งได้รับเกียรติโหวตให้จากสื่อในสหรัฐฯ และแคนาดา กันเแค่คนละ 2 สมัย
อย่างไรก็ตาม กรณีของ เลอบรอน ผู้เขียนเชื่อเหลือเกินว่าภายใน 10 ปีนี้ ฟอร์เวิร์ดซูเปอร์สตาร์จะได้ MVP อีกอย่างน้อย 2 สมัย ยิ่งการย้ายมาสวมยูนิฟอร์มฮีท ทำให้ผู้เล่นวัย 26 ปี โดดเด่นเขยิบใกล้แหวนแชมป์ NBA มากขึ้นทุกขณะ ทว่าฤดูกาล 2010/11 ยังเชื่อว่านักข่าวจะเทใจส่งคะแนนปั้นดาวดวงใหม่ให้เกิดอย่างเต็มตัวบ้าง โอกาสที่จะเห็น เลอบรอน ครอง MVP 3 สมัยติดเป็นคนแรกต่อจาก รัสเซลล์, วิลท์ แชมเบอร์เลน (ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส) หรือ แลร์รี เบิร์ด (เซลติกส์) มีแต่ไม่มาก
แล้วใครกัน? ที่คู่ควรกับตำแหน่งในปีนี้ ตามความเห็นของผู้เขียน โคบี ไบรอันท์ ยังได้รับการกล่าวขวัญอยู่ทุกปี ในเมื่อปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าความสำเร็จของ เลเกอร์ส ทุกวันนี้มาจากสองมือของชู้ตติ้งการ์ดวัย 32 ปี ซึ่งไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่า โคบี เพิ่งได้เป็น MVP ช่วงเรคกูลาซีซัน แค่หนเดียวในปี 2007/08 แต่ถ้าเลือกทำเป็นไม่เห็น เลอบรอน และ โคบี ก็อยากสนับสนุนการก้าวขึ้นมาโดดเด่นเต็มตัวของ เดอร์ริค โรส การ์ดดีกรี "นัมเบอร์วัน ดราฟท์" ของปี 2008 ซึ่งไปเล่นที่ไหน เสียงตะโกนจากแฟนๆ ว่า "MVP..MVP" ดังสนั่นไปทั่ว
ด้วยอายุอานามเพียง 22 ปี แต่ โรส เล่นอย่างกับช่ำชองในลีกมานานนับสิบปี ผลงานเฉลี่ย 24.6 แต้ม 8.1 แอสซิสต์ ส่องฟิลด์โกลลงคิดเป็นถึง 45.6 เปอร์เซ็นต์ สาวก "กระทิงเปลี่ยว" ได้ตีอกชกตัวลุ้นบูลส์ครองแชมป์ NBA สมัยแรกนับตั้งแต่ยุค "แอร์ จอร์แดน" ถึงวันนี้มีการทำโพลสำรวจจากคอยัดห่วงโดย "สปอร์ต เนชัน" พบว่ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ อยากให้ โรส คว้าตำแหน่ง MVP แต่เรื่องนี้คงต้องถามไปยัง ดไวท์ ฮาวเวิร์ด เซ็นเตอร์ ออร์แลนโด แมจิก และ เดิร์ก โนวิตซกี พาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ ว่าจะยอมกันง่ายๆ หรือไม่
ในเมื่อ "ซูเปอร์แมน" ฮาวเวิร์ด ผลงานโดดเด่นทั้งเกมรุกและรับ 22.4 แต้ม 13.9 รีบาวด์ เป็นเครื่องหมายการค้าชั้นเลิศ ไม่แน่เหมือนกันการแข่งขันพาต้นสังกัดชิงอันดับทางฝั่งตะวันออกเพื่อยึดความได้เปรียบในช่วงเพลย์ออฟ อาจเป็นปัจจัยช่วยให้คณะกรรมการได้กระจ่างในความคิดมากขึ้น ปัจจุบัน โรส พาบูลส์ทำสถิติชนะ 44 แพ้ 18 เกม ในคอนเฟอเรนซ์เป็นรองแค่ บอสตัน เซลติกส์ (ห่างกัน 2 เกมครึ่ง) ขณะที่ ฮาวเวิร์ด กำลังพยายามเข็น แมจิก (40-24) แซง ฮีท (43-20) ขึ้นไปอยู่อันดับ 3 ให้จงได้
ด้านของ โนวิตซกี ถือเป็นทุกอย่างของ แมฟเวอร์ริกส์ อย่างแท้จริง ยามใดที่ฟอร์เวิร์ดเยอรมันลงยัดห่วง ทีมชนะ 43 แพ้แค่ 10 เกม เนื่องจากแต่ละเกมมีเฉลี่ย 22.9 แต้ม 6.6 รีบาวด์ แต่เมื่อใดก็ตามที่ไร้ เดิร์ก "แมฟส์แมน" เสมือนขาดแม่ทัพ ผลงานจึงแค่ชนะ 3 แพ้ 7 ณ วันนี้ แมฟเวอร์ริกส์ รั้งอันดับ 2 ฝั่งตะวันตก เป็นรองแค่ สเปอร์ส คู่ปรับร่วมเท็กซัส (ห่างกัน 5 เกม) ถ้ายังพาต้นสังกัดทำผลงานเด่นต่อไปเรื่อยๆ ชื่อของ เดิร์ก ไม่หลุดจากสารบบของบรรดานักข่าวแน่นอน เพราะหากวัดกันแล้วต้องถือว่าองค์ประกอบของ แมฟเวอร์ริกส์ เป็นรองบรรดาทีมเต็งแชมป์ ดังนั้นโอกาสครองเกียรติยศส่วนตัวหนที่สองของนักกีฬานำเข้าจากเมืองเบียร์หาได้ปิดลงไม่
อาจเร็วเกินไปหากมาพูดถึงรางวัล "ผู้เล่นทรงคุณค่า" (MVP : Most Valuable Player) ที่ผู้เล่นในศึกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ จะได้รับในฤดูกาลปกติ ในเมื่อซีซันกำลังขับเคี่ยวแย่งตั๋วเพลย์ออฟกันอย่างถึงพริกถึงขิง แต่ ณ วันนี้เริ่มมีกระแสพูดถึง Candidates ที่มีโอกาสได้สัมผัสโทรฟี "มัวริซ โพโดลอฟฟ์" (ประธานลีกคนแรกของ NBA) กันบ้างแล้ว
นับตั้งแต่มีการเลือก MVP เมื่อฤดูกาล 1955/56 คารีม อับดุล จาบบาร์ เซ็นเตอร์ตัวเก่ง แอลเอ เลเกอร์ส ซิวไปถึง 6 สมัย ขณะที่ บิลล์ รัสเซลล์ (บอสตัน เซลติกส์) และ ไมเคิล จอร์แดน (ชิคาโก บูลส์) แบ่งกันไป 5 ครั้ง ซึ่งจะหาใครมาเทียบเคียงตำนานเหล่านี้คงยาก เนื่องจากที่ยังโลดแล่นอยู่ทุกวันนี้ มีเพียง ทิม ดันแคน (ซานอันโตนิโอ สเปอร์ส),สตีฟ แนช (ฟีนิกซ์ ซันส์) รวมทั้ง เลอบรอน เจมส์ (ไมอามี ฮีท) เพิ่งได้รับเกียรติโหวตให้จากสื่อในสหรัฐฯ และแคนาดา กันเแค่คนละ 2 สมัย
อย่างไรก็ตาม กรณีของ เลอบรอน ผู้เขียนเชื่อเหลือเกินว่าภายใน 10 ปีนี้ ฟอร์เวิร์ดซูเปอร์สตาร์จะได้ MVP อีกอย่างน้อย 2 สมัย ยิ่งการย้ายมาสวมยูนิฟอร์มฮีท ทำให้ผู้เล่นวัย 26 ปี โดดเด่นเขยิบใกล้แหวนแชมป์ NBA มากขึ้นทุกขณะ ทว่าฤดูกาล 2010/11 ยังเชื่อว่านักข่าวจะเทใจส่งคะแนนปั้นดาวดวงใหม่ให้เกิดอย่างเต็มตัวบ้าง โอกาสที่จะเห็น เลอบรอน ครอง MVP 3 สมัยติดเป็นคนแรกต่อจาก รัสเซลล์, วิลท์ แชมเบอร์เลน (ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส) หรือ แลร์รี เบิร์ด (เซลติกส์) มีแต่ไม่มาก
แล้วใครกัน? ที่คู่ควรกับตำแหน่งในปีนี้ ตามความเห็นของผู้เขียน โคบี ไบรอันท์ ยังได้รับการกล่าวขวัญอยู่ทุกปี ในเมื่อปฏิเสธไม่ได้จริงๆ ว่าความสำเร็จของ เลเกอร์ส ทุกวันนี้มาจากสองมือของชู้ตติ้งการ์ดวัย 32 ปี ซึ่งไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่า โคบี เพิ่งได้เป็น MVP ช่วงเรคกูลาซีซัน แค่หนเดียวในปี 2007/08 แต่ถ้าเลือกทำเป็นไม่เห็น เลอบรอน และ โคบี ก็อยากสนับสนุนการก้าวขึ้นมาโดดเด่นเต็มตัวของ เดอร์ริค โรส การ์ดดีกรี "นัมเบอร์วัน ดราฟท์" ของปี 2008 ซึ่งไปเล่นที่ไหน เสียงตะโกนจากแฟนๆ ว่า "MVP..MVP" ดังสนั่นไปทั่ว
ด้วยอายุอานามเพียง 22 ปี แต่ โรส เล่นอย่างกับช่ำชองในลีกมานานนับสิบปี ผลงานเฉลี่ย 24.6 แต้ม 8.1 แอสซิสต์ ส่องฟิลด์โกลลงคิดเป็นถึง 45.6 เปอร์เซ็นต์ สาวก "กระทิงเปลี่ยว" ได้ตีอกชกตัวลุ้นบูลส์ครองแชมป์ NBA สมัยแรกนับตั้งแต่ยุค "แอร์ จอร์แดน" ถึงวันนี้มีการทำโพลสำรวจจากคอยัดห่วงโดย "สปอร์ต เนชัน" พบว่ากว่า 80 เปอร์เซ็นต์ อยากให้ โรส คว้าตำแหน่ง MVP แต่เรื่องนี้คงต้องถามไปยัง ดไวท์ ฮาวเวิร์ด เซ็นเตอร์ ออร์แลนโด แมจิก และ เดิร์ก โนวิตซกี พาวเวอร์ ฟอร์เวิร์ด ดัลลัส แมฟเวอร์ริกส์ ว่าจะยอมกันง่ายๆ หรือไม่
ในเมื่อ "ซูเปอร์แมน" ฮาวเวิร์ด ผลงานโดดเด่นทั้งเกมรุกและรับ 22.4 แต้ม 13.9 รีบาวด์ เป็นเครื่องหมายการค้าชั้นเลิศ ไม่แน่เหมือนกันการแข่งขันพาต้นสังกัดชิงอันดับทางฝั่งตะวันออกเพื่อยึดความได้เปรียบในช่วงเพลย์ออฟ อาจเป็นปัจจัยช่วยให้คณะกรรมการได้กระจ่างในความคิดมากขึ้น ปัจจุบัน โรส พาบูลส์ทำสถิติชนะ 44 แพ้ 18 เกม ในคอนเฟอเรนซ์เป็นรองแค่ บอสตัน เซลติกส์ (ห่างกัน 2 เกมครึ่ง) ขณะที่ ฮาวเวิร์ด กำลังพยายามเข็น แมจิก (40-24) แซง ฮีท (43-20) ขึ้นไปอยู่อันดับ 3 ให้จงได้
ด้านของ โนวิตซกี ถือเป็นทุกอย่างของ แมฟเวอร์ริกส์ อย่างแท้จริง ยามใดที่ฟอร์เวิร์ดเยอรมันลงยัดห่วง ทีมชนะ 43 แพ้แค่ 10 เกม เนื่องจากแต่ละเกมมีเฉลี่ย 22.9 แต้ม 6.6 รีบาวด์ แต่เมื่อใดก็ตามที่ไร้ เดิร์ก "แมฟส์แมน" เสมือนขาดแม่ทัพ ผลงานจึงแค่ชนะ 3 แพ้ 7 ณ วันนี้ แมฟเวอร์ริกส์ รั้งอันดับ 2 ฝั่งตะวันตก เป็นรองแค่ สเปอร์ส คู่ปรับร่วมเท็กซัส (ห่างกัน 5 เกม) ถ้ายังพาต้นสังกัดทำผลงานเด่นต่อไปเรื่อยๆ ชื่อของ เดิร์ก ไม่หลุดจากสารบบของบรรดานักข่าวแน่นอน เพราะหากวัดกันแล้วต้องถือว่าองค์ประกอบของ แมฟเวอร์ริกส์ เป็นรองบรรดาทีมเต็งแชมป์ ดังนั้นโอกาสครองเกียรติยศส่วนตัวหนที่สองของนักกีฬานำเข้าจากเมืองเบียร์หาได้ปิดลงไม่