xs
xsm
sm
md
lg

ว่าด้วยเรื่องผลประโยชน์ NFL / ลุงแซม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม

เรื่อง "เงินๆ ทองๆ" ไม่ค่อยเข้าใครออกใครอยู่แล้ว ซึ่งมันก็เป็นประเด็นสำคัญที่ทั้ง โรเจอร์ กูเดลล์ ประธานลีกคนชนคน และบรรดาเจ้าของทีมทั้ง 32 เฟรนไชส์ รวมถึงตัวแทนสหภาพผู้เล่นกำลังเจรจากันอย่างเคร่งเครียดกับการหาบทสรุปต่อสัญญาฉบับใหม่ใน "ข้อตกลงสิทธิประโยชน์ร่วมกัน" เพื่อให้ศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ฤดูกาล 2011/12 ที่กำลังจะมาถึงช่วงเดือนกันยายน ดำเนินไปตามโปรแกรมปกติที่วางเอาไว้

เหลือเวลาอีกแค่สัปดาห์เดียว ก่อนที่สัญญา "ข้อตกลงสิทธิประโยชน์ร่วมกัน" (Collective Bargaining Agreement) ฉบับปัจจุบันที่ใช้กันมาตั้งแต่ปี 2006 จะมีคิวหมดลงในวันที่ 4 มีนาคมนี้ ดังนั้นท่านประธานลีก NFL จึงต้องหารือกับบรรดาเจ้าของทีมและตัวแทนสหภาพเพื่อเจรจาต่อรองเรื่องต่างๆ ที่คับข้องใจกันนำมาเคลียร์ให้ลงตัว ซึ่งจากการค้นคว้าหาอ่านข่าวตามเว็บไซต์ต่างๆ แดนมะกัน ดังนั้นต้นฉบับตอนนี้ผู้เขียนอยากลองแจกแจง "ผลประโยชน์" ที่แต่ละฝ่ายพยายามเรียกร้องมานำเสนอ

ผู้เขียนพอทราบว่ากีฬาอาชีพในสหรัฐฯ โดยเฉพาะ NFL มีผลประโยชน์มหาศาล โดยปีนี้ กูเดลล์ มีเงินถึง 9 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2.7 แสนล้านบาท) มาล่อให้ทุกฝ่ายแบ่งสรรปันส่วน ทว่าเผชิญมันยังไม่ลงตัวการเซ็นสัญญาฉบับใหม่จึงยังไม่เกิดขึ้น โดยบรรดาเจ้าของทีมปกติจะรับเข้ากระเป๋ากันไป 1 พันล้านเหรียญฯ (ราว 3 หมื่นล้านบาท) เพื่อใช้บูรณะปรับปรุงสนาม แต่ปีนี้เจ้าของทีมก่อหวอดร้องขอเพิ่มเป็น 2 พันล้านเหรียญฯ จากนั้นที่เหลือ 7 พันล้านเหรียญฯ ค่อยนำไปเกลี่ยแบ่งกัน ก็แน่นอนว่าสหภาพผู้เล่นไม่มีทางยอมแน่ เนื่องจากรายได้ของสมาชิกจะหดหายไปพอสมควร แค่ประเด็นนี้ก็ต้องเคลียร์กันยาว

อีกทั้งบรรดาเจ้าของทีมหลายคนต้องการให้ NFL เพิ่มโปรแกรมฤดูกาลปกติจาก 16 เป็น 18 เกม พร้อมกับลดช่วงพรีซีซันจาก 4 ให้เหลือเพียง 2 เกม ดูเหมือนข้อเรียกร้องนี้จะได้รับความเห็นชอบจาก กูเดลล์ เพราะมันนำมาซึ่งผลกำไรมหาศาลจากค่าตั๋วเข้าชมที่สนามและลิทธิสิทธิ์การถ่ายทอดสด แต่ก็แน่นอนว่าสหภาพผู้เล่นที่มี เควิน มาเว อดีตเซ็นเตอร์ เทนเนสซี ไตตันส์ เป็นประธานคัดค้าน เนื่องจากเมื่อมีโปรแกรมจริงจังมากขึ้น โอกาสที่ผู้เล่นจะบาดเจ็บก็มีมากขึ้น ที่สำคัญบรรดาเจ้าของทีมยังจะมาเอาเปรียบอยากให้มีการลดค่าจ้างผู้เล่นลงถึง 18 เปอร์เซ็นต์ เหนื่อยก็เหนื่อย เสี่ยงก็เสี่ยง แถมค่าตอบแทนน้อยอย่างนี้ใครจะเป็นยอม เรื่องนี้ผู้เขียนขอเลือกฝั่ง "ผู้เล่น"

อย่างไรก็ดี ประเด็นที่ผู้เขียนรู้สึกเห็นใจเจ้าของทีมคงหนีไม่พ้นเรื่องค่าเหนื่อยบรรดา "ผู้เล่นหน้าใหม่" (รุคกี้) โดยเฉพาะพวกดราฟท์รอบแรก อย่างปีนี้ แซม แบรดฟอร์ด ควอเตอร์แบ็กดีกรี "นัมเบอร์วัน ดราฟท์" เซ็นสัญญายาว 6 ปี รับค่าจ้าง 78 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 2.5 พันล้านบาท) กับ เซ็นต์หลุยส์ แรมส์ เป็นการการันตีเงินให้ถึง 50 ล้านเหรียญฯ ลบสถิติค่าเหนื่อยปีก่อนที่ แม็ทธิว สแตฟฟอร์ด จอมทัพ ดีทรอยต์ ไลออนส์ เซ็น 6 ปี มูลค่า 72 ล้านเหรียญฯ (ประมาณ 2.3 พันล้านบาท) การันตี 41.7 ล้านเหรียญฯ (ราว 1,330 ล้านบาท) และดูเหมือนแนวโน้มเพิ่มขึ้นทุกปี

เห็นทีเรื่องนี้น่าจะมีการประนีประนอมได้มากที่สุด เพราะขนาด ทอม เบรดี ซูเปอร์สตาร์ นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ และผู้เล่นประสบการณ์หลายๆ ปี ก็รู้สึกเซ็งที่ต้นสังกัดประเคนค่าเหนื่อยให้ผู้เล่นวัยละอ่อนซึ่งยังไม่ได้พิสูจน์ฝีมือในสังเวียนอาชีพเลย ถ้าตกลงกันได้เจ้าของทีมสามารถนำไปเกลี่ยเป็นเงินสำหรับต่อสัญญาผู้เล่นรุ่นพี่ได้ต่อไป ทั้งนี้ทั้งนั้นสุดท้ายผู้เขียนยังเชื่อว่าทุกอย่างจะลงเอยได้ด้วยดี คงไม่มีฝ่ายใดอยากทำร้ายจิตใจแฟนๆ ด้วยการสไตรก์ไม่มีการแข่งขันซีซันหน้า ในเมื่อทุกฝ่ายล้วนได้ประโยชน์ก็แค่จะมากจะน้อยต่างกันเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น