อยู่นานๆได้ไหม "น้องใหม่ไทยลีก"

ASTVผู้จัดการรายวัน - หลังจบศึกฟุตบอลเพลย์ออฟไทยพรีเมียร์ลีก 2010 ที่มีการปรับเพิ่มเป็น 18 ทีม ส่งผลให้ทีมดังอย่าง ทหารบก และ ศรีสะเกษ เอฟซี ได้อยู่ในลีกสูงสุดต่อไป นอกจากนี้ยังมีอีก 3 สโมสรน้องใหม่จากดิวิชั่น 1 ก้าวถึงมาฟาดแข้ง ประกอบด้วย ศรีราชา เอฟซี , ขอนแก่น เอฟซี และ เชียงราย ยูไนเต็ด ซึ่งภารกิจที่รออยู่ในฤดูกาลหน้านับว่าใหญ่หลวงกว่ายิ่งนัก โดยเป้าหมายหลักของทุกสโมสร ที่ทีมข่าว MGR Sport ลงพื้นที่ทำการสำรวจนั้นต่างตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า ต้องรักษาพื้นที่ในพรีเมียร์ลีกให้ได้

สำหรับความพร้อม และการเตรียมตัวของแต่ละทีมในฤดูกาล 2010 เริ่มจากทีมแชมป์ดิวิชั่น 1 สโมสร "บลูมาร์ลิน" ศรีราชา เอฟซี ซึ่ง "โค้ชแดง" ทรงยศ กลิ่นศรีสุข ผู้ฝึกสอน เผยถึงการเตรียมพร้อมในเรื่องการเสริมทัพของฤดูกาลนี้ว่า "การได้กลับมาเล่นไทยลีกอีกครั้งทำให้เราต้องเสริมตัวผู้เล่นหลายรายอย่าล่าสุดเราได้ โจกา ศูนย์หน้าจากบาห์เรน และ ลูคัส เอเชนีเก ผู้รักษาประตูวัย 27 ปี จากสโมสรอาร์เซนอล ทีมจากลีกดิวิชั่น 2 ของอาร์เจนตินา พร้อมกับ อารอน ดา ซิลวา กองหน้าชาวบราซิลจาก จุฬา ยูไนเต็ด และ ดั๊กลาส โคโบ กองหลังที่ย้ายกลับมาจากบีอีซี เทโรศาสน เพื่อเสริมทัพลุยในศึกไทยพรีเมียร์ลีก ซึ่งสอดคล้องกับที่นายฉัตรชัย ทิมกระจ่าง ประธานสโมสรฯ ได้ประกาศว่าในฤดูกาลนี้ได้เตรียมงบประมาณการทำทีมไว้ถึง 30-40 ล้านบาทเพื่อการันตีว่าจะไม่กลับลงไปเล่นในลีกดิวิชั่น 1 อีกต่อไป"

"เป้าหมายของเราขอเพียงแค่อยู่รอดในไทยลีกได้อีกหนึ่งสมัยก็เพียงพอ จากความมุ่งมั่นของทีมที่เต็มเปี่ยมไปด้วยสปิริต เนื่องจากเด็กส่วนใหญ่มาจากทีมเยาวชนและเสริมผู้เล่นชาวต่างชาติที่สามารถทำหน้าที่ได้ดีในแต่ละตำแหน่ง ผมคิดว่าเราจำเป็นต้องเตรียมตัวอย่างรัดกุม ต้องเน้นให้นักเตะทุกคนเข้าใจในเกมรับ และทำอย่างไรไม่ให้เสียประตู ขณะเดียวกันเกมรุกต้องเฉียบขาดนี่คือสิ่งสำคัญที่เราต้องแม่นยำ จากประสบการณ์ที่เคยเล่นไทยลีกมาแล้ว 1 สมัย เชื่อว่านักเตะสามารถปรับตัวได้" กุนซือทัพ "บลูมาร์ลิน" กล่าว

ด้าน โค้ชณรงค์ ท้วมไธสง กุนซือทีม "เดอะ ทีเร็กซ์" ขอนแก่น เอฟซี รองแชมป์ดิวิชั่น 1 น้องใหม่ในลูกหนังไทยลีก กล่าวถึงการเสริมทัพในเวทีลีกสูงสุดว่า "หลังจากที่ได้โควต้าเล่นไทยลีกครั้งแรกทำให้ทีมต้องมีการเสริมนักเตะเข้ามาหลายราย ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ อาทิ กัลยา สายสมหวัง กับ คำแพง สายวุฒิ สองนักเตะลาวที่ย้ายมาจากสโมสรเอ็มทีพีซี เอฟซี ในลีกของเขา และ หลี่เฉียง กับ หลี่เหวินซี จากจีน ส่วนนักเตะรายเดิมก็ยังอยู่ครบ นอกจากนี้ยังมีการเตรียมทีมอย่างต่อเนื่อง โดยจะมีการอุ่นเครื่องช่วงหลังวันที่ 16 มกราคมนี้ กับทีม ร้อยเอ็ด ยูไนเต็ด และ เลย ซิตี้ 2 ทีมจากศึกดิวิชั่น 2 เพื่อเรียกความฟิตก่อนเล่นไทยลีก"

"ต้องยอมรับว่าหนักใจกับการเตรียมความพร้อมของแต่ละสโมสรฯ เนื่องจากทีมอื่นมีงบประมาณมหาศาล แต่ทีมเราเป็นทีมเล็กเติบโตตามอัตภาพ จากปีที่ผ่านมามีเงินทำทีมเพียง 10 ล้านบาท คาดว่าปีนี้คงจะมากขึ้นกว่าเดิม อีกทั้งสโมสรฯ ยังไม่มีสปอนเซอร์รายใหญ่ อย่างไรก็ตามผมจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แม้ทีมเราจะไม่มีผู้เล่นที่มีชื่อเสียงโด่งดัง แต่เชื่อว่าด้วยศักยภาพของผู้เล่นที่มีอยู่คงสามารถพอต่อกรกับทีมอื่นได้ โดยเมื่อรู้ตัวว่าเป็นรองเราจะเน้นในเรื่องแท็กติคพร้อมกับศึกษาการเล่นของทีมต่างๆ ที่สำคัญเป้าหมายของทีมมีเพียงแค่ไม่ให้หล่นจากไทยลีกก็พอ" กุนซือแดนอีสานกล่าว

ส่วนเจ้าของโควตาสุดท้าย อย่าง "กว่างโซ้งมหาภัย" เชียงราย ยูไนเต็ด ที่มี มิตติ ติยะไพรัช ประธานสโมสรผลักดันจนสามารถก้าวสู่ไทยพรีเมียร์ลีกได้ เผยถึงแนวทางในการสู้ศึกใหญ่ฤดูกาล 2011 ว่า "เรามีการเสริมทัพกันอย่างเต็มที่ โดยเราได้ผู้เล่นใหม่มาหลายคนทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ สำหรับนักเตะไทยนั้นประกอบด้วย ธีรศักดิ์ โพธิ์อ้น, พิชัย ปรีชาเชาว์, รังสรรค์ รูปเหมาะ, คัมภีร์ ปิ่นฑะกูล, ใหญ่ นิลวงษ์ และ แมนเทวา ล่ามสมบัติ ขณะที่นักเตะต่างชาติ ก็มีหลายราย อาทิ เมอร์ฟี เนงเบ, เลโอติน ซิตเซกู และ ยูเลียน ซูซา ดา ซิลวา"

นอกจากนี้ "บิ๊กฮั่น" ประธานทีม เชียงรายฯ ยังกล่าวต่อไปว่า "ระหว่างนี้ผู้เล่นทั้งหมดได้ถูกเรียกมาฝึกซ้อมร่วมกันแล้ว เพื่อความเข้าใจในเกมของทีมมากขึ้น การที่เราเสริมทัพมากมายขนาดนี้ แน่นอนว่าเป้าหมายแรกคือเพื่อการอยู่รอดในไทยพรีเมียร์ลีกให้ได้ แต่ก็มีความหวังลึกๆ ว่าหากทีมสามารถเริ่มต้นได้ดี เราน่าจะสร้างความประหลาดใจให้กับวงการฟุตบอลไทยด้วยการทำอันดับได้ดีกว่าที่มีการคาดการณ์กันไว้"