“สิงห์บลูส์” เชลซี ระบายความอัดอั้นด้วยการบุกขย้ำ “ปอมปีย์” ปอร์ทสมัธ ไม่มีชิ้นดี 5-0 ในเกมการแข่งขันประจำคืนวันพุธ พร้อมกับทำคะแนนแซงหน้า “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ขึ้นนั่งรองจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ปอร์ทสมัธ 0-5 เชลซี
คาร์โล อันเชล็อตติ หวังนำ “สิงห์บลูส์” เชลซี กลับมาตะปบชัยอีกครั้ง แต่เกมเยือน “ปอมปีย์” ปอร์ทสมัธ ก็มีการปรับทัพส่ง เดโก ซูซา ช่วยปั้นเกมแดนกลาง พร้อมกับส่ง ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ประสานเกมรุกกับ ฟลอรองต์ มาลูดา และ ดิดิเยร์ ดร็อกบา แถมยังได้ ปีเตอร์ เช็ก ฟิตกลับมาเฝ้าเสา ด้านกุนซือเจ้าถิ่น อัฟราม แกรนท์ แพ็คกลางแน่นอัดไปถึง 5 คน ให้ทาง เจมี โอฮารา ยืนอยู่หลัง เฟรเดริก ปิกิยอน หน้าตัวเป้า
เริ่มเกมการแข่งขัน เชลซี ครองเกมลุยใส่ก่อนทันที ดิดิเยร์ ดร็อกบา ได้โอกาสซัดด้วยซ้ายในกรอบโทษบอลกวาดออกข้าง นาทีที่ 10 ฟลอรองต์ มาลูดา ลากตัดเข้าในก่อนเตะให้ แฟรงค์ แลมพาร์ด ตะบันเต็มข้อจากระยะ 35 หลา บอลพุ่งติดไซด์แต่ เดวิด เจมส์ โชว์ซูเปอร์เซฟพุ่งปัดออกไป ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ปอร์ทสมัธ ตั้งเกมสู้ได้ดีขึ้น แต่ยังไม่สามารถหาจังหวะเจาะเข้าทำใส่ทีมเยือน ถึงนาทีที่ 32 “สิงห์บลูส์” ได้ประตูนำ 1-0 เมื่อ เดโก ซูซา โหม่งตั้งไปข้างหน้า เจมส์ โชว์เฟอะออกมาหวดบอลวืดเต็มๆ ดร็อกบา เก็บส้มหล่นเข้าไปแปนิ่มๆ ไม่เหลือ
แต่สองนาทีถัดมา เชลซี ต้องเสีย ริคาร์โด คาร์วัลโญ ปราการหลังทีมชาติโปรตุเกสให้แก่อาการบาดเจ็บ อเล็กซ์ ได้ลงมาทำหน้าที่แทน นาทีที่ 40 ทีมเยือนโชคดีเหลือหลายที่ยังมีผู้เล่นครบ 11 คน เมื่อ มาลูดา กางแขนดันเข้าไปที่หน้า ริคาร์โด โรชา ในจังหวะขึ้นแย่งโหม่งกัน ผู้ตัดสิน ลี เมสัน ชักแค่ใบเหลืองออกมา เล่นเอามีเสียงโห่ระงมจากแฟนๆ เจ้าบ้านในสนามแฟรตตัน ปาร์ค ซึ่งจังหวะดังกล่าวก็ทำให้ โรชา เจ็บเล่นต่อไม่ไหว อันเจลอส บาซินาส มิดฟิลด์ตัวเก๋าชาวกรีซได้ลงมาเล่นแทน พร้อมกับปรับแทกติกให้ มาร์ค วิลสัน กลับไปยืนเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ และก็จบครึ่งเวลาแรก
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง อัฟราม แกรนท์ ส่ง ควินซี โอโวซู อเบยี ลงมาเล่นแทน ทอมมี สมิธ ที่บาดเจ็บ แต่ถึงนาทีที่ 50 กลายเป็น เชลซี ที่หนีห่างเป็น 2-0 จากการหลุดเข้าไปยิงด้วยซ้ายอย่างเด็ดขาดของ มาลูดา จากนั้นเจ้าบ้านดันเกมลุยขึ้นมาบ้าง เจมี โอฮารา ลากตัดเข้ามายิงด้วยขวาบอลแฉลบข้ามคาน นาทีที่ 58 โจ โคล ตัวสำรองที่ลงมาเล่นแทน เดโก หลุดเข้าไปยิงด้วยขวาคราวนี้ เจมส์ แก้ตัวทุบทิ้งออกมาได้ หนึ่งชั่วโมงพอดีสกอร์ไหลเป็น 3-0 เมื่อ แฟรงค์ แลมพาร์ด ยิงไปติดเซฟนายทวารเจ้าถิ่นกระฉอกมาให้ มาลูดา ซ้ำไม่เหลือซาก
เกมเริ่มที่จะแผ่วกันลงไปทั้งสองฝ่าย แต่นาทีที่ 77 ทีมเยือนมาได้ประตูหนีไปไกลเป็น 4-0 จอห์น โอบี มิเกล วางบอลยาวให้ ดร็อกบา แตะอกเข้ากรอบโทษก่อนยิงด้วยขวาส่งบอลเสียบเสาแรกอย่างหมดจรด สองนาทีถัดมา ปอร์ทสมัธ น่าจะได้ประตูตีไข่แตกเป็นอย่างยิ่งเมื่อ จอห์น เทอร์รี โหม่งสกัดผิดพลาดแต่ ริชาร์ด ฮิวจ์ส โขกจ่อๆ หลุดกรอบอย่างเหลือเชื่อ ท้ายเกม แพทริค ฟาน อานโฮลท์ แบ็กซ้ายดาวรุ่งที่ลงมาเป็นสำรองดันเกมขึ้นมาก่อนเปิดเข้ากลาง ดร็อกบา แหย่บอลโด่งเกินไปชวดแฮตทริก แต่ช่วงทดเจ็บ เชลซี คว้าชัยสวยงาม 5-0 จากลูกโหม่งปิดท้ายของ แลมพาร์ด ทำให้ต้นสังกัดเก็บเพิ่มเป็น 68 คะแนนจาก 31 นัด แซงหน้า อาร์เซนอล ขึ้นที่ 2 มีคะแนนไล่หลัง “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แค่แต้มเดียวเท่านั้น ขณะที่ “ปอมปีย์” มีเพียง 13 คะแนน (โดนหัก 9 แต้มจากสถานะทางการเงินของสโมสรที่ย่ำแย่) นับถอยหลังเตรียมหล่นชั้น
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ปอร์ทสมัธ : เดวิด เจมส์ , สตีฟ ฟินแนน , ริคาร์โด โรชา , มาร์ค วิลสัน , เฮอร์มันน์ ไฮดาร์สสัน , อารอน โมโคเอนา , เฮย์เดน มัลลินส์ , ทอมมี สมิธ , ริชาร์ด ฮิวจ์ส , เจมี โอฮารา , เฟรเดริก ปิกิยอน
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก , เปาโล แฟร์ไรรา , ริคาร์โด คาร์วัลโญ , จอห์น เทอร์รี , ยูริ เชียร์คอฟ , แฟรงค์ แลมพาร์ด , จอห์น โอบี มิเกล , เดโก ซูซา , ฟลอรองต์ มาลูดา , ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ , ดิดิเยร์ ดร็อกบา
ผลฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำคืนวันพุธ
แอสตัน วิลลา 1-1 ซันเดอร์แลนด์
[0-1 : เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ (น.12) , 1-1 : ยอห์น คาริว (น.30)]
แมนเชสเตอร์ ซิตี 0-2 เอฟเวอร์ตัน
[0-1 : ทิม เคฮิลล์ (น.33) , 0-2 : มิเกล อาร์เตตา (น.85)]
ปอร์ทสมัธ 0-5 เชลซี
[0-1 : ดิดิเยร์ ดร็อกบา (น.32) , 0-2 : ฟลอรองต์ มาลูดา (น.50) , 0-3 : ฟลอรองต์ มาลูดา (น.60) , 0-4 : ดิดิเยร์ ดร็อกบา (น.77) , 0-5 : แฟรงค์ แลมพาร์ด (น.90)]
แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส 2-1 เบอร์มิงแฮม ซิตี
[1-0 : เดวิด ดันน์ (น.5) , 1-1 : เจมส์ แม็คฟาดเดน (น.55) , 2-1 : เดวิด ดันน์ (น.67)]
ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ปอร์ทสมัธ 0-5 เชลซี
คาร์โล อันเชล็อตติ หวังนำ “สิงห์บลูส์” เชลซี กลับมาตะปบชัยอีกครั้ง แต่เกมเยือน “ปอมปีย์” ปอร์ทสมัธ ก็มีการปรับทัพส่ง เดโก ซูซา ช่วยปั้นเกมแดนกลาง พร้อมกับส่ง ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ ประสานเกมรุกกับ ฟลอรองต์ มาลูดา และ ดิดิเยร์ ดร็อกบา แถมยังได้ ปีเตอร์ เช็ก ฟิตกลับมาเฝ้าเสา ด้านกุนซือเจ้าถิ่น อัฟราม แกรนท์ แพ็คกลางแน่นอัดไปถึง 5 คน ให้ทาง เจมี โอฮารา ยืนอยู่หลัง เฟรเดริก ปิกิยอน หน้าตัวเป้า
เริ่มเกมการแข่งขัน เชลซี ครองเกมลุยใส่ก่อนทันที ดิดิเยร์ ดร็อกบา ได้โอกาสซัดด้วยซ้ายในกรอบโทษบอลกวาดออกข้าง นาทีที่ 10 ฟลอรองต์ มาลูดา ลากตัดเข้าในก่อนเตะให้ แฟรงค์ แลมพาร์ด ตะบันเต็มข้อจากระยะ 35 หลา บอลพุ่งติดไซด์แต่ เดวิด เจมส์ โชว์ซูเปอร์เซฟพุ่งปัดออกไป ครึ่งชั่วโมงผ่านไป ปอร์ทสมัธ ตั้งเกมสู้ได้ดีขึ้น แต่ยังไม่สามารถหาจังหวะเจาะเข้าทำใส่ทีมเยือน ถึงนาทีที่ 32 “สิงห์บลูส์” ได้ประตูนำ 1-0 เมื่อ เดโก ซูซา โหม่งตั้งไปข้างหน้า เจมส์ โชว์เฟอะออกมาหวดบอลวืดเต็มๆ ดร็อกบา เก็บส้มหล่นเข้าไปแปนิ่มๆ ไม่เหลือ
แต่สองนาทีถัดมา เชลซี ต้องเสีย ริคาร์โด คาร์วัลโญ ปราการหลังทีมชาติโปรตุเกสให้แก่อาการบาดเจ็บ อเล็กซ์ ได้ลงมาทำหน้าที่แทน นาทีที่ 40 ทีมเยือนโชคดีเหลือหลายที่ยังมีผู้เล่นครบ 11 คน เมื่อ มาลูดา กางแขนดันเข้าไปที่หน้า ริคาร์โด โรชา ในจังหวะขึ้นแย่งโหม่งกัน ผู้ตัดสิน ลี เมสัน ชักแค่ใบเหลืองออกมา เล่นเอามีเสียงโห่ระงมจากแฟนๆ เจ้าบ้านในสนามแฟรตตัน ปาร์ค ซึ่งจังหวะดังกล่าวก็ทำให้ โรชา เจ็บเล่นต่อไม่ไหว อันเจลอส บาซินาส มิดฟิลด์ตัวเก๋าชาวกรีซได้ลงมาเล่นแทน พร้อมกับปรับแทกติกให้ มาร์ค วิลสัน กลับไปยืนเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ และก็จบครึ่งเวลาแรก
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง อัฟราม แกรนท์ ส่ง ควินซี โอโวซู อเบยี ลงมาเล่นแทน ทอมมี สมิธ ที่บาดเจ็บ แต่ถึงนาทีที่ 50 กลายเป็น เชลซี ที่หนีห่างเป็น 2-0 จากการหลุดเข้าไปยิงด้วยซ้ายอย่างเด็ดขาดของ มาลูดา จากนั้นเจ้าบ้านดันเกมลุยขึ้นมาบ้าง เจมี โอฮารา ลากตัดเข้ามายิงด้วยขวาบอลแฉลบข้ามคาน นาทีที่ 58 โจ โคล ตัวสำรองที่ลงมาเล่นแทน เดโก หลุดเข้าไปยิงด้วยขวาคราวนี้ เจมส์ แก้ตัวทุบทิ้งออกมาได้ หนึ่งชั่วโมงพอดีสกอร์ไหลเป็น 3-0 เมื่อ แฟรงค์ แลมพาร์ด ยิงไปติดเซฟนายทวารเจ้าถิ่นกระฉอกมาให้ มาลูดา ซ้ำไม่เหลือซาก
เกมเริ่มที่จะแผ่วกันลงไปทั้งสองฝ่าย แต่นาทีที่ 77 ทีมเยือนมาได้ประตูหนีไปไกลเป็น 4-0 จอห์น โอบี มิเกล วางบอลยาวให้ ดร็อกบา แตะอกเข้ากรอบโทษก่อนยิงด้วยขวาส่งบอลเสียบเสาแรกอย่างหมดจรด สองนาทีถัดมา ปอร์ทสมัธ น่าจะได้ประตูตีไข่แตกเป็นอย่างยิ่งเมื่อ จอห์น เทอร์รี โหม่งสกัดผิดพลาดแต่ ริชาร์ด ฮิวจ์ส โขกจ่อๆ หลุดกรอบอย่างเหลือเชื่อ ท้ายเกม แพทริค ฟาน อานโฮลท์ แบ็กซ้ายดาวรุ่งที่ลงมาเป็นสำรองดันเกมขึ้นมาก่อนเปิดเข้ากลาง ดร็อกบา แหย่บอลโด่งเกินไปชวดแฮตทริก แต่ช่วงทดเจ็บ เชลซี คว้าชัยสวยงาม 5-0 จากลูกโหม่งปิดท้ายของ แลมพาร์ด ทำให้ต้นสังกัดเก็บเพิ่มเป็น 68 คะแนนจาก 31 นัด แซงหน้า อาร์เซนอล ขึ้นที่ 2 มีคะแนนไล่หลัง “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แค่แต้มเดียวเท่านั้น ขณะที่ “ปอมปีย์” มีเพียง 13 คะแนน (โดนหัก 9 แต้มจากสถานะทางการเงินของสโมสรที่ย่ำแย่) นับถอยหลังเตรียมหล่นชั้น
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ปอร์ทสมัธ : เดวิด เจมส์ , สตีฟ ฟินแนน , ริคาร์โด โรชา , มาร์ค วิลสัน , เฮอร์มันน์ ไฮดาร์สสัน , อารอน โมโคเอนา , เฮย์เดน มัลลินส์ , ทอมมี สมิธ , ริชาร์ด ฮิวจ์ส , เจมี โอฮารา , เฟรเดริก ปิกิยอน
เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก , เปาโล แฟร์ไรรา , ริคาร์โด คาร์วัลโญ , จอห์น เทอร์รี , ยูริ เชียร์คอฟ , แฟรงค์ แลมพาร์ด , จอห์น โอบี มิเกล , เดโก ซูซา , ฟลอรองต์ มาลูดา , ดาเนียล สเตอร์ริดจ์ , ดิดิเยร์ ดร็อกบา
ผลฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำคืนวันพุธ
แอสตัน วิลลา 1-1 ซันเดอร์แลนด์
[0-1 : เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ (น.12) , 1-1 : ยอห์น คาริว (น.30)]
แมนเชสเตอร์ ซิตี 0-2 เอฟเวอร์ตัน
[0-1 : ทิม เคฮิลล์ (น.33) , 0-2 : มิเกล อาร์เตตา (น.85)]
ปอร์ทสมัธ 0-5 เชลซี
[0-1 : ดิดิเยร์ ดร็อกบา (น.32) , 0-2 : ฟลอรองต์ มาลูดา (น.50) , 0-3 : ฟลอรองต์ มาลูดา (น.60) , 0-4 : ดิดิเยร์ ดร็อกบา (น.77) , 0-5 : แฟรงค์ แลมพาร์ด (น.90)]
แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส 2-1 เบอร์มิงแฮม ซิตี
[1-0 : เดวิด ดันน์ (น.5) , 1-1 : เจมส์ แม็คฟาดเดน (น.55) , 2-1 : เดวิด ดันน์ (น.67)]