ASTVผู้จัดการรายวัน - ด้วยกระแสความนิยมของวงการลูกหนังไทยเมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้บุคคลในวงการต่างๆ หันมาให้ความสนใจในการสร้างทีมฟุตบอลกันมากขึ้น ไม่เว้นแม้แต่นักการเมืองดังอย่าง เนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ที่เข้ามาเป็นประธานสโมสรบุรีรัมย์ พีอีเอ (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เดิม) พร้อมทั้งหว่านเม็ดเงินมหาศาลเพื่อพัฒนาทีมในด้านต่างๆ ทั้งการเสริมตัวผู้เล่น ปรับปรุงสนามแข่งขัน วางระบบการจัดการ โดยเจ้าตัวยืนยันตลอดว่าการเข้ามาครั้งนี้ว่าด้วยเรื่องกีฬาล้วนๆ ปราศจากเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง
แต่แล้วเมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน เมื่อม็อบเสื้อแดงยกขบวนมาปิดล้อมสนามแข่งขันเกมลีกภูมิภาค ดิวิชัน 2 ซึ่ง ชัยภูมิ ยูไนเต็ด เปิดบ้านต้อนรับ บุรีรัมย์ เอฟซี ที่ "บิ๊กเน" เข้ามาดูแลทีมอยู่ด้วย หลังจากทราบว่าแกนนำกลุ่มเสื้อน้ำเงินจะเดินทางมาด้วยจนต้องยกเลิกแมตช์ดังกล่าวโดยปริยาย สร้างความผิดหวังให้กับหลายๆ ฝ่ายที่มองว่าไม่ควรนำเกมกีฬากับเกมการเมืองมาปะปนกัน
ซึ่ง MGR Sport มีโอกาสไปสัมภาษณ์ เนวิน ชิดชอบ ถึงประเด็นดังกล่าวก่อนได้รับคำตอบมาว่า "วันนั้นแฟนบอลเราเดินทางไปราว 1,000 คน ซึ่งเราไม่อยากให้มีปัญหาจึงหลีกเลี่ยงการปะทะกันด้วยการไม่ลงแข่ง หากเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้นอีกซึ่งเจ้าบ้านไม่สามารถควบคุมการรักษาความปลอดภัยได้ เราก็ยินดีไปเล่นที่สนามเป็นกลางตามกติกาสากล"
"บิ๊กเน" กล่าวต่อไปว่า "แต่ความจริงเราควรแยกแยะเรื่องเกมกีฬากับการเมืองให้ออกจากกัน จะมาปิดกั้นห้ามไม่ให้คนนั้นคนนี้ไปเยือนที่สนามไม่ได้ ส่วนเรื่องการรักษาความปลอดภัยก็เป็นหน้าที่ของเจ้าบ้านที่จะต้องจัดการให้ได้ ซึ่งกรณีที่ บุรีรัมย์ เป็นเจ้าบ้านหากใครจะมา แม้แต่ วีระ มุสิกพงศ์, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, จตุพร พรหมพันธุ์ หรือแกนนำเสื้อแดงคนอื่นๆ ผมก็จัดการเรื่องความปลอดภัยให้ได้ หากเข้ามาด้วยเรื่องกีฬา ขอเอาเกียรติส่วนตัวและเกียรติของชาวบุรีรัมย์เป็นประกันว่าจะดูแลอย่างดี เพื่อให้มีความสุขในการชมฟุตบอล"
เมื่อพูดถึงการรักษาความปลอดภัย ประธานสโมสรบุรีรัมย์ พีอีเอ พูดถึงการวางมาตรการอันเข้มงวดที่รังเหย้าของตัวเองว่า "ผมเชื่อว่า ไอ โมบาย สเตเดียม จะเป็นสนามที่มีระบบรักษาความปลอดภัยสูงที่สุดในเมืองไทย โดยแมตช์ทั่วไปของ บุรีรัมย์ พีอีเอ จะมีกองกำลังอาสารักษาดินแดน เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของสนามคอยดูแลรวมทั้งสิ้น 200 นาย แต่หากเป็นแมตช์ใหญ่เราจะเพิ่มเป็น 500 นาย ขณะที่เกมของ บุรีรัมย์ เอฟซี ในดิวิชัน 2 ก็จะใช้ 200 นายเช่นกัน"
"การที่สนามตั้งอยู่นอกเมืองทำให้เราสามารถควบคุมการรักษาความปลอดภัยได้ง่ายขึ้น สำหรับมาตรการอื่นที่ต้องขอร้องแฟนบอลทั้งของเราเองและทีมเยือนคือ ห้ามนำน้ำ อาหาร เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ขึ้นมาทานบนอัฒจันทร์ ตลอดจนมีการตรวจอาวุธ ของมีคม ก่อนเข้าสนามตามกฎของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ซึ่งเป็นสากล ผมรับประกันว่าการแข่งขันที่บุรีรัมย์จะไม่เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันอย่างแน่นอน เพราะเราสามารถตรวจสอบความเคลื่อนไหวได้ตลอด ผู้มาเยือนทุกคนจะได้รับการดูแลอย่างดีชนิดริ้นไม่ให้ไต่ ไรไม่ให้ตอมเลยทีเดียว"
พร้อมกันนี้ เนวิน ยังพูดถึงนักการเมืองคนอื่นๆ ที่เข้ามาสู่วงการกีฬาด้วยว่า "คนการเมืองที่มาทำกีฬามีเยอะแยะ ทั้งนายอนุชา นาคาศัย ผู้จัดการทีมชาติไทยและทีมฟุตบอล ชัยนาท เอฟซี นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ แกนนำพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา ก็จัดฟุตบอลคิงส์คัพ และทำเทนนิสได้ไม่มีปัญหา"
ท้ายสุด อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ หลายสมัย ประกาศเจตนารมณ์ในการเข้าสู่แวดวงลูกหนังว่า "ตัวผมเองมาทำฟุตบอลก็ไม่อยากให้มีปัญหา ขอยืนยันไม่เอาฟุตบอลมาเกี่ยวข้องกับการเมืองแน่นอน เพราะรักฟุตบอลเหมือนรักประเทศไทย ถ้าบ้านเมืองยังเป็นอย่างนี้แล้วฟุตบอลไทยจะพัฒนาไปถึงระดับโลกได้อย่างไร ส่วนเป้าหมายของทีมบุรีรัมย์ พีอีเอ ปีนี้ขอให้อยู่ในกลุ่มลุ้นแชมป์ 1 ใน 3 ของไทยพรีเมียร์ลีก และต้องไปเล่นฟุตบอลสโมสรเอเชียภายใน 3 ปี ขณะที่ บุรีรัมย์ เอฟซี จะต้องเลื่อนชั้นขึ้นสู่ดิวิชั่น 1 ในปีนี้"