เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน บรมกุนซือของ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ออกโรงแนะนำ แอนดี เมอร์เรย์ นักหวดรุ่นลูกชาว สกอตแลนด์ ให้ใช้ความพ่ายแพ้ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ ในรอบชิงชนะเลิศ ออสเตรเลียน โอเพน เป็นบทเรียน เพื่อก้าวไปสู่ตำแหน่งแชมป์แกรนด์สแลมในอนาคต
ศึกแกรนด์สแลมรายการแรกของปี "ออสเตรเลียน โอเพน 2010" ปิดฉากลงพร้อมตอกย้ำความยิ่งใหญ่ของ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ มมือ 1 ของโลกที่เอาชนะ แอนดี เมอร์เรย์ มือดีจากสกอตแลนด์ 3-0 เซต คว้าแชมป์สแลมสูงสุดสมัยที่ 16 แล้ว ส่วน "มาซซา" ที่แบกความกดดันของชาวสหราชอาณาจักรที่อยากเห็นนักหวดของพวกเขาได้แชมป์เมเจอร์เป็นครั้งแรกในรอบ 74 ปี ผิดหวังถึงขนาดสะอึกสะอื้นบนเวทีรับถาดรองแชมป์
ซึ่ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือของ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อาศัยช่วงเวลาก่อนพาลูกทีมบุกถล่ม อาร์เซนอล 3-1 ในเกม พรีเมียร์ลีก เมื่อวันอาทิตย์(31ม.ค.) เป็นหนึ่งในผู้ชมทั่วโลก 2.3 ล้านคน นั่งเชียร์ เมอร์เรย์ ในบางช่วงเวลา พร้อมออกมาแสดงทัศนะผ่าน บีบีซี หลังเห็นความพ่ายแพ้ของหวดรุ่นหลานชาวสก็อตมือ 3 ของโลกคนปัจจุบัน
โดย "เฟอร์กี" ที่เคยผลงานตกต่ำในปี 1989-1990 จนเกือบถูกปลด ทว่าพลิกชะตาคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ในฤดูกาลดังกล่าวกระทั่งพาทีมได้แชมป์ลีกถึง 11 สมัย เผยว่า "สิ่งที่ เมอร์เรย์ ประสบอยู่ในวันนี้ผมเข้าใจดี เพราะตนเองเคยโดนมาก่อน ซึ่งผมอยากจะบอกเขาว่าแท้จริงแล้ว ความผิดหวังเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตที่ทำให้คนเรามีพลังต่อสู้เพื่อไปสู่ประสบความสำเร็จ ไม่มีใครเกิดมาพร้อมกับความสำเร็จ เขาเองก็เช่นกัน ขอจงเชื่อมั่นวันนี้เขามาถูกทางแล้ว"
"เมอร์เรย์ ประสบความสำเร็จมากพอสมควรและกำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ ปีที่แล้วเข้าถึงรอบรองชนะเลิศ วิมเบิลดัน ได้ เกมการเล่นก็พัฒนาขึ้นอย่างเหลือเชื่อสาเหตุที่เขาแพ้ โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ อาจเป็นเรื่องของประสบการณ์ในเกมใหญ่อย่างแกรนด์สแลม จากนี้ขอให้ลืมความผิดหวังกลับไปพัฒนาตนเอง โดยยึดเฟเดอเรอร์ เป็นตัวอย่าง ด้วยเพียงวัย 22 ปี ยังมีเวลาและแกรนด์สแลมคงไม่หนีไปไหนแน่" สุดยอดกุนซือเลือดสก็อตวัย 68 ปี ทิ้งท้าย
สำหรับ เมอร์เรย์ เตรียมกลับมาลงแข่งขันอีกครั้งในวันที่ 15 กุมภาพันธ์นี้ ที่ มาร์กเซย์ ประเทศฝรั่งเศส ส่วนแกรนด์สแลมถัดไปให้ได้ลุ้นประเดิมความสำเร็จ คือ เฟรนช์ โอเพน ในวันที่ 24 พฤษภาคม ซึ่งแม้หวดหนุ่มจะเคยไปฝึกคอร์ตดินที่ สเปน ตั้งแต่ยังเด็ก แต่โอกาสค่อนข้างน้อยเพราะไม่ใช่คอร์ตที่ถนัดอยู่ดี ต่อเนื่องถึง วิมเบิลดัน สแลมคอร์ตหญ้าที่ ลอนดอน ในวันที่ 21 มิถุนายน
