ASTVผู้จัดการรายวัน - มหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ณ กรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว ที่เพิ่งรูดม่านปิดฉากลงไปเปรียบเสมือนเวทีโชว์ตัวของบรรดานักกีฬาที่ได้แสดงความสามารถให้เป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะนักเตะเมดอินลาว ที่ครั้งนี้นอกจากทีมชาติแห่งลุ่มน้ำโขงจะทำผลงานสุดเซอร์ไพรส์ในอันดับที่ 4 แล้วมีหลายรายทำผลงานได้เข้าตาแมวมองหลายสโมสรในไทยลีก ที่กำลังหาของดีสมราคามาเสริมความแกร่ง
ต้องยอมรับว่าความสำเร็จของทีมชาติลาวในซีเกมส์ครั้งที่ 25 นี้นอกจากความได้เปรียบทางเสียงเชียร์ในฐานะเจ้าภาพแล้ว ความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะในทีมคือปัจจัยที่ทำให้ทีมลาวไปได้ไกลถึงรอบรองชนะเลิศ และจากที่ทีมข่าว MGR SPROT ได้มีโอกาสติดตามดูผลงานของขุนพลลูกหนังชายทีมชาติลาวในเวียงจันทน์เกมส์แล้วพบว่ามีอยู่หลายรายที่ฝีเท้าได้มาตรฐานจะลงฟาดแข้งในศึกไทยพรีเมียร์ลีก ดังที่ก่อนหน้านี้ “ลำเนา สิงโต” ศูนย์หน้าขวัญใจชาวลาวมาบุกเบิกก่อนด้วยการเล่นให้กับ บุรีรัมย์-กฟภ. (การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เดิม) เมื่อฤดูกาล 2009 ที่ผ่านพ้นไป
“คำแพง ไสยะวุดทิ” คือนักเตะรายแรกที่มีฟอร์มสะดุดตาที่สุดในทีมชาติลาวด้วยผลงานที่ทำประตูตีเสมอ เมียนมาร์ 1-1 ในแมตช์ประเดิมสนามของเจ้าภาพ ก่อนจะมีบทบาทสำคัญในแดนหน้าของทีมชาติลาวโดยตลอดจนถึงรอบชิงเหรียญทองแดง ไม่ว่าจะเป็นการหาจังหวะจบสกอร์ทั้งภาคพื้นดินและกลางอากาศ คอยเก็บบอล พักบอล และทำทางให้ ลำเนา รวมถึงเพื่อนร่วมทีมคนอื่นเข้ากดดันแนวรับฝ่ายตรงข้าม
สำหรับ คำแพง ถือว่าพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว โดยผู้ค้นพบอย่าง “อ.บุญลับ เคนกิตติศักดิ์” อดีตกองหน้าดาวดังทีมชาติลาวที่ผันตัวมาเป็นสตาฟฟ์โค้ชเปิดเผยว่าเพิ่งหันมาเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังเมื่ออายุ 15 ปี ที่สำคัญก่อนหน้านี้เคยเป็นนักกีฬาเซปักตะกร้อมาก่อน แต่เมื่อถึงทางแยกที่ต้องตัดสินใจว่าจะเลือกเล่นอะไร สุดท้าย คำแพง ก็หันเหมาหวดลูกหนังอย่างเต็มตัวตามคำแนะนำของ อ.บุญลับ ที่ให้ข้อมูลกับ อัลเฟรด รีเดิล กุนซือใหญ่ชาวออสเตรียว่าเป็นผู้เล่นที่น่าสนใจ
ซึ่งภายหลัง รีเดิล ได้เห็นฝีเท้าของดาวเตะ วัย 23 ปีผู้นี้ในระหว่างเข้าแคมป์เก็บตัวแล้วก็ไม่ลังเลที่จะวางเป็นหัวหอกตัวหลักร่วมกับ ลำเนา ในชุดทำศึกเวียงจันทน์เกมส์ โดยอดีตเฮดโค้ชทีมชาติเวียดนามให้คำจำกัดความของ คำแพง ว่า “เขาเป็นผู้เล่นที่คอนโทรลบอลได้ดี มีจุดแข็งในการเล่นลูกกลางอากาศ ความแข็งแกร่ง รวมถึงหาจังหวะเข้าทำประตูได้หลายรูปแบบตามธรรมชาติของตัวจบสกอร์”
รายต่อมาเป็น “ไกสอน สุขะวงศ์” ปีกซ้ายเล็กพริกขี้หนู ผู้มีสปีดต้นจัดจ้านคอยปั่นป่วนแผงหลังคู่ต่อสู้ ซึ่ง เมียนมาร์ และ อินโดนีเซีย ต่างโดนดาวเตะหุ่นมะขามข้อเดียวรายนี้เล่นงานจนหัวทิ่มมาแล้ว นอกจากนั้นยังสามารถรับบทบาทแบ็กซ้ายจำเป็นได้อีกด้วย ด้าน รีเดิล กล่าวถึงจุดเด่นของแข้งวัย 22 ปีว่า “แม้เขาจะเป็นนักเตะรูปร่างเล็ก แต่ก็ได้ความเร็ว ความคล่องตัว และทักษะฟุตบอลอันยอดเยี่ยมเข้ามาทดแทน ที่สำคัญ ไกสอน เล่นด้วยความขยันทุ่มเททุกครั้งที่ลงสนาม เรียกได้ว่ามีหัวจิตหัวใจที่ใหญ่เกินตัว”
อีกคนหนึ่งเป็นตัวริมเส้นด้านขวาอย่าง “พัดทะนา สีวิไล” ซึ่งแม้จะเล่นตำแหน่งปีกเช่นเดียวกับ ไกสอน ทว่ามีจุดเด่นไม่เหมือนกัน โดย รีเดิล ระบุว่า “พัดทะนา อาจไม่ใช่ผู้เล่นที่พาบอลไปกับตัวได้ดี แต่ก็มีลูกเปิดจากด้านข้างและการเล่นลูกตั้งเตะที่หวังผลได้ ซึ่งช่วยให้ทีมมีวิธีการจู่โจมที่หลากหลายมากขึ้น”
ทั้งนี้มีรายงานว่าหลายสโมสรในไทยคอยเช็กฟอร์มผู้เล่นทีมชาติลาว ชุดซีเกมส์ ไม่ว่าจะเป็นทีมในไทยพรีเมียร์ลีกอย่าง บางกอกกล๊าส เอฟซี, เพื่อนตำรวจ, ศรีสะเกษ เอฟซี สโมสรในดิวิชัน 1 อย่าง ราชประชา เรื่อยไปจนถึง เชียงใหม่ ยูไนเต็ด ในลีกภูมิภาคดิวิชัน 2 ซึ่งหากใครลงมือดึงมาร่วมทัพอย่างจริงจังเชื่อว่าอาจได้ของดีสมราคาไว้ใช้งานในฤดูกาล 2010 ก็เป็นได้