ทัพตะกร้อทีมชุดชายไทยประกาศศักดาแชมป์ซีเกมส์ สมัยที่ 8 ติดต่อกัน หลังเฆี่ยนเอาชนะ "เสือเหลือง" มาเลเซีย คู่ปรับตลอดกาล 2-0 ทีม ในการแข่งขันเมื่อช่วงเย็นวันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม 2552
แม้จะพ่ายแพ้มาในช่วงเช้าของรอบแบ่งแบบพบกันหมด 0-3 ทีม แต่นักหวดตะกร้อทีมชุดชายไทย ถอนแค้น มาเลเซีย ได้ทันควันในศึก "เวียงจันทน์เกมส์" ที่ศูนย์การค้าลาว-ไอเทค
โดยทีมเอ ซึ่งประกอบด้วย "โจ้" สืบศักดิ์ ผันสืบ ตัวเสิร์ฟหลังเท้า, พรชัย เค้าแก้ว ตัวฟาดมือฉมัง และ สุริยัน เป๊ะชาญ ตัวชงจอมเก๋า บี้ชนะ มาเลเซีย ไปได้อย่างสนุกตื่นเต้น 2-0 เซต 21-14, 21-18
ก่อนที่ทีมบี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขุนพลตะกร้อหน้าใหม่อย่าง ภัทรพงศ์ สีหอม, เกรียงไกร แก้วเมียน และ อนุวัฒน์ ชัยชนะ แต่ก็รวมใจกันพิชิต "เสือเหลือง" อีก 2-0 เซต 21,15, 21-17 ทำให้ชนะไป 2-0 ทีม คว้าเหรียญทองสมัยที่ 8 ติดต่อกัน
ภายหลังการแข่งขัน โค้ชกมล ตันกิมหงษ์ ออกมาให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว MGR Sport ที่มาเกาะติดสถานการณ์ถึงขอบสนาม "หลังจากที่เราแพ้ มาเลเซีย ในรอบเช้า ผมก็มีการปรับเรื่องตัวผู้เล่นเล็กน้อยในรอบชิงชนะเลิศ โดยชุดเอ ใส่ สืบศักดิ์ ผันสืบ ลงเป็นตัวจริงเลย และก็กันเหนียวใส่ 3 ตัวเก๋าลงเล่นในทีมซี ประกอบด้วย สมพร แสนยบุตร, สิงหา สมสกุล และ พนมพร เอี่ยมสะอาด แต่ปรากฏว่า ทีมชุดบี กลับเล่นได้ดียิ่ง โดยเฉพาะ เกรียงไกร เสิร์ฟมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามารถเป็นตัวทีเด็ดได้เลยในอนาคต เพราะตอนนี้ เกรียงไกร ที่ไม่เคยเล่นในทีมเอ หรือบี สามารถขยับขึ้นมาอีกขั้นแล้ว"
นอกจากนี้ โค้ชกมล ยังเผยถึงทีมเดี่ยวชาย ซึ่งจะประเดิมเจอกับ มาเลเซีย ตั้งแต่ 10 โมงเช้าวันอาทิตย์นี้ "สำหรับทีมชายต้องบอกว่าเราหวังทุกเหรียญทอง ตอนนี้ถือว่าทีมตะกร้อมประสบความสำเร็จขั้นหนึ่งแล้วในซีเกมส์ครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม เราจะประมาททีมใดไม่ได้เหมือนกัน เพราะทุกทีมก็พัฒนาขึ้นมามาก ทั้งการเล่นเกมรุกและวิทยาศาสตร์การกีฬา"
สุดท้าย อ.กมล กล่าวถึง สืบศักดิ์ วัย 33 ปี ถึงโอกาสติดทีมไปลุยเอเชียนเกมส์ ที่กวางโจว ปีหน้า "สำหรับ โจ้ คงต้องดูหลายอย่าง โดยเฉพาะสภาพความฟิต เพราะโจ้ ก็อายุขึ้นหลัก 30 ปีแล้ว อีกทั้งต้องดูหน้าที่การงานของเขาด้วย เนื่องจาก โจ้ ปัจจุบันมียศร้อยตำรวจโท เป็นสายตรวจ 191 ต้องเข้าผลัด เวลาทำงานไม่แน่นอน อย่างไรก็ดี ผมเชื่อว่าเราจะมีสายเลือดใหม่ขึ้นมาทดแทน โจ้ ต่อไปในอนาคต"
แม้จะพ่ายแพ้มาในช่วงเช้าของรอบแบ่งแบบพบกันหมด 0-3 ทีม แต่นักหวดตะกร้อทีมชุดชายไทย ถอนแค้น มาเลเซีย ได้ทันควันในศึก "เวียงจันทน์เกมส์" ที่ศูนย์การค้าลาว-ไอเทค
โดยทีมเอ ซึ่งประกอบด้วย "โจ้" สืบศักดิ์ ผันสืบ ตัวเสิร์ฟหลังเท้า, พรชัย เค้าแก้ว ตัวฟาดมือฉมัง และ สุริยัน เป๊ะชาญ ตัวชงจอมเก๋า บี้ชนะ มาเลเซีย ไปได้อย่างสนุกตื่นเต้น 2-0 เซต 21-14, 21-18
ก่อนที่ทีมบี ซึ่งส่วนใหญ่เป็นขุนพลตะกร้อหน้าใหม่อย่าง ภัทรพงศ์ สีหอม, เกรียงไกร แก้วเมียน และ อนุวัฒน์ ชัยชนะ แต่ก็รวมใจกันพิชิต "เสือเหลือง" อีก 2-0 เซต 21,15, 21-17 ทำให้ชนะไป 2-0 ทีม คว้าเหรียญทองสมัยที่ 8 ติดต่อกัน
ภายหลังการแข่งขัน โค้ชกมล ตันกิมหงษ์ ออกมาให้สัมภาษณ์กับทีมข่าว MGR Sport ที่มาเกาะติดสถานการณ์ถึงขอบสนาม "หลังจากที่เราแพ้ มาเลเซีย ในรอบเช้า ผมก็มีการปรับเรื่องตัวผู้เล่นเล็กน้อยในรอบชิงชนะเลิศ โดยชุดเอ ใส่ สืบศักดิ์ ผันสืบ ลงเป็นตัวจริงเลย และก็กันเหนียวใส่ 3 ตัวเก๋าลงเล่นในทีมซี ประกอบด้วย สมพร แสนยบุตร, สิงหา สมสกุล และ พนมพร เอี่ยมสะอาด แต่ปรากฏว่า ทีมชุดบี กลับเล่นได้ดียิ่ง โดยเฉพาะ เกรียงไกร เสิร์ฟมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สามารถเป็นตัวทีเด็ดได้เลยในอนาคต เพราะตอนนี้ เกรียงไกร ที่ไม่เคยเล่นในทีมเอ หรือบี สามารถขยับขึ้นมาอีกขั้นแล้ว"
นอกจากนี้ โค้ชกมล ยังเผยถึงทีมเดี่ยวชาย ซึ่งจะประเดิมเจอกับ มาเลเซีย ตั้งแต่ 10 โมงเช้าวันอาทิตย์นี้ "สำหรับทีมชายต้องบอกว่าเราหวังทุกเหรียญทอง ตอนนี้ถือว่าทีมตะกร้อมประสบความสำเร็จขั้นหนึ่งแล้วในซีเกมส์ครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม เราจะประมาททีมใดไม่ได้เหมือนกัน เพราะทุกทีมก็พัฒนาขึ้นมามาก ทั้งการเล่นเกมรุกและวิทยาศาสตร์การกีฬา"
สุดท้าย อ.กมล กล่าวถึง สืบศักดิ์ วัย 33 ปี ถึงโอกาสติดทีมไปลุยเอเชียนเกมส์ ที่กวางโจว ปีหน้า "สำหรับ โจ้ คงต้องดูหลายอย่าง โดยเฉพาะสภาพความฟิต เพราะโจ้ ก็อายุขึ้นหลัก 30 ปีแล้ว อีกทั้งต้องดูหน้าที่การงานของเขาด้วย เนื่องจาก โจ้ ปัจจุบันมียศร้อยตำรวจโท เป็นสายตรวจ 191 ต้องเข้าผลัด เวลาทำงานไม่แน่นอน อย่างไรก็ดี ผมเชื่อว่าเราจะมีสายเลือดใหม่ขึ้นมาทดแทน โจ้ ต่อไปในอนาคต"
