ขณะที่วงการฟุตบอลในประเทศถูกปลุกให้ตื่นจากมาตรการเข้มงวดของสหพันธ์ฟุตบอลเอเชีย หรือ "เอเอฟซี" ว่าด้วยการพัฒนาลีกลูกหนังด้วยระเบียบต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการกำหนดให้ทุกทีมต้องจดทะเบียนในรูปของบริษัทเพื่อเลี้ยงตัวเอง และต่อยอดการทำธุรกิจพาณิชย์ลูกหนัง รวมถึงมาตรฐานของไฟส่องสว่าง ความจุของสนามแข่งขัน ส่งผลให้วงการฟุตบอลบ้านเราตื่นตัวมากขึ้นในช่วง 2 ปีหลัง
ทว่ายังมีระเบียบอีกข้อที่น่าสนใจของ "เอเอฟซี" ที่กำหนดให้เหล่าบรรดาผู้ฝึกสอนของแต่ละสโมสรจำเป็นต้องมี "เอไลเซนส์" ที่ได้การรับรองจากองค์กรลูกหนังเอเชียเสียก่อนจึงจะทำหน้าที่คุมทัพข้างสนามได้ ซึ่งปัจจุบันมีกุนซือสัญชาติไทยเพียงไม่กี่รายเท่านั้นที่ผ่านการอบรมดังกล่าว
โดย "โค้ชหรั่ง" ชาญวิทย์ ผลชีวิน อดีตผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย และเคยทำหน้าที่เป็นวิทยากรผู้ช่วยในการอบรมหลักสูตรลูกหนังในประเทศไทย กล่าวถึงเนื้อหาการอบรมหลักสูตร "เอไลเซนส์" ไว้ว่ามีความสำคัญต่อการทำหน้าที่กุนซือลูกหนังเป็นอย่างยิ่ง
"เนื้อหาโดยรวมแล้วก็จะเป็นการอบรมในเรื่องการบริหารจัดการภายในสโมสร คือ จะบอกว่าการทำหน้าที่โค้ชที่ต้องทำงานประสานกับ ผู้จัดการทีม , นักฟุตบอล , สตาฟฟ์โค้ช ทีมแพทย์ ทีมฟิตเนสนั้นเป็นอย่างไร โภชนาการที่ถูกต้องจะจัดอาหารอย่างไรให้กับนักฟุตบอล การใช้จิตวิทยากับนักฟุตบอล ทำอย่างไรให้เขาทราบ และเข้าใจในสิ่งที่โค้ชอธิบายไป รวมทั้งยังเรียนรู้แท็คติกการวางแผนที่ลึกซึ้งไปกว่าการอบรมระดับ ซี และ บีไลเซนส์ ซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์กับการทำงานโค้ชเป็นอย่างมาก"
"แต่เดิมผมเคยเป็นนักฟุตบอล เคยทำงานโค้ชมามากมาย ก็คิดว่าเรื่องการอบรมแบบนี้มันไม่จำเป็น เราผ่านงานมามาก จะต้องไปเข้าห้องเรียนรู้เรื่องแบบนี้ทำไม แต่พอมีโอกาสได้มาอบรมจริง จึงได้รู้ตัวเองเลยว่ามีหลายอย่างที่เรายังไม่รู้ หรือยังทำไม่ถูกต้อง ยกตัวอย่างผมไม่เคยรู้เรื่องโภชนาการ ไม่เคยรู้เรื่องวิทยาศาสตร์การกีฬา รวมถึงยังมีเนื้อหาหลายอย่างที่เป็นประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการฝึกซ้อมอย่างไร การเล่นอย่างไร ไม่ให้นักฟุตบอลได้รับบาดเจ็บ เรื่องเหล่านี้ล้วนน่าสนใจ และอยากจะบอกว่าไม่มีใครแก่เกินเรียน ขอให้โค้ชในไทยพรีเมียร์ลีกทุกคนไปอบรมกัน จะเป็นประโยชน์ต่ออาชีพแน่นอน"
ซึ่งเรื่องดังกล่าวสอดคล้องกับ "ดร.ลูกหนัง" ดร.วิชิต แย้มบุญเรือง ประธาน บริษัท ไทยพรีเมียร์ลีก ที่ยืนยันว่าผู้ฝึกสอนระดับสโมสรของลีกสูงสุดแห่งศึกลูกหนังแดนสยามจะต้องมี "แน่นอนว่าฤดูกาลนี้เรายังไม่เข้มงวดกับโค้ชว่าจะต้องผ่านการอบรมระดับ เอไลเซนส์ จึงจะสามารถมาทำหน้าที่ได้ แต่ยืนยันได้เลยว่ากฎข้อนี้จะถูกนำมาใช้แน่นอน คุณจะเป็นโค้ชทีมฟุตบอลอาชีพแล้วไม่มีดีกรีได้อย่างไร ขนาดคนทำงานยังต้องมีปริญญาตรีเขาจึงจะรับเข้าทำงานเลย"
"ผมคิดว่าจะนำข้อบังคับเรื่อง เอไลเซนส์ สำหรับโค้ชมาใช้ในไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลหน้า มันถึงเวลาแล้วที่เราทุกฝ่ายต้องเป็นมืออาชีพ นักฟุตบอลก็ต้องเป็นมืออาชีพ โค้ชก็ต้องมืออาชีพ ผู้ชมคนดูก็ต้องเป็นมืออาชีพเช่นกัน"
ขณะเดียวกัน "โค้ชหรั่ง" ยังได้เปิดเผยว่าในเดือนพฤศจิกายนนี้ ทาง "เอเอฟซี" จะมีการส่งเจ้าหน้าที่มาอบรมหลักสูตร "เอไลเซนส์" ให้กับผู้ฝึกสอนของ 16 ทีมไทยพรีเมียร์ลีก และสตาฟฟ์โค้ชทีมชาติ รวมทั้งสิ้น 24 คน ซึ่งหากกุนซือรายใดสนใจอดีตเฮดโค้ชทีมชาติไทยยืนยันจะต้องมี "บีไลเซนส์" ก่อนจึงจะสามารถเข้าร่วมการอบรมในครั้งนี้ได้