ล้างอาถรรพ์ / ชัชวาล กมลไมตรีจิตต์

สืบเนื่องจากที่ผ่านมาผมได้ลองสำรวจตัวเองแล้วพบว่าสถิติส่วนตัวไม่ค่อยน่าประทับใจมากนักในยามที่ไปตามนักกีฬาทีมชาติไทยลงสนาม แม้กระทั่งตัวแทนจากแดนขวานทองที่ไม่ใช่ทีมชาติ คือมักจะออกไปทางเสมอหรือแพ้มากกว่าชนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมที่มีความหมายในรูปแบบต่างๆ อาทิ ลุ้นเข้ารอบต่อไป, รอบชิงชนะเลิศ ตลอดจนแมตช์ที่บังคับว่าห้ามแพ้ ผลการแข่งขันก็มักจะไม่เป็นไปตามที่ต้องการ

ดังนั้น การเกาะติดมหกรรมกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 25 ที่สปป.ลาว หนนี้จึงถือเป็นการพิสูจน์ว่า “อาถรรพ์” ส่วนบุคคลที่เข้าแก๊งไหนหัวหน้า (มัก) ตายเรียบจะแรงจริงหรือเปล่า ซึ่งวันนี้ (10 ธันวาคม) มีคิวไปลุ้นเหรียญทองของทัพนักกีฬาไทยถึง 4 เหรียญ ได้แก่ ยกน้ำหนักหญิง รุ่น 48 กิโลกรัม ต่อด้วย เทควันโดหญิง รุ่นเฮฟวีเวท เกิน 73 กิโลกรัม จากนั้นโยกกลับไปยัง ยกเหล็กหญิง รุ่น 53 กิโลกรัม ก่อนมาปิดท้ายที่ บิลเลียดชายคู่

ซึ่งในกีฬา 2 ชนิดแรกจบลงแบบแฮปปี้เอนดิ้งสำหรับกองเชียร์ชาวสยาม หลังจาก เปรมสิริ บุญพิทักษ์ ปาดหน้า หงอ ธิ หงา จอมพลังสาวเวียดนามหยิบเหรียญทองมาคล้องคอได้สำเร็จ ทว่ากว่าจะได้มาก็มีให้ลุ้นใจหายใจคว่ำเช่นกัน เมื่อแพ้ในท่าสแนทช์ก่อน 86 ต่อ 87 กิโลกรัม แต่สุดท้าย “อ้อย” ก็มาโกยแต้มจากท่าคลีน แอนด์ เจิร์ก ชนะน้ำหนักรวม 194 ต่อ 185 กิโลกรัม และยิ่งมารู้ทีหลังในตอนสัมภาษณ์ว่า เปรมสิริ ถูกอาการไซนัสรบกวน ซึ่งมีผลต่อการหายใจในจังหวะยก ยิ่งโล่งอกว่าอย่างน้อยก็ไม่ได้ไปเป็นแร้งให้กับนักกีฬาไทย (ฮา)

ข้ามมาที่ เทควันโดหญิง ซึ่ง รภัทรกร ประสพสุข สาว(ร่าง)ใหญ่ดวลกับ อโลรา เคิร์สตี จากฟิลิปปินส์ โดยช่วงแรก “หมึก” เตะทำคะแนนนำ 2-0 แต่กลับใจร้อนเองจนโดนตีเสมอ 2-2 กระนั้น ช่วง 3 วินาทีสุดท้าย จอมเตะไทยก็ชิงจังหวะทำแต้มคว้าชัย 4-3 ท่ามกลางความสะใจของเพื่อนร่วมทีมที่มานั่งเชียร์และ เช ยอง ซอก โค้ชชาวเกาหลีใต้ แม้ช่วงที่ย้อนกลับมาดูยกน้ำหนักจะไม่สมหวัง เมื่อ อังศุมาลิน สายเลิศ ได้ที่ 5 จากทั้งหมด 5 ชาติที่ลงแข่ง แต่ก็ไม่ใช่ตัวความหวังอยู่แล้ว เคสนี้จึงพอทึกทักเอาได้ว่ารอดจากการเป็นตัวนำโชค (ร้าย) ไป

ในช่วงหัวค่ำก็เป็นเวลาที่ บิลเลียดชายคู่ ตัดสินกับ เมียนมาร์ โดยระหว่างที่ผมกำลังเดินทางมีรายงานเข้ามาว่า ประพฤติ ชัยธนสกุล (รมย์ สุรินทร์) กับ ธวัช สุจริตธุระการ (วัช หาดใหญ่) ขึ้นนำ 2-0 เกม แต่ทันทีที่ไปถึงคู่สอยคิวหม่องกลับฮึดสู้ไล่มาเป็น 1-2 เกม หนำซ้ำยังหวิดตีเสมอ 2-2 เกมด้วย เนื่องจากโกยแต้มไปแตะที่ 97 อีกเพียง 3 คะแนนก็จะได้เกมอยู่แล้ว กระนั้นคู่หูไทยยังอุตส่าห์เบียดเข้าป้ายได้ 100-97 รวมชนะไป 3-1 เกม ซิวทองที่ 7 ให้กับทัพนักกีฬาไทย

แม้เหรียญชนะเลิศที่ไทยคว้ามาซึ่งผมเป็นคนไปติดตามดูด้วยตัวเองจะได้แบบหืดขึ้นคอพอสมควร แต่อย่างน้อยในเวียงจันทน์เกมส์คราวนี้ ผมก็ได้ทำลาย “อาถรรพ์” ของตัวเองลงเสียที (ฮา) ทว่า อันที่จริงการคว้าชัยชนะของนักกีฬาไทยก็ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับการที่ผมจะอยู่หรือไม่อยู่ที่สนาม ณ เวลานั้น แต่อยู่ที่ฝีมือ ความพร้อม ความมุ่งมั่น และจังหวะโชคดวงของผู้เล่นมากกว่า รวมถึงเสียงเชียร์จากแฟนๆ ที่เปรียบเสมือนยาชูกำลังชั้นดีด้วย ว่าแล้วก็มาร่วมส่งใจเชียร์ให้นักกีฬาไทยเป็นจ้าวเหรียญทองกันดีกว่า