คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน
ทีมที่เคยได้ไปสัมผัสเกมฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว แต่ต่อมาต้องมาพลาดท่าตกรอบคัดเลือก อดไปร่วมมหกรรมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่มีมาตั้งแต่ปี 1930 มันขมขื่นยิ่งกว่าทีมที่ไม่เคยได้มีโอกาสไปโชว์ฝีเท้าไม่ว่าใน เวิลด์ คัพ หนใดเลยเสียอีก
สาธารณรัฐ อายร์แลนด์ ( Republic of Ireland ) เจ้าของฉายา “ เดอะ บอยส์ อิน กรีน ” ( The Boys In Green ) หรือ ไอ้หนุ่มชุดเขียว เคยได้ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว 3 ครั้ง ในปี 1990 ที่ อิตาลี เป็นเจ้าภาพ เข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ปี 1994 ที่ สหรัฐอเมริกา ไปถึงรอบ 2 และปี 2002 ที่ เกาหลีใต้ กับ ญี่ปุ่น ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ นั่นก็เข้าถึงรอบ 2 เช่นกัน
มาคราวนี้ พวกเขาจบรอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม 8 ด้วยผลงานเป็นอันดับที่ 2 รองจาก อิตาลี ทำให้ได้เป็นเตะ เพลย์-อ็อฟ และจากผลการจับสลากประกบคู่ อายร์แลนด์ ต้องมาเจอกับ ฝรั่งเศส ซึ่งผลปรากฏว่า ความหวังของพวกเขาพังทลายอย่างสิ้นเชิง โดยแพ้ ฝรั่งเศส ด้วยประตูรวม 1-2 โดยเฉพาะประตูชัยของ วิลเลียม กัลลาส ( William Gallas ) ที่ผู้ตัดสินตาถั่วไม่ควรให้เป็นประตู เพราะ เซบาสเตียง สกิลลาชี ( Sebastien Squillaci ) อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าอยู่ก่อนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ติเอรี อ็องรี ( Thierry Henry ) ยังเจตนาใช้มือเล่นบอล ก่อนที่จะดีดให้ วิลเลียม กัลลาส โหม่งเข้าประตู ปล้นชัยชนะไปอย่างหน้าตาเฉย
ตัว ติเอรี เองกลายเป็นผู้ร้ายในชั่วข้ามคืน จนอยากเลิกเล่นทีมชาติ เพราะแม้แต่ชาวฝรั่งเศสเองก็ไม่มีใครภาคภูมิใจต่อผลงานดังกล่าว แม้ว่าผมอยากเห็นบอลฝรั่งเศสที่มีลีลาการเล่นสวยงาม ขนาดได้รับการขนามนามว่าเป็น “ บราซิวแห่งทวีปยุโรป ” ไปวาดลวดลายใน เวิลด์ คัพ ทุกสมัยด้วยซ้ำ ก็ยังไม่เห็นจะยินดีต่อการควอลิฟายด์ครั้งนี้ หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านไปร่วม 10 วัน ติเอรี โทรศัพท์ไปคุยกับ โยเซ็พ บลัทเทอร์ ถามว่า กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาจะถูกลงโทษไหม บลัทเทอร์ ตอบว่า เอ็งจะต้องถูกลงโทษเรื่องอะไรล่ะ ผู้นำองค์กรลูกหนังโลกพูดแต่เพียงว่า ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อควบคุมการแข่งขันให้ดีกว่านี้
ในขณะเดียวกัน อายร์แลนด์ ที่ต้องชม เวิลด์ คัพ 2010 ทางจอโทรทัศน์ เพราะไม่ได้สิทธิ์ไปร่วมแข่งขันด้วยนั้น ไม่ได้ต้องการให้มีการลงโทษ ไม่ว่าจะเป็น ติเอรี อ็องรี หรือผู้ตัดสิน และก็ไม่ได้ขอให้มีการแข่งใหม่ด้วย แต่วันนี้มาพร้อมข้อเรียกร้องใหม่คือ ขอได้รับสิทธิ์ไป ฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย ที่ อัฟริกาใต้ ในฐานะทีมที่ 33 ซึ่งคนอย่าง เซ็พ ไม่มีปวดหัวอยู่แล้ว หมอนี่ตอบสวนไปทันทีว่า จะนำเรื่องนี้ไปพูดจาในที่ประชุมฟีฟาในวันนี้ ซึ่งความจริงตนเองก็ไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น กอสตา รีกา ( Costa Rica ) ก็คงต้องเป็นทีมที่ 34 ด้วย เนื่องจากแพ้ อูรูกวัย อดไปบอลโลก โดยในนัดชี้ชะตา กอสตา รีกา ก็เสียประตูจากลูกล้ำหน้าเป็นปัญหาและการประท้วงก็ไร้ผลเช่นกัน
วันนี้ ฟีฟา จะมีการประชุมเพื่อจัดทีมวางในฟุตบอลโลก 2010 ก่อนที่จะจับสลากแบ่งสายในวันที่ 4 ธันวาคม ซึ่งวันนี้ นอกจากปัญหาต่างๆที่จะนำเข้ามาพูดจากันแล้ว ยังจะมีข้อเรียกร้องใหม่ของ อายร์แลนด์ ในการเป็นทีมที่ 33 ก็จะถูกนำเข้าที่ประชุมด้วย อย่างไรก็ตาม ทั้งเรื่องเพิ่มจำนวนทีม ใช้วีดีโอ หรือจัดหาอุปกรณ์ทันสมัยมาตรวจจับ คงตกไป เพราะทางออกที่น่าจะเป็นมากที่สุดและ ฟีฟา เองก็ตั้งใจไว้แล้วคือ ผู้ตัดสินในสนาม 5 คน นี่เป็นการดิ้นเฮือกสุดท้ายของชาวอายร์แลนด์ที่วันนี้มีความรู้สึกเป็นทุกข์อย่างแสนทรมาน มากกว่าทีมไทยที่ไม่เคยได้สัมผัสฟุตบอลโลกกับเขาเลยหลายเท่านัก ยังไงก็ยังได้รอลุ้นถึงสิ้นสุดการประชุมวันนี้ครับ
ทีมที่เคยได้ไปสัมผัสเกมฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว แต่ต่อมาต้องมาพลาดท่าตกรอบคัดเลือก อดไปร่วมมหกรรมฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกที่มีมาตั้งแต่ปี 1930 มันขมขื่นยิ่งกว่าทีมที่ไม่เคยได้มีโอกาสไปโชว์ฝีเท้าไม่ว่าใน เวิลด์ คัพ หนใดเลยเสียอีก
สาธารณรัฐ อายร์แลนด์ ( Republic of Ireland ) เจ้าของฉายา “ เดอะ บอยส์ อิน กรีน ” ( The Boys In Green ) หรือ ไอ้หนุ่มชุดเขียว เคยได้ผ่านเข้าไปเล่นฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายมาแล้ว 3 ครั้ง ในปี 1990 ที่ อิตาลี เป็นเจ้าภาพ เข้าไปถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย ปี 1994 ที่ สหรัฐอเมริกา ไปถึงรอบ 2 และปี 2002 ที่ เกาหลีใต้ กับ ญี่ปุ่น ร่วมกันเป็นเจ้าภาพ นั่นก็เข้าถึงรอบ 2 เช่นกัน
มาคราวนี้ พวกเขาจบรอบคัดเลือก โซนยุโรป กลุ่ม 8 ด้วยผลงานเป็นอันดับที่ 2 รองจาก อิตาลี ทำให้ได้เป็นเตะ เพลย์-อ็อฟ และจากผลการจับสลากประกบคู่ อายร์แลนด์ ต้องมาเจอกับ ฝรั่งเศส ซึ่งผลปรากฏว่า ความหวังของพวกเขาพังทลายอย่างสิ้นเชิง โดยแพ้ ฝรั่งเศส ด้วยประตูรวม 1-2 โดยเฉพาะประตูชัยของ วิลเลียม กัลลาส ( William Gallas ) ที่ผู้ตัดสินตาถั่วไม่ควรให้เป็นประตู เพราะ เซบาสเตียง สกิลลาชี ( Sebastien Squillaci ) อยู่ในตำแหน่งล้ำหน้าอยู่ก่อนแล้ว ยิ่งไปกว่านั้น ติเอรี อ็องรี ( Thierry Henry ) ยังเจตนาใช้มือเล่นบอล ก่อนที่จะดีดให้ วิลเลียม กัลลาส โหม่งเข้าประตู ปล้นชัยชนะไปอย่างหน้าตาเฉย
ตัว ติเอรี เองกลายเป็นผู้ร้ายในชั่วข้ามคืน จนอยากเลิกเล่นทีมชาติ เพราะแม้แต่ชาวฝรั่งเศสเองก็ไม่มีใครภาคภูมิใจต่อผลงานดังกล่าว แม้ว่าผมอยากเห็นบอลฝรั่งเศสที่มีลีลาการเล่นสวยงาม ขนาดได้รับการขนามนามว่าเป็น “ บราซิวแห่งทวีปยุโรป ” ไปวาดลวดลายใน เวิลด์ คัพ ทุกสมัยด้วยซ้ำ ก็ยังไม่เห็นจะยินดีต่อการควอลิฟายด์ครั้งนี้ หลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวผ่านไปร่วม 10 วัน ติเอรี โทรศัพท์ไปคุยกับ โยเซ็พ บลัทเทอร์ ถามว่า กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาจะถูกลงโทษไหม บลัทเทอร์ ตอบว่า เอ็งจะต้องถูกลงโทษเรื่องอะไรล่ะ ผู้นำองค์กรลูกหนังโลกพูดแต่เพียงว่า ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อควบคุมการแข่งขันให้ดีกว่านี้
ในขณะเดียวกัน อายร์แลนด์ ที่ต้องชม เวิลด์ คัพ 2010 ทางจอโทรทัศน์ เพราะไม่ได้สิทธิ์ไปร่วมแข่งขันด้วยนั้น ไม่ได้ต้องการให้มีการลงโทษ ไม่ว่าจะเป็น ติเอรี อ็องรี หรือผู้ตัดสิน และก็ไม่ได้ขอให้มีการแข่งใหม่ด้วย แต่วันนี้มาพร้อมข้อเรียกร้องใหม่คือ ขอได้รับสิทธิ์ไป ฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย ที่ อัฟริกาใต้ ในฐานะทีมที่ 33 ซึ่งคนอย่าง เซ็พ ไม่มีปวดหัวอยู่แล้ว หมอนี่ตอบสวนไปทันทีว่า จะนำเรื่องนี้ไปพูดจาในที่ประชุมฟีฟาในวันนี้ ซึ่งความจริงตนเองก็ไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น กอสตา รีกา ( Costa Rica ) ก็คงต้องเป็นทีมที่ 34 ด้วย เนื่องจากแพ้ อูรูกวัย อดไปบอลโลก โดยในนัดชี้ชะตา กอสตา รีกา ก็เสียประตูจากลูกล้ำหน้าเป็นปัญหาและการประท้วงก็ไร้ผลเช่นกัน
วันนี้ ฟีฟา จะมีการประชุมเพื่อจัดทีมวางในฟุตบอลโลก 2010 ก่อนที่จะจับสลากแบ่งสายในวันที่ 4 ธันวาคม ซึ่งวันนี้ นอกจากปัญหาต่างๆที่จะนำเข้ามาพูดจากันแล้ว ยังจะมีข้อเรียกร้องใหม่ของ อายร์แลนด์ ในการเป็นทีมที่ 33 ก็จะถูกนำเข้าที่ประชุมด้วย อย่างไรก็ตาม ทั้งเรื่องเพิ่มจำนวนทีม ใช้วีดีโอ หรือจัดหาอุปกรณ์ทันสมัยมาตรวจจับ คงตกไป เพราะทางออกที่น่าจะเป็นมากที่สุดและ ฟีฟา เองก็ตั้งใจไว้แล้วคือ ผู้ตัดสินในสนาม 5 คน นี่เป็นการดิ้นเฮือกสุดท้ายของชาวอายร์แลนด์ที่วันนี้มีความรู้สึกเป็นทุกข์อย่างแสนทรมาน มากกว่าทีมไทยที่ไม่เคยได้สัมผัสฟุตบอลโลกกับเขาเลยหลายเท่านัก ยังไงก็ยังได้รอลุ้นถึงสิ้นสุดการประชุมวันนี้ครับ