"กุหลาบไฟ" แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส คว้าชัยชนะนัดแรกในเกมเยือน อย่างไม่ยากเย็น บุกมาเอาชนะโบลตัน 0-2 จากการพังประตูของ เดวิด ดันน์ และการทำเข้าประตูตัวเองของ ซามูเอล ริกเกตต์ พร้อมทั้งขยับขึ้นมาอยู่ที่ 11 บนตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน 2552
โบลตัน วันเดอร์เรอร์ 0 - 2 แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
คู่แรกของค่ำคืนวันอาทิตย์ โบลตัน วันเดอร์เรอร์ อันดับ 18 เฝ้ารัง รีบ็อค สเตเดียม รับมือ แบล็คเบิร์น อันดับ 15 ที่ไม่ชนะใครในเกมเยือน 5นัดติด เกมนี้เจ้าถิ่นวางเควิน เดวีย์ส ลงล่าตาข่ายคู่กับ โยฮัน เอลมานเดอร์ พร้อมทั้งส่ง แม็ตธิว เทย์เลอร์ เป็นตัวเปิดบอลเช่นเคย ส่วนทีมเยือนเน้นความแข็งแกร่งในแดนกลาง วางเดวิด ดันน์ คุมพื้นที่ในแดนกลาง โดยให้ ฟรังโก ดิ ซานโต ประสานงาน กับ เจสัน โรเบิร์ตส
เริ่มเสียงนกหวีดแรก เพียงไม่กีนาที เป็นทีมเยือน แบล็คเบิร์นที่มีโอกาสทักทายก่อน จากจังหวะที่ เดวิด ดันน์ วอลเลย์จากบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ โดยที่บอลหลุดกรอบออกไปเพียงไม่กี่หลา จากนั้นเป็นเจ้าบ้านโบลตันที่พยายามใช้ลูกโด่งขึ้นเกมตามสไตล์ แต่แม็ตธิว เทย์เลอร์ ยังเปิดไม่แม่นพอ ผ่านพ้น 20 นาทีแบล็คเบิร์นเป็นฝ่ายทำเกมรุกได้มากกว่าแต่ กองหลังโบลตัน ช่วยกันเคลียร์ออกไปได้หมด นาทีที่29 การ์ดเนอร์มีโอกาสลุ้นประตูครั้งแรกให้โบลตัน จากจังหวะที่ใช้ความสามารถเฉพาะตัวเลี้ยงบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนกดด้วยขวาแต่บอลเหินข้ามคานไปไกล
นาทีที่ 32 แม็ตธิว เทเลอร์ เกือบเป็นผู้ใส่สกอร์ให้โบลตันสำเร็จ จากการปั่นฟรีคิกด้วยซ้ายบอลเรียด แฉล็บ ไรอัน นีลเซ่นบอลชนคานอย่างจัง แต่แล้วจังหวะถัดมา ทีมเยือนแบล็คเบิร์นออกนำไปก่อน1-0 จากจังหวะสวนกลับ ฟรังโก้ ดิ ซานโต้ พาบอลจากทางกราบซ้ายจ่ายให้ เจสันโรเบิร์ต เก็บบอล ก่อนใส่พานทองมาให้เดวิด ดันน์ที่เติมเกมรุกขึ้นมา ปั่นบอลโค้งด้วยขวาเข้าเสาสองไปอย่างงดงาม สุดปัญญาที่ ยัสเคไลเน่น จะพุ่งไปได้ถึง ถัดจากนั้นเจ้าบ้านพยายามเร่งเครื่องหวังพยายามพังประตูตีเสมอให้ได้ แต่จังหวะสูดท้ายทั้ง เอลมานเดอร์ และ เดวีย์ส รวมไปถึง เทย์เลอร์ ที่โหม่งพลาดจ่อๆออกจากลูกเตะมุมในช่วงท้าย ยังทำผลงานไม่เป็นชิ้นเป็นอัน ก่อนหมด 45 นาที แรกทีมเยือน แบล็คเบิร์นนำ 1-0
เข้าสู่ครึ่งเวลาหลังเพียง 2 นาที โบลตัน เกือบเสียประตูที่สอง เดวิด ดันน์ เปิดแฉลบให้ ดิยุฟ วอลเลย์เต็มข้อด้วยขวา แต่เจ้าบ้านได้ แม็คแคน ช่วยโหม่งเคลียร์จากบริเวณหน้าปากประตูออกไปได้หวุดหวิด นาทีที่ 53 เจลอยด์ ซามูเอล ได้บอลจากกราบขวา ก่อนเปิดเข้ากลางให้ เดวีย์ส์ เบียดกองหลังแบ็คลเบิร์นถึง 2 รายขึ้นโหม่ง แต่บอลเหินข้ามคานไปอีก จากนั้นเป็นเจ้าบ้านที่โหมบุกอย่างหนัก โดยใช้ลูกโด่ง จากลูกเปิดและ ลูกทุ่มไกลเป็นอาวุธเด็ด แต่เป็น แซมบา และนีลเซ่น เคลียร์ทิ้งออกไปได้เช่นกัน
เกมดำเนินไปครึ่งทางของครึ่งหลัง เป็นทีม "กุหลาบเพลิง" ที่มีทีเด็ดในแนวรุกมากกว่า มีจังหวะลุ้นทำประตูเพิ่มหลายครั้ง นาทีที่ 62 ดันน์ มีโอกาสจ่ายหลุดทะลุช่อง ให้ดิ ซานโตเข้าไปกดเรียดด้วยขวา แต่ นายด่านชาวฟินด์แลนด์ ที่ป้องกันเอาไว้ได้ จังหวะถัด ทีมเยือนมีโอกาสใกล้เคียงอีกจากลูกเตะมุม ไรอัน นีลเซนโหม่งเช็ดให้ เจสัน โรเบิร์ตส โหม่งหวังพังประตู แต่เป็น กาวิน แม็คคานคนเดิมโหม่งเคลียร์จากหน้าปากประตูช่วยโบลตันออกไปอีกครั้ง
นาทีที่ 71 แม็ต เทเลอร์ ได้บอลเก็บตกจากบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนใส่ด้วยขวา แต่พอล โรบินสันยังปฏิกริยาดี ล้มตัวปัดออกไปด้วยขวา ก่อนนาทีถัดมา แบล็คเบิร์น มาพังประตูที่สองสำเร็จขึ้นนำ 2-0 จากจังหวะสื่อสารผิดพลาด ของซามูเอล ริกเกตต์ และยัสเคไลเน่น ที่ไม่ให้เสียงกัน โดยที่ริเกตต์โหม่งคืนหลังหวังให้ยัสเคไลเน่น รับ แต่ยัสเคไลเน่นออกมาก่อน เสียจังหวะไม่ทันรับ ทำให้บอลเข้าประตูตัวเอง เสียประตูอย่างเหลือเชื่อ
จังหวะถัดมาทีมเยือนเกือบได้ประตูที่ 3 อีกจากการลากจี้เข้าเขตโทษ ของ เอเมอร์ตัน ก่อนปั่นด้วยซ้ายหวังให้บอลเข้าเสาสองแต่ยัสเคไลเนน ล้มตัวปัดออกไปได้อีก เข้าสู่ 10 นาทีสุดท้าย โบลตันหวังบุกพังประตูตีไข่แตก โดยมีจังหวะหวาดเสียวในนาที่88 จาก อีวาน คลาสนิช ที่เปลี่ยนตัวลงมาแทน เอลมันเดอร์ในนาทีที่ 65 ได้โอกาสหลุดไปล็อกหลบผ่าน โรบินสันได้แล้ว แต่ยิงมุมแคบไม่ผ่านกองหลังกุหลาบไฟ ที่ช่วยสกัดออกจากเส้นได้ทัน ก่อนจบเกมโดยที่แบ็ลคเบิร์นเป็นฝ่ายบุกมาเอาชนะไปได้ 2-0 เก็บ 3 คะแนน มี16 แต้ม ขึ้นมาจากอันดับที่ 15 ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 11 ของตาราง ส่วน โบลตัน แพ้ติดต่อกัน 4 นัดรวดมี 11 คะแนนอยู่โซนตกชั้นเหมือนเดิม
รายชื่อ 11 ผู้เล่นของทั้งสองทีม
โบลตัน : ยุสซี ยัสเคไลเน่น, แอนดรู โอ'ไบรอัน, แกรี เคฮิลล์, เจลอยด์ ซามูเอล, ซามูเอล ริกเกตต์, กาวิน แม็คคาน, ฟาบริซ มูอามบา, ริคาโด การ์ดเนอร์, แม็ตธิว เทย์เลอร์, เควิน เดวีย์ส โยฮัน เอลมานเดอร์
แบล็คเบิร์น :พอล โรบินสัน, ปาสคาล ชิมบงด้า, คริสโตเฟอร์ แซมบ้า, ไรอัน นีลเซ่น, กาแอล ชีเว่ต์, เดวิด ดันน์, เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน, เอล-ฮัดจิ ดิยุฟ, ฟรังโก ดิ ซานโต, เจสัน โรเบิร์ตส, สตีเว่น เอ็นซงซี
