ฝรั่งเศส ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ หลังไล่ตีเสมอ ไอร์แลนด์ 1-1 จากจังหวะปัญหาที่ เธียร์รี อองรี มีการทำแฮนด์บอลในนาที 103 ของช่วงต่อเวลาพิเศษ ขณะที่ รัสเซีย พลาดท่าบุกพ่าย สโลวีเนีย 0-1 รวมผลสองนัดเสมอ 2-2 ตกรอบคัดเลือกด้วยกฏประตูทีมเยือน ในการแข่งขันรอบเพลย์ออฟ นัดสอง ของโซนยุโรป เมื่อวันพุธที่ 18 พ.ย.
ผลฟุตบอลโลก 2010 โซนยุโรป เพลย์ออฟ นัดสอง
ฝรั่งเศส 1-1 ไอร์แลนด์ (ฝรั่งเศส ผ่านเข้ารอบสุดท้ายด้วยประตูรวมสองนัด 2-1)
ฝรั่งเศส ของกุนซือ เรย์มงด์ โดเมเน็ก ถือความได้เปรียบจากชัยชนะนัดแรก 1-0 โดยเกมนี้ขาดตัวสำคัญอย่าง เอริก อบิดัล ที่ป่วยกระทันหัน ทำให้ จูเลียน เอสคูเด ลงสนามมาค้ำหลังแทน ส่วนตำแหน่งอื่นไม่มีปัญหา เธียร์รี อองรี, นิโกลาส์ อเนลกา และ อองเดร ปิแอร์ ฌีญัก เป็นสามประสานในแดนหน้า ทางฝั่ง ไอร์แลนด์ ของ โจวานนี ตราปัตโตนี ยังไม่ถอดใจและต้องการพลิกสถานการณ์ในเกมนี้ โดยสภาพทีมเต็มร้อยมี เควิน ดอยล์ กับ ร็อบบี คีน ประจำการเกมรุกเหมือนเดิม
เริ่มครึ่งแรกมาได้ 7 นาที ฝรั่งเศส ต้องมาเสีย เอสคูเด ที่ได้รับบาดเจ็บจากจังหวะปะทะกันเองกับเพื่อนร่วมทีมจนถูกเปลี่ยนออก โดย เซบาสเตียง สควิลาชี ลงสนามมาแทน ขณะที่รูปเกมของทั้งสองทีมในช่วงแรกเป็นไอร์แลนด์ทำได้ดีกว่า แต่ยังต่อบอลขึ้นมาลุ้นประตูแบบชัดเจนไม่ได้
กระทั่งเกมมาถึงนาที 24 "ยักษ์เขียว" เกือบจะได้ประตูออกนำจากจังหวะที่ ดัฟฟ์ เปิดบอลจากริมเส้นด้านซ้ายเข้าไปในเขตโทษ ลอว์เรนซ์ โหม่งเช็ดต่อมาให้ คีน เกือบจะได้หลุดเข้าไปซัดเต็มข้อ แต่จังหวะสุดท้าย ยอริส ออกมาตัดบอลเร็วปัดทิ้งออกไปแบบหวุดหวิด
นาทีต่อมา ลอว์เรนซ์ ทำเกมขึ้นมาทางด้านขวา ก่อนจะหยอดบอลมาเข้าหัว ดอยล์ เบียด กัลลาส โหม่งบอลได้ แต่หลุดเสาออกไปอีก กระทั่งนาที 33 ทีมเยือนมาทำประตูออกนำ 1-0 ได้สำเร็จ จากจังหวะต่อบอลกันขึ้นมาได้อย่างสวยงามทางริมเส้นด้านซ้ายจน ดัฟฟ์ หลุดไปถึงเส้นหลัง ก่อนจะตวัดบอลเข้ากลางและเป็น คีน ยืนอยู่โล่งๆไม่มีใครประกบจัดการซัดบอลเข้าประตูไป
หลังตกเป็นฝ่ายตามหลัง "น้ำหอม" พยายามจะทำเกมบุกมากขึ้นเพื่อทวงประตูคืน แต่จังหวะสุดท้ายของทีมในเกมนี้ไม่มีความเด็ดขาดพอ โดยโอกาสใกล้เคียงที่สุดน่าจะเป็นของ อเนลกา ที่ลองสับไกจากนอกเขตโทษ ในนาที 45 แต่บอลพุ่งไปตรงตัว กิฟเวน รับเข้าซองสบาย หลังจากนั้นจบ 45 นาทีแรก
เกมครึ่งหลังเปิดฉากมาไม่ถึงนาที "ยักษ์เขียว" มาได้ฟรีคิกทางริมเส้นด้านซ้าย ลอว์เรนซ์ วางบอลยาวไปทางเสาสอง โอเชีย ยืนอยู่โล่งๆ จัดการวอลเลย์เต็มแรง แต่บอลเหินข้ามคานออกไป จากนั้นนาที 53 อเนลกา ได้โอกาสสับไกจากนอกเขตโทษอีกครั้ง แต่ยังไม่ผ่านมือ กิฟเวน เหมือนเดิม
เกมผ่านหนึ่งชั่วโมง ทีมเยือนพลาดโอกาสทำประตูหนีห่างอย่างน่าเสียดาย เมื่อ ดัฟฟ์ ได้บอลหลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับ ยอริส แต่ปีกจากฟูแลมดันยิงด้วยเท้าขวาข้างที่ไม่ถนัดทำให้ลูกบอลไม่คมพอถูกป้องกันไว้ได้ นาทีถัดมา ฝรั่งเศส ตอบโต้ทันควันจากจังหวะวางบอลยาวให้ อองรี หลุดไปกดมุมแคบในเขตโทษ แต่ถูกนายด่านทีมเยือนป้องกันได้อีก
ช่วงเวลานี้ทั้งสองทีมบุกแลกกันสนุก มาถึงนาที 70 เจ้าถิ่นได้ฟรีคิกตรงริมเขตโทษด้านซ้าย กูร์คุฟฟ์ ตัดสินใจหลอกยิงทันที แต่บอลไปตรงตัว กิฟเวน รับเข้าซอง นาทีต่อมา ซานญา หลุดขึ้นมาทางขวา ก่อนจะเปิดบอลเข้ากลาง อเนลกา ขึ้นโหม่งได้ แต่โดนไม่เต็มศีรษะบอลหลุดเสาสองออกไป
เกมมาถึงนาที 72 ทีมเยือนมีลุ้นประตูอีกครั้ง เมื่อ คีน ได้บอลจาก ลอว์เรนซ์ จนหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษ จังหวะแรกแตะบอลหนี ยอริส จนไปถึงเส้นหลัง แต่จังหวะสุดท้ายจับบอลไม่ดีจนทำออกหลังไปเอง หลังจากนั้นทั้งสองทีมไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มได้อีก จบ 90 นาที สกอร์รวมสองนัดเสมอกัน 1-1 ต้องมีการต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที
โดยช่วงต่อเวลาพิเศษทั้งสองทีมผลัดกันรุกและรับกันสนุก แต่กลายเป็นฝรั่งเศสที่มาได้ประตูสำคัญในนาที 103 จากจังหวะฟรีคิกระยะประมาณ 40 หลา สควีลาชี เปิดบอลเข้ามาลุ้นในเขตโทษ บอลเลยมาถึง อองรี บริเวณเส้นหลัง ซึ่งกลายเป็นจังหวะปัญหาเพราะดาวยิงจากบาร์เซโลนามีการใช้มือช่วยพักบอลลง ก่อนจะดีดเข้ากลางมาหน้าประตูให้ กัลลาส โหม่งเผาขนหน้าปากประตูเข้าไปให้เจ้าถิ่นตีเสมอ 1-1 และยันเสมอไว้จนจบ 120 นาที รวมผลสองนัดอดีตแชมป์โลก ปี 1998 เอาชนะไปด้วยสกอร์ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้สำเร็จ
ส่วนผลการแข่งขันคู่อื่น รัสเซีย บุกไปพ่ายต่อ สโลวีเนีย 1-0 รวมผลสองนัดเสมอกัน 2-2 แต่ลูกทีมของ กุส ฮิดดิงก์ ตกรอบตามกฎยิงประตูทีมเยือน ขณะที่ โปรตุเกส บุกไปเฉือน บอสเนีย 1-0 ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายด้วยผลประตูรวม 2-0 ส่วน ดิมิทริส ซัลปิจิดิส เป็นฮีโรซัดประตูชัยให้ กรีซ พลิกล็อกเฉือน ยูเครน 1-0 จนผ่านเข้าไปลุยที่ประเทศแอฟริกาใต้ ในช่วงกลางปีหน้า
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ฝรั่งเศส : ฮูโก ยอริส, วิลเลียม กัลลาส, จูเลียน เอสคูเด, ปาทริซ เอฟรา, บาการีย์ ซานญา, อาลู ดิยาร์รา, โยอันน์ กูร์คุฟฟ์, ลาสซานา ดิยาร์รา, เธียร์รี อองรี, นิโคลาส์ อเนลกา, อองเดร ปิแอร์ ฌีญัก
ไอร์แลนด์ : เชย์ กิฟเวน, จอห์น โอเชีย, ริชาร์ด ดันน์, ฌอน เซนต์ เล็ดเจอร์, เกล็นน์ วีแลน, คีธ แอนดรูวส์, เลียม ลอว์เรนซ์, ดาเมียน ดัฟฟ์, เควิน คิลบาน, ร็อบบี คีน, เควิน ดอยล์
ผลฟุตบอลโลก 2010 โซนยุโรป เพลย์ออฟ นัดสอง
ยูเครน แพ้ กรีซ 0-1 (กรีซ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายด้วยประตูรวมสองนัด 1-0)
สโลวีเนีย ชนะ รัสเซีย 1-0 (รวมผลสองนัดเสมอ 2-2 สโลวีเนีย ผ่านเข้ารอบสุดท้ายด้วยกฏการยิงประตูทีมเยือน)
บอสเนียฯ แพ้ โปรตุเกส 0-1 (โปรตุเกส ผ่านเข้ารอบสุดท้ายด้วยประตูรวมสองนัด2-0)
ฝรั่งเศส เสมอ ไอร์แลนด์ 1-1 (ฝรั่งเศส ผ่านเข้ารอบสุดท้ายด้วยประตูรวมสองนัด 2-1)
ผลฟุตบอลโลก 2010 โซนยุโรป เพลย์ออฟ นัดสอง
ฝรั่งเศส 1-1 ไอร์แลนด์ (ฝรั่งเศส ผ่านเข้ารอบสุดท้ายด้วยประตูรวมสองนัด 2-1)
ฝรั่งเศส ของกุนซือ เรย์มงด์ โดเมเน็ก ถือความได้เปรียบจากชัยชนะนัดแรก 1-0 โดยเกมนี้ขาดตัวสำคัญอย่าง เอริก อบิดัล ที่ป่วยกระทันหัน ทำให้ จูเลียน เอสคูเด ลงสนามมาค้ำหลังแทน ส่วนตำแหน่งอื่นไม่มีปัญหา เธียร์รี อองรี, นิโกลาส์ อเนลกา และ อองเดร ปิแอร์ ฌีญัก เป็นสามประสานในแดนหน้า ทางฝั่ง ไอร์แลนด์ ของ โจวานนี ตราปัตโตนี ยังไม่ถอดใจและต้องการพลิกสถานการณ์ในเกมนี้ โดยสภาพทีมเต็มร้อยมี เควิน ดอยล์ กับ ร็อบบี คีน ประจำการเกมรุกเหมือนเดิม
เริ่มครึ่งแรกมาได้ 7 นาที ฝรั่งเศส ต้องมาเสีย เอสคูเด ที่ได้รับบาดเจ็บจากจังหวะปะทะกันเองกับเพื่อนร่วมทีมจนถูกเปลี่ยนออก โดย เซบาสเตียง สควิลาชี ลงสนามมาแทน ขณะที่รูปเกมของทั้งสองทีมในช่วงแรกเป็นไอร์แลนด์ทำได้ดีกว่า แต่ยังต่อบอลขึ้นมาลุ้นประตูแบบชัดเจนไม่ได้
กระทั่งเกมมาถึงนาที 24 "ยักษ์เขียว" เกือบจะได้ประตูออกนำจากจังหวะที่ ดัฟฟ์ เปิดบอลจากริมเส้นด้านซ้ายเข้าไปในเขตโทษ ลอว์เรนซ์ โหม่งเช็ดต่อมาให้ คีน เกือบจะได้หลุดเข้าไปซัดเต็มข้อ แต่จังหวะสุดท้าย ยอริส ออกมาตัดบอลเร็วปัดทิ้งออกไปแบบหวุดหวิด
นาทีต่อมา ลอว์เรนซ์ ทำเกมขึ้นมาทางด้านขวา ก่อนจะหยอดบอลมาเข้าหัว ดอยล์ เบียด กัลลาส โหม่งบอลได้ แต่หลุดเสาออกไปอีก กระทั่งนาที 33 ทีมเยือนมาทำประตูออกนำ 1-0 ได้สำเร็จ จากจังหวะต่อบอลกันขึ้นมาได้อย่างสวยงามทางริมเส้นด้านซ้ายจน ดัฟฟ์ หลุดไปถึงเส้นหลัง ก่อนจะตวัดบอลเข้ากลางและเป็น คีน ยืนอยู่โล่งๆไม่มีใครประกบจัดการซัดบอลเข้าประตูไป
หลังตกเป็นฝ่ายตามหลัง "น้ำหอม" พยายามจะทำเกมบุกมากขึ้นเพื่อทวงประตูคืน แต่จังหวะสุดท้ายของทีมในเกมนี้ไม่มีความเด็ดขาดพอ โดยโอกาสใกล้เคียงที่สุดน่าจะเป็นของ อเนลกา ที่ลองสับไกจากนอกเขตโทษ ในนาที 45 แต่บอลพุ่งไปตรงตัว กิฟเวน รับเข้าซองสบาย หลังจากนั้นจบ 45 นาทีแรก
เกมครึ่งหลังเปิดฉากมาไม่ถึงนาที "ยักษ์เขียว" มาได้ฟรีคิกทางริมเส้นด้านซ้าย ลอว์เรนซ์ วางบอลยาวไปทางเสาสอง โอเชีย ยืนอยู่โล่งๆ จัดการวอลเลย์เต็มแรง แต่บอลเหินข้ามคานออกไป จากนั้นนาที 53 อเนลกา ได้โอกาสสับไกจากนอกเขตโทษอีกครั้ง แต่ยังไม่ผ่านมือ กิฟเวน เหมือนเดิม
เกมผ่านหนึ่งชั่วโมง ทีมเยือนพลาดโอกาสทำประตูหนีห่างอย่างน่าเสียดาย เมื่อ ดัฟฟ์ ได้บอลหลุดเดี่ยวเข้าไปดวลกับ ยอริส แต่ปีกจากฟูแลมดันยิงด้วยเท้าขวาข้างที่ไม่ถนัดทำให้ลูกบอลไม่คมพอถูกป้องกันไว้ได้ นาทีถัดมา ฝรั่งเศส ตอบโต้ทันควันจากจังหวะวางบอลยาวให้ อองรี หลุดไปกดมุมแคบในเขตโทษ แต่ถูกนายด่านทีมเยือนป้องกันได้อีก
ช่วงเวลานี้ทั้งสองทีมบุกแลกกันสนุก มาถึงนาที 70 เจ้าถิ่นได้ฟรีคิกตรงริมเขตโทษด้านซ้าย กูร์คุฟฟ์ ตัดสินใจหลอกยิงทันที แต่บอลไปตรงตัว กิฟเวน รับเข้าซอง นาทีต่อมา ซานญา หลุดขึ้นมาทางขวา ก่อนจะเปิดบอลเข้ากลาง อเนลกา ขึ้นโหม่งได้ แต่โดนไม่เต็มศีรษะบอลหลุดเสาสองออกไป
เกมมาถึงนาที 72 ทีมเยือนมีลุ้นประตูอีกครั้ง เมื่อ คีน ได้บอลจาก ลอว์เรนซ์ จนหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษ จังหวะแรกแตะบอลหนี ยอริส จนไปถึงเส้นหลัง แต่จังหวะสุดท้ายจับบอลไม่ดีจนทำออกหลังไปเอง หลังจากนั้นทั้งสองทีมไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มได้อีก จบ 90 นาที สกอร์รวมสองนัดเสมอกัน 1-1 ต้องมีการต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที
โดยช่วงต่อเวลาพิเศษทั้งสองทีมผลัดกันรุกและรับกันสนุก แต่กลายเป็นฝรั่งเศสที่มาได้ประตูสำคัญในนาที 103 จากจังหวะฟรีคิกระยะประมาณ 40 หลา สควีลาชี เปิดบอลเข้ามาลุ้นในเขตโทษ บอลเลยมาถึง อองรี บริเวณเส้นหลัง ซึ่งกลายเป็นจังหวะปัญหาเพราะดาวยิงจากบาร์เซโลนามีการใช้มือช่วยพักบอลลง ก่อนจะดีดเข้ากลางมาหน้าประตูให้ กัลลาส โหม่งเผาขนหน้าปากประตูเข้าไปให้เจ้าถิ่นตีเสมอ 1-1 และยันเสมอไว้จนจบ 120 นาที รวมผลสองนัดอดีตแชมป์โลก ปี 1998 เอาชนะไปด้วยสกอร์ 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้สำเร็จ
ส่วนผลการแข่งขันคู่อื่น รัสเซีย บุกไปพ่ายต่อ สโลวีเนีย 1-0 รวมผลสองนัดเสมอกัน 2-2 แต่ลูกทีมของ กุส ฮิดดิงก์ ตกรอบตามกฎยิงประตูทีมเยือน ขณะที่ โปรตุเกส บุกไปเฉือน บอสเนีย 1-0 ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายด้วยผลประตูรวม 2-0 ส่วน ดิมิทริส ซัลปิจิดิส เป็นฮีโรซัดประตูชัยให้ กรีซ พลิกล็อกเฉือน ยูเครน 1-0 จนผ่านเข้าไปลุยที่ประเทศแอฟริกาใต้ ในช่วงกลางปีหน้า
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
ฝรั่งเศส : ฮูโก ยอริส, วิลเลียม กัลลาส, จูเลียน เอสคูเด, ปาทริซ เอฟรา, บาการีย์ ซานญา, อาลู ดิยาร์รา, โยอันน์ กูร์คุฟฟ์, ลาสซานา ดิยาร์รา, เธียร์รี อองรี, นิโคลาส์ อเนลกา, อองเดร ปิแอร์ ฌีญัก
ไอร์แลนด์ : เชย์ กิฟเวน, จอห์น โอเชีย, ริชาร์ด ดันน์, ฌอน เซนต์ เล็ดเจอร์, เกล็นน์ วีแลน, คีธ แอนดรูวส์, เลียม ลอว์เรนซ์, ดาเมียน ดัฟฟ์, เควิน คิลบาน, ร็อบบี คีน, เควิน ดอยล์
ผลฟุตบอลโลก 2010 โซนยุโรป เพลย์ออฟ นัดสอง
ยูเครน แพ้ กรีซ 0-1 (กรีซ ผ่านเข้ารอบสุดท้ายด้วยประตูรวมสองนัด 1-0)
สโลวีเนีย ชนะ รัสเซีย 1-0 (รวมผลสองนัดเสมอ 2-2 สโลวีเนีย ผ่านเข้ารอบสุดท้ายด้วยกฏการยิงประตูทีมเยือน)
บอสเนียฯ แพ้ โปรตุเกส 0-1 (โปรตุเกส ผ่านเข้ารอบสุดท้ายด้วยประตูรวมสองนัด2-0)
ฝรั่งเศส เสมอ ไอร์แลนด์ 1-1 (ฝรั่งเศส ผ่านเข้ารอบสุดท้ายด้วยประตูรวมสองนัด 2-1)
