แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้คู่ศูนย์หน้าอย่าง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ และ เวย์น รูนีย์ ช่วยกันกดคนละลูกพาทีมปลิดชีพ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส อย่างไม่ยากเย็น 2-0 พร้อมทั้งตามจี้ เชลซี จ่าฝูงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ 2 แต้มต่อไป
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2552
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2–0 แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
คู่ดึกของคืนวันเสาร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล่นในสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ของตัวเองฟาดแข้งกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เกมนี้เจ้าบ้านอดใช้งาน แกรี เนวิลล์ ที่ติดโทษแบน 3 นัด ทำให้ต้องใช้ เวส บราวน์ กับ จอนนี อีแวนส์ เป็นคู่ปราการหลังตัวกลาง ส่วนแดนหน้าวาง เวย์น รูนีย์ ล่าตาข่ายร่วมกับ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ด้านอาคันตุกะที่ถูกเพ่งเล็งเรื่องนักเตะติดหวัด 2009 เน้นความรัดกุมในแดนกลางโดยทิ้ง ฟรังโก ดิ ซานโต เป็นกองหน้าตัวเป้า
เขี่ยลูกเริ่มเล่นมาได้เพียง 3 นาที “ปิศาจแดง” ก็ได้จังหวะทักทายครั้งแรกก่อน เมื่อ นานี เลี้ยงหลอกล่อทางด้านซ้ายก่อนโยกตัดเข้ามาซัดเรียดส่งลูกบดออกไปทางเสาแรก นาทีที่ 12 เบอร์บาตอฟ เปิดไซด์ก้อยเข้าเขตโทษ คริสโตเฟอร์ แซมบา ปราการหลังกุหลาบไฟหวดสกัดพลาด ทำให้ลูกตกใส่เท้า อันโตนิโอ วาเลนเซีย แต่ปีกเอกวาดอร์ก็ยิงโดนไม่เต็มเท้าทำให้บอลออกหลังไป
แบล็คเบิร์น มีโอกาสตอบโต้บ้างในนาทีที่ 18 จากการเติมขึ้นมาโหม่งของ กาแอล ชิเวต์ ลูกกระดอนพื้นหลุดกรอบไปทางเสาแรก เข้าสู่ครึ่งชั่วโมงแรก เรด เดวิลส์ เกือบขยับสกอร์บอร์ดได้จากจังหวะที่ วาเลนเซีย เปิดจากกราบขวาให้ เบอร์บาตอฟ โขกกดลงพื้นเต็มศีรษะตรงกลางประตู แต่ พอล โรบินสัน ยังกระโดดปัดข้ามคานได้อย่างหวุดหวิด จากนั้นนาทีที่ 34 เบอร์บาตอฟ ได้กระทุ้งอีกครั้งหน้าเขตโทษ ทว่า โรบินสัน ยังล้มตัวปัดออกหลังได้อีก
เบอร์บาตอฟ สามารถส่งลูกหนังเข้าไปซุกตาข่ายได้ใน 6 นาทีต่อมา หลังจาก นานี แทงทะลุช่องให้ รูนีย์ ตบเรียดมาให้หัวหอกบัลแกเรียแปจ่อๆ ที่เสาสอง แต่ไม่เป็นประตูเนื่องจากไลน์แมนยกธงจับ รูนีย์ ล้ำหน้าไปก่อน นาทีที่ 45 แมนฯ ยูไนเต็ด ประสานงานอย่างยอดเยี่ยมก่อนที่ รูนีย์ จะดีดให้ เบอร์บาตอฟ หลุดเข้าเขตโทษ ทว่ากลับยิงหลุดกรอบอย่างน่าผิดหวัง จบครึ่งแรกยังคงเสมอกันอยู่ 0-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง ปิศาจแดง สามารถเจาะตาข่ายนำ 1-0 ได้สำเร็จในนาทีที่ 55 จากจังหวะที่ ปาทริซ เอฟรา เติมขึ้นมาตะบันนอกเขตโทษมาเข้าทาง เบอร์บาตอฟ จับบอลหนึ่งทีก่อนเอี้ยวตัววอลเลย์ฝ่าด่าน ไรอัน เนลเซน เสียบมุมเสาแรกอย่างเฉียบขาดชนิดที่ โรบินสัน ได้แต่ชายตามอง จากนั้น แซม อัลลาร์ไดซ์ แก้เกมให้ทีมเยือนโดยส่ง มอร์เตน กัมสท์ พีเดอร์เซน ลงมาแทน คีธ แอนดรูว์ส
ผ่านช่วงหนึ่งชั่วโมงแรกของเกม เรด เดวิลส์ ก็ถอดเอา นานี ออกแล้วให้ กาเบรียล โอแบร์กตอง ที่โชว์ฟอร์มได้ดีในช่วงกลางสัปดาห์ลงมาลากเลื้อยแทน ซึ่งก็เกือบแผลงฤทธิ์ทันทีโดยได้ลองยิงในนาทีที่ 66 แต่ถูก โรบินสัน ป้องกันไว้ได้ นาทีที่ 82 โอแบร์กตอง หวิดมีชื่อขึ้นสกอร์บอร์ดอีกครั้ง หลังจาก โอเวน ปล่อยบอลที่ชุลมุนหน้าประตูให้ซัด แต่ปีกดาวรุ่งฝรั่งเศสกลับแปไม่ตรงกรอบอย่างน่าผิดหวัง
กระทั่งนาทีที่ 87 ผีแดงก็มายิงฝังเป็น 2-0 เมื่อ อันแดร์สัน เปิดโค้งมาที่เสาแรก รูนีย์ สอดเข้ามาตวัดยิงตามน้ำด้วยซ้ายเสียบเสาไกล แม้ในนาทีสุดท้าย นิโกลา คาลินิช ที่ลงมาแทน ดิ ซานโต จะตามซ้ำลูกยิงของ เบนนี แม็คคาร์ธี กองหน้าตัวสำรองเข้าไปตุงตาข่าย แต่ก็ถูกผู้กำกับเส้นยกธงล้ำหน้าไปก่อน ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าชัยเก็บ 3 แต้มเพิ่มเป็น 25 คะแนน รั้งรองจ่าฝูงตามหลัง เชลซี อยู่ 2 คะแนน ส่วน แบล็คเบิร์น มี 10 แต้มเท่าเดิม อยู่อันดับ 17 ของตาราง
รายชื่อ 11 คนแรกของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, จอห์น โอเชีย, เวส บราวน์, จอนนี อีแวนส์, ปาทริซ เอฟรา, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ไมเคิล คาร์ริค, อันแดร์สัน, นานี, เวย์น รูนีย์, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส – พอล โรบินสัน, ปาสกาล ชิมบงดา, ไรอัน เนลเซน, คริสโตเฟอร์ แซมบา, กาแอล ชิเวต์, คีธ แอนดรูว์ส, เดวิด ดันน์, สตีเวน เอ็นซอนซี, เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน, เอล-ฮัดจิ ดิยุฟ, ฟรังโก ดิ ซานโต
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
อาร์เซนอล ชนะ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 3-0 (โรบิน ฟาน เพอร์ซี 1-0 นาที 42), (เชส ฟาเบรกาส 2-0 นาที 43), (โรบิน ฟาน เพอร์ซี 3-0 นาที 60)
โบลตัน วันเดอเรอร์ส แพ้ เชลซี 0-4 (แฟรงค์ แลมพาร์ด 0-1 จุดโทษ นาที 45), (เดโก 0-2 นาที 61), (แซท ไนท์ 0-3 ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 83), (ดิดิเยร์ ดร็อกบา 0-4 นาที 90)
เบิร์นลีย์ ชนะ ฮัลล์ ซิตี 2-0 (เกรแฮม อเล็กซานเดอร์ 1-0 จุดโทษ นาที 20), (เกรแฮม อเล็กซานเดอร์ 2-0 นาที 77)
เอฟเวอร์ตัน เสมอ แอสตัน วิลลา 1-1 (ดินิยาร์ บิลยาเลทดินอฟ 1-0 นาที 45), (ยอห์น คาริว 1-1 นาที 46)
ฟูแลม ชนะ ลิเวอร์พูล 3-1 (บ็อบบี ซาโมรา 1-0 นาที 24), (เฟร์นานโด ตอร์เรส 1-1 นาที 42), (เอริค เนฟแลนด์ 2-1 นาที 73), (คลินท์ เดมพ์ซีย์ 3-1 นาที 87)
ปอร์ทสมัธ ชนะ วีแกน แอธเลติก 4-0 (อารูนา ดินดาน 1-0 นาที 35), (เฟรเดริก ปิกิยอนน์ 2-0 นาที 45), (อารูนา ดินดาน 3-0 นาที 65), (อารูนา ดินดาน 4-0 จุดโทษ นาที 90)
สโต๊ค ซิตี เสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-2 (จอร์จ เอโลโคบี 1-0 ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 17), (แม็ทธิว เอเธอริงตัน 2-0 นาที 44), (โจดี แคร็ดด็อก 2-1 นาที 47), (โจดี แคร็ดด็อก 2-2 นาที 64)
ซันเดอร์แลนด์ เสมอ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-2 (กิเยร์โม ฟรังโก 0-1 นาที 30), (คาร์ลตัน โคล 0-2 นาที 36), (แอนดี รีด 1-2 นาที 39), (คีแรน ริชาร์ดสัน 2-2 นาที 76)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 2-0 (ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ 1-0 นาที 55), (เวย์น รูนีย์ 2-0 นาที 87)
ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2552
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2–0 แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส
คู่ดึกของคืนวันเสาร์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล่นในสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ของตัวเองฟาดแข้งกับ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส เกมนี้เจ้าบ้านอดใช้งาน แกรี เนวิลล์ ที่ติดโทษแบน 3 นัด ทำให้ต้องใช้ เวส บราวน์ กับ จอนนี อีแวนส์ เป็นคู่ปราการหลังตัวกลาง ส่วนแดนหน้าวาง เวย์น รูนีย์ ล่าตาข่ายร่วมกับ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ด้านอาคันตุกะที่ถูกเพ่งเล็งเรื่องนักเตะติดหวัด 2009 เน้นความรัดกุมในแดนกลางโดยทิ้ง ฟรังโก ดิ ซานโต เป็นกองหน้าตัวเป้า
เขี่ยลูกเริ่มเล่นมาได้เพียง 3 นาที “ปิศาจแดง” ก็ได้จังหวะทักทายครั้งแรกก่อน เมื่อ นานี เลี้ยงหลอกล่อทางด้านซ้ายก่อนโยกตัดเข้ามาซัดเรียดส่งลูกบดออกไปทางเสาแรก นาทีที่ 12 เบอร์บาตอฟ เปิดไซด์ก้อยเข้าเขตโทษ คริสโตเฟอร์ แซมบา ปราการหลังกุหลาบไฟหวดสกัดพลาด ทำให้ลูกตกใส่เท้า อันโตนิโอ วาเลนเซีย แต่ปีกเอกวาดอร์ก็ยิงโดนไม่เต็มเท้าทำให้บอลออกหลังไป
แบล็คเบิร์น มีโอกาสตอบโต้บ้างในนาทีที่ 18 จากการเติมขึ้นมาโหม่งของ กาแอล ชิเวต์ ลูกกระดอนพื้นหลุดกรอบไปทางเสาแรก เข้าสู่ครึ่งชั่วโมงแรก เรด เดวิลส์ เกือบขยับสกอร์บอร์ดได้จากจังหวะที่ วาเลนเซีย เปิดจากกราบขวาให้ เบอร์บาตอฟ โขกกดลงพื้นเต็มศีรษะตรงกลางประตู แต่ พอล โรบินสัน ยังกระโดดปัดข้ามคานได้อย่างหวุดหวิด จากนั้นนาทีที่ 34 เบอร์บาตอฟ ได้กระทุ้งอีกครั้งหน้าเขตโทษ ทว่า โรบินสัน ยังล้มตัวปัดออกหลังได้อีก
เบอร์บาตอฟ สามารถส่งลูกหนังเข้าไปซุกตาข่ายได้ใน 6 นาทีต่อมา หลังจาก นานี แทงทะลุช่องให้ รูนีย์ ตบเรียดมาให้หัวหอกบัลแกเรียแปจ่อๆ ที่เสาสอง แต่ไม่เป็นประตูเนื่องจากไลน์แมนยกธงจับ รูนีย์ ล้ำหน้าไปก่อน นาทีที่ 45 แมนฯ ยูไนเต็ด ประสานงานอย่างยอดเยี่ยมก่อนที่ รูนีย์ จะดีดให้ เบอร์บาตอฟ หลุดเข้าเขตโทษ ทว่ากลับยิงหลุดกรอบอย่างน่าผิดหวัง จบครึ่งแรกยังคงเสมอกันอยู่ 0-0
กลับมาเล่นต่อในครึ่งหลัง ปิศาจแดง สามารถเจาะตาข่ายนำ 1-0 ได้สำเร็จในนาทีที่ 55 จากจังหวะที่ ปาทริซ เอฟรา เติมขึ้นมาตะบันนอกเขตโทษมาเข้าทาง เบอร์บาตอฟ จับบอลหนึ่งทีก่อนเอี้ยวตัววอลเลย์ฝ่าด่าน ไรอัน เนลเซน เสียบมุมเสาแรกอย่างเฉียบขาดชนิดที่ โรบินสัน ได้แต่ชายตามอง จากนั้น แซม อัลลาร์ไดซ์ แก้เกมให้ทีมเยือนโดยส่ง มอร์เตน กัมสท์ พีเดอร์เซน ลงมาแทน คีธ แอนดรูว์ส
ผ่านช่วงหนึ่งชั่วโมงแรกของเกม เรด เดวิลส์ ก็ถอดเอา นานี ออกแล้วให้ กาเบรียล โอแบร์กตอง ที่โชว์ฟอร์มได้ดีในช่วงกลางสัปดาห์ลงมาลากเลื้อยแทน ซึ่งก็เกือบแผลงฤทธิ์ทันทีโดยได้ลองยิงในนาทีที่ 66 แต่ถูก โรบินสัน ป้องกันไว้ได้ นาทีที่ 82 โอแบร์กตอง หวิดมีชื่อขึ้นสกอร์บอร์ดอีกครั้ง หลังจาก โอเวน ปล่อยบอลที่ชุลมุนหน้าประตูให้ซัด แต่ปีกดาวรุ่งฝรั่งเศสกลับแปไม่ตรงกรอบอย่างน่าผิดหวัง
กระทั่งนาทีที่ 87 ผีแดงก็มายิงฝังเป็น 2-0 เมื่อ อันแดร์สัน เปิดโค้งมาที่เสาแรก รูนีย์ สอดเข้ามาตวัดยิงตามน้ำด้วยซ้ายเสียบเสาไกล แม้ในนาทีสุดท้าย นิโกลา คาลินิช ที่ลงมาแทน ดิ ซานโต จะตามซ้ำลูกยิงของ เบนนี แม็คคาร์ธี กองหน้าตัวสำรองเข้าไปตุงตาข่าย แต่ก็ถูกผู้กำกับเส้นยกธงล้ำหน้าไปก่อน ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด คว้าชัยเก็บ 3 แต้มเพิ่มเป็น 25 คะแนน รั้งรองจ่าฝูงตามหลัง เชลซี อยู่ 2 คะแนน ส่วน แบล็คเบิร์น มี 10 แต้มเท่าเดิม อยู่อันดับ 17 ของตาราง
รายชื่อ 11 คนแรกของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด – เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์, จอห์น โอเชีย, เวส บราวน์, จอนนี อีแวนส์, ปาทริซ เอฟรา, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ไมเคิล คาร์ริค, อันแดร์สัน, นานี, เวย์น รูนีย์, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส – พอล โรบินสัน, ปาสกาล ชิมบงดา, ไรอัน เนลเซน, คริสโตเฟอร์ แซมบา, กาแอล ชิเวต์, คีธ แอนดรูว์ส, เดวิด ดันน์, สตีเวน เอ็นซอนซี, เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน, เอล-ฮัดจิ ดิยุฟ, ฟรังโก ดิ ซานโต
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
อาร์เซนอล ชนะ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 3-0 (โรบิน ฟาน เพอร์ซี 1-0 นาที 42), (เชส ฟาเบรกาส 2-0 นาที 43), (โรบิน ฟาน เพอร์ซี 3-0 นาที 60)
โบลตัน วันเดอเรอร์ส แพ้ เชลซี 0-4 (แฟรงค์ แลมพาร์ด 0-1 จุดโทษ นาที 45), (เดโก 0-2 นาที 61), (แซท ไนท์ 0-3 ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 83), (ดิดิเยร์ ดร็อกบา 0-4 นาที 90)
เบิร์นลีย์ ชนะ ฮัลล์ ซิตี 2-0 (เกรแฮม อเล็กซานเดอร์ 1-0 จุดโทษ นาที 20), (เกรแฮม อเล็กซานเดอร์ 2-0 นาที 77)
เอฟเวอร์ตัน เสมอ แอสตัน วิลลา 1-1 (ดินิยาร์ บิลยาเลทดินอฟ 1-0 นาที 45), (ยอห์น คาริว 1-1 นาที 46)
ฟูแลม ชนะ ลิเวอร์พูล 3-1 (บ็อบบี ซาโมรา 1-0 นาที 24), (เฟร์นานโด ตอร์เรส 1-1 นาที 42), (เอริค เนฟแลนด์ 2-1 นาที 73), (คลินท์ เดมพ์ซีย์ 3-1 นาที 87)
ปอร์ทสมัธ ชนะ วีแกน แอธเลติก 4-0 (อารูนา ดินดาน 1-0 นาที 35), (เฟรเดริก ปิกิยอนน์ 2-0 นาที 45), (อารูนา ดินดาน 3-0 นาที 65), (อารูนา ดินดาน 4-0 จุดโทษ นาที 90)
สโต๊ค ซิตี เสมอ วูล์ฟแฮมป์ตัน 2-2 (จอร์จ เอโลโคบี 1-0 ทำเข้าประตูตัวเอง นาที 17), (แม็ทธิว เอเธอริงตัน 2-0 นาที 44), (โจดี แคร็ดด็อก 2-1 นาที 47), (โจดี แคร็ดด็อก 2-2 นาที 64)
ซันเดอร์แลนด์ เสมอ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-2 (กิเยร์โม ฟรังโก 0-1 นาที 30), (คาร์ลตัน โคล 0-2 นาที 36), (แอนดี รีด 1-2 นาที 39), (คีแรน ริชาร์ดสัน 2-2 นาที 76)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 2-0 (ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ 1-0 นาที 55), (เวย์น รูนีย์ 2-0 นาที 87)
