“ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกอัด “ช่างปั้นหม้อ” สโตก ซิตี 2-0 ขึ้นนั่งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังจากที่ เชลซี บุกปราชัย วีแกน แอธเลติก 1-3 ขณะที่ “หงส์แดง” ลิเวอร์พูล เปิดรังไล่จิกเอาชนะ ฮัลล์ ซิตี 6-1
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สโตก ซิตี 0-2 แมนฯ ยูไนเต็ด
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กลับมาใช้ทัพใหญ่ “ผีแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมเยือนบริทานเนีย สเตเดียม โดยปราการด่านสุดท้ายไว้วางใจ เบน ฟอสเตอร์ แม้มีผิดพลาดให้เห็นบ่อยครั้ง กองหน้าเลือกใช้บริการ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ เสริมงาน เวย์น รูนีย์ ด้าน โทนี พูลิส ประสบปัญหาจัดทีม “ช่างปั้นหม้อ” สโตก ซิตี พอสมควรโดยเฉพาะแดนหน้าที่มาไร้ ริคาร์โด ฟูลเลอร์ ไปอีกคน ทำให้ต้องใช้ เดฟ คิตสัน ยืนหน้าเป้า ได้รับการสนับสนุนจากตัวริมเส้นอย่าง เลียม ลอว์เรนซ์ และ แม็ทธิว เอเธอร์ริงตัน
เริ่มเกมการแข่งขัน แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายเดินเกมรุกเข้าใส่และก็ได้ลุ้นแต่หัววัน หลุยส์ นานี เปิดบอลแฉลบ ไรอัน ชอว์ครอสส์ เข้าทางให้ เวย์น รูนีย์ ตวัดยิงบอลข้ามคานไป ทีมเยือนลุยต่อเนื่อง พอล สโคลส์ ได้ซัดบอลไปติดข้อศอก เลียม ลอว์เรนซ์ แต่ผู้ตัดสิน ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ ยังเฉยๆ นาทีที่ 8 “ผีแดง” พลาดออกนำอย่างเหลือเชื่อเมื่อ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ปั๊มบอลได้จาก ชอว์ครอสส์ หลุดเข้าไปชิปบอลผ่าน โธมัส โซเรนเซน แต่ลูกหนังหลุดเสาสองไปอย่างน่าเสียดาย
ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรก สโตก ซิตี เริ่มตั้งเกมสู้กับแชมป์เก่าได้อย่างสูสีมากขึ้นเป็นลำดับ แต่พอเข้าสู่ช่วงท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มโหมเกมอีกครั้งจากทางริมเส้นซ้ายขวา โดย นานี คอยหลอกล่อเล่นงาน โรเบิร์ต ฮูธ เป็นระยะๆ แต่จังหวะเปิดบอลให้ รูนีย์ หรือ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ เข้าทำยังมีไม่มากนัก ช่วงท้าย นานี ลากตัดจากซ้ายเข้ามายิงด้วยขวาเป็นลูกเก่งแต่ โซเรนเซน บินปัดออกไปได้ จบ 45 นาทีแรกสกอร์ยังตรึงอยู่ที่ 0-0
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง สโตก พลิกโผกล้าลุยใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนหลังจากที่ครึ่งแรกไม่มีโอกาสยิงเข้ากรอบเลย เลียม ลอว์เรนซ์ ลองชิปบอลลักไก่แต่ เบน ฟอสเตอร์ ถอยไปรับได้ไม่มีปัญหา เมื่อเกมไม่ดีขึ้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปรับหมากใส่ ไรอัน กิกส์ ลงมาเติมความเก๋าในแผงกลางพร้อมกับถอด นานี ออกมา และนาทีที่ 62 ก็เป็น กิกส์ หลุดขึ้นไปไหลใส่พานให้ เบอร์บาตอฟ แปนิ่มๆ ไม่เหลือส่งต้นสังกัดนำ 1-0
แต่นาทีถัดมาแฟนๆ “ช่างปั้นหม้อ” โห่เชิ้ตดำ เว็บบ์ เกรียว เนื่องจากเห็น สโคลส์ ยกมือบังจังหวะเปิดของ ลอว์เรนซ์ แม้ผู้ตัดสินเป่าให้ฟาล์วแก่เจ้าถิ่น แต่ปฏิเสธให้ใบเหลืองที่สองแก่มิดฟิลด์ตัวเก๋า เข้าสู่ช่วง 20 นาทีท้าย โทนี พูลิส ปรับเอา ตุนกาย ซานลี กับ เจมส์ บีทตี มาเสริมเกมรุกพร้อมกับถอด คิตสัน และ ดีน ไวท์เฮด ออกหลังไป ทว่านาทีที่ 77 กลายเป็น “ผีแดง” เฮนำ 2-0 เมื่อได้ลูกฟรีคิก กิกส์ เปิดเข้าไปให้ จอห์น โอเชีย สอดขึ้นมาขวิดไม่เหลือ
นาทีถัดมา แมนฯ ยูไนเต็ด น่าได้ประตูตอกฝาโลงเป็นอย่างยิ่งเมื่อ สโคลส์ ยกบอลให้ กิกส์ หลุดโล่งเมื่อ ฮูธ เสียตำแหน่งไป ทว่าอดีตกัปตันทีมชาติเวลส์งัดบอลข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย จากนั้น ท่านเซอร์ ถอดเอา รูนีย์ และ สโคลส์ ออกมาพักไว้รอเจอ โวล์ฟสบวร์ก ในแชมเปียนส์ ลีก กลางสัปดาห์ พร้อมกับส่ง ไมเคิล โอเวน กับ ไมเคิล คาร์ริค มายืนเส้นยืดสาย ครบ 90 นาทีผู้มาเยือนประคองตัวเก็บชัย มีเพิ่มเป็น 18 คะแนนจากการเตะ 7 นัด ขึ้นจ่าฝูงเพราะมีประตูได้-เสียเหนือเชลซี 10 คนที่บุกพ่าย วีแกน แอธเลติก 1-3
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
สโตก : โธมัส โซเรนเซน , โรเบิร์ต ฮูธ , ไรอัน ชอว์ครอสส์ , อับดุลลาย ฟาย , แดนนี คอลลินส์ , เลียม ลอว์เรนซ์ , เกล็น วีแลน , ดีน ไวท์เฮด , รอรี ดีแลป , แม็ทธิว เอเธอร์ริงตัน , เดฟ คิตสัน
แมนฯ ยูไนเต็ด : เบน ฟอสเตอร์ , จอห์น โอเชีย , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , เนมันยา วิดิช , ปาทริซ เอฟรา , อันโตนิโอ วาเลนเซีย , พอล สโคลส์ , ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ , หลุยส์ นานี , ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ , เวย์น รูนีย์
ผลฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำคืนวันเสาร์
ปอร์ทสมัธ 0-1 เอฟเวอร์ตัน
[0-1 : หลุยส์ ซาฮา (น.43)]
เบอร์มิงแฮม ซิตี 1-2 โบลตัน วันเดอเรอร์ส
[0-1 : ทาเมียร์ โคเฮน (น.10) , 1-1 : เควิน ฟิลลิปส์ (น.84) , 1-2 : ลี ชุง ยอง (น.86)]
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 2-1 แอสตัน วิลลา
[0-1 : กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ (น.3) , 1-1 : คริสโตเฟอร์ แซมบา (น.24) , 2-1 : เดวิด ดันน์ (จุดโทษ น.89)]
ลิเวอร์พูล 6-1 ฮัลล์ ซิตี
[1-0 : เฟร์นานโด ตอร์เรส (น.12) , 1-1 : โจวานนี (น.15) , 2-1 : เฟร์นานโด ตอร์เรส (น.28) , 3-1 : เฟร์นานโด ตอร์เรส (น.47) , 4-1 : สตีเวน เจอร์ราร์ด น.61) , 5-1 : ไรอัน บาเบล (น.88) , 6-1 : ไรอัน บาเบล (น.90)]
สโตก ซิตี 0-2 แมนฯ ยูไนเต็ด
[0-1 : ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ (น.62) , 0-2 : จอห์น โอเชีย (น.77)]
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 5-0 เบิร์นลีย์
[1-0 : ร็อบบี คีน (จุดโทษ น.18) , 2-0 : เจอร์เมน จีนัส (น.32) , 3-0 : ร็อบบี คีน (น.73) , 4-0 : ร็อบบี คีน (น.77) , 5-0 : ร็อบบี คีน (น.87)]
วีแกน แอธเลติก 3-1 เชลซี
[1-0 : ไตตัส บรัมเบิล (น.16) , 1-1 : ดิดิเยร์ ดร็อกบา (น.47) , 2-1 : ฮูโก โรดาเยกา (จุดโทษ น.53) , 3-1 : พอล ชาร์เนอร์ (น.90)]
ฟูแลม 0-1 อาร์เซนอล
[0-1 : โรบิน ฟาน เพอร์ซี (น.52)]
ศึกฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
สโตก ซิตี 0-2 แมนฯ ยูไนเต็ด
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กลับมาใช้ทัพใหญ่ “ผีแดง” แมนฯ ยูไนเต็ด ในเกมเยือนบริทานเนีย สเตเดียม โดยปราการด่านสุดท้ายไว้วางใจ เบน ฟอสเตอร์ แม้มีผิดพลาดให้เห็นบ่อยครั้ง กองหน้าเลือกใช้บริการ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ เสริมงาน เวย์น รูนีย์ ด้าน โทนี พูลิส ประสบปัญหาจัดทีม “ช่างปั้นหม้อ” สโตก ซิตี พอสมควรโดยเฉพาะแดนหน้าที่มาไร้ ริคาร์โด ฟูลเลอร์ ไปอีกคน ทำให้ต้องใช้ เดฟ คิตสัน ยืนหน้าเป้า ได้รับการสนับสนุนจากตัวริมเส้นอย่าง เลียม ลอว์เรนซ์ และ แม็ทธิว เอเธอร์ริงตัน
เริ่มเกมการแข่งขัน แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายเดินเกมรุกเข้าใส่และก็ได้ลุ้นแต่หัววัน หลุยส์ นานี เปิดบอลแฉลบ ไรอัน ชอว์ครอสส์ เข้าทางให้ เวย์น รูนีย์ ตวัดยิงบอลข้ามคานไป ทีมเยือนลุยต่อเนื่อง พอล สโคลส์ ได้ซัดบอลไปติดข้อศอก เลียม ลอว์เรนซ์ แต่ผู้ตัดสิน ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ ยังเฉยๆ นาทีที่ 8 “ผีแดง” พลาดออกนำอย่างเหลือเชื่อเมื่อ อันโตนิโอ วาเลนเซีย ปั๊มบอลได้จาก ชอว์ครอสส์ หลุดเข้าไปชิปบอลผ่าน โธมัส โซเรนเซน แต่ลูกหนังหลุดเสาสองไปอย่างน่าเสียดาย
ผ่านครึ่งทางของครึ่งแรก สโตก ซิตี เริ่มตั้งเกมสู้กับแชมป์เก่าได้อย่างสูสีมากขึ้นเป็นลำดับ แต่พอเข้าสู่ช่วงท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มโหมเกมอีกครั้งจากทางริมเส้นซ้ายขวา โดย นานี คอยหลอกล่อเล่นงาน โรเบิร์ต ฮูธ เป็นระยะๆ แต่จังหวะเปิดบอลให้ รูนีย์ หรือ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ เข้าทำยังมีไม่มากนัก ช่วงท้าย นานี ลากตัดจากซ้ายเข้ามายิงด้วยขวาเป็นลูกเก่งแต่ โซเรนเซน บินปัดออกไปได้ จบ 45 นาทีแรกสกอร์ยังตรึงอยู่ที่ 0-0
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง สโตก พลิกโผกล้าลุยใส่ แมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนหลังจากที่ครึ่งแรกไม่มีโอกาสยิงเข้ากรอบเลย เลียม ลอว์เรนซ์ ลองชิปบอลลักไก่แต่ เบน ฟอสเตอร์ ถอยไปรับได้ไม่มีปัญหา เมื่อเกมไม่ดีขึ้น เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ปรับหมากใส่ ไรอัน กิกส์ ลงมาเติมความเก๋าในแผงกลางพร้อมกับถอด นานี ออกมา และนาทีที่ 62 ก็เป็น กิกส์ หลุดขึ้นไปไหลใส่พานให้ เบอร์บาตอฟ แปนิ่มๆ ไม่เหลือส่งต้นสังกัดนำ 1-0
แต่นาทีถัดมาแฟนๆ “ช่างปั้นหม้อ” โห่เชิ้ตดำ เว็บบ์ เกรียว เนื่องจากเห็น สโคลส์ ยกมือบังจังหวะเปิดของ ลอว์เรนซ์ แม้ผู้ตัดสินเป่าให้ฟาล์วแก่เจ้าถิ่น แต่ปฏิเสธให้ใบเหลืองที่สองแก่มิดฟิลด์ตัวเก๋า เข้าสู่ช่วง 20 นาทีท้าย โทนี พูลิส ปรับเอา ตุนกาย ซานลี กับ เจมส์ บีทตี มาเสริมเกมรุกพร้อมกับถอด คิตสัน และ ดีน ไวท์เฮด ออกหลังไป ทว่านาทีที่ 77 กลายเป็น “ผีแดง” เฮนำ 2-0 เมื่อได้ลูกฟรีคิก กิกส์ เปิดเข้าไปให้ จอห์น โอเชีย สอดขึ้นมาขวิดไม่เหลือ
นาทีถัดมา แมนฯ ยูไนเต็ด น่าได้ประตูตอกฝาโลงเป็นอย่างยิ่งเมื่อ สโคลส์ ยกบอลให้ กิกส์ หลุดโล่งเมื่อ ฮูธ เสียตำแหน่งไป ทว่าอดีตกัปตันทีมชาติเวลส์งัดบอลข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย จากนั้น ท่านเซอร์ ถอดเอา รูนีย์ และ สโคลส์ ออกมาพักไว้รอเจอ โวล์ฟสบวร์ก ในแชมเปียนส์ ลีก กลางสัปดาห์ พร้อมกับส่ง ไมเคิล โอเวน กับ ไมเคิล คาร์ริค มายืนเส้นยืดสาย ครบ 90 นาทีผู้มาเยือนประคองตัวเก็บชัย มีเพิ่มเป็น 18 คะแนนจากการเตะ 7 นัด ขึ้นจ่าฝูงเพราะมีประตูได้-เสียเหนือเชลซี 10 คนที่บุกพ่าย วีแกน แอธเลติก 1-3
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
สโตก : โธมัส โซเรนเซน , โรเบิร์ต ฮูธ , ไรอัน ชอว์ครอสส์ , อับดุลลาย ฟาย , แดนนี คอลลินส์ , เลียม ลอว์เรนซ์ , เกล็น วีแลน , ดีน ไวท์เฮด , รอรี ดีแลป , แม็ทธิว เอเธอร์ริงตัน , เดฟ คิตสัน
แมนฯ ยูไนเต็ด : เบน ฟอสเตอร์ , จอห์น โอเชีย , ริโอ เฟอร์ดินานด์ , เนมันยา วิดิช , ปาทริซ เอฟรา , อันโตนิโอ วาเลนเซีย , พอล สโคลส์ , ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ , หลุยส์ นานี , ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ , เวย์น รูนีย์
ผลฟุตบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ประจำคืนวันเสาร์
ปอร์ทสมัธ 0-1 เอฟเวอร์ตัน
[0-1 : หลุยส์ ซาฮา (น.43)]
เบอร์มิงแฮม ซิตี 1-2 โบลตัน วันเดอเรอร์ส
[0-1 : ทาเมียร์ โคเฮน (น.10) , 1-1 : เควิน ฟิลลิปส์ (น.84) , 1-2 : ลี ชุง ยอง (น.86)]
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 2-1 แอสตัน วิลลา
[0-1 : กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ (น.3) , 1-1 : คริสโตเฟอร์ แซมบา (น.24) , 2-1 : เดวิด ดันน์ (จุดโทษ น.89)]
ลิเวอร์พูล 6-1 ฮัลล์ ซิตี
[1-0 : เฟร์นานโด ตอร์เรส (น.12) , 1-1 : โจวานนี (น.15) , 2-1 : เฟร์นานโด ตอร์เรส (น.28) , 3-1 : เฟร์นานโด ตอร์เรส (น.47) , 4-1 : สตีเวน เจอร์ราร์ด น.61) , 5-1 : ไรอัน บาเบล (น.88) , 6-1 : ไรอัน บาเบล (น.90)]
สโตก ซิตี 0-2 แมนฯ ยูไนเต็ด
[0-1 : ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ (น.62) , 0-2 : จอห์น โอเชีย (น.77)]
ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 5-0 เบิร์นลีย์
[1-0 : ร็อบบี คีน (จุดโทษ น.18) , 2-0 : เจอร์เมน จีนัส (น.32) , 3-0 : ร็อบบี คีน (น.73) , 4-0 : ร็อบบี คีน (น.77) , 5-0 : ร็อบบี คีน (น.87)]
วีแกน แอธเลติก 3-1 เชลซี
[1-0 : ไตตัส บรัมเบิล (น.16) , 1-1 : ดิดิเยร์ ดร็อกบา (น.47) , 2-1 : ฮูโก โรดาเยกา (จุดโทษ น.53) , 3-1 : พอล ชาร์เนอร์ (น.90)]
ฟูแลม 0-1 อาร์เซนอล
[0-1 : โรบิน ฟาน เพอร์ซี (น.52)]