ไมเคิล โอเวน เป็นฮีโรซัดประตูชัยช่วงทดเวลาบาดเจ็บที่ยาวนานกว่า 5 นาทีช่วยให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เฉือนเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี 4-3 ณ สนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในเกมดาร์บีแมตช์ ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 20 ก.ย.
ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แมนฯ ยูไนเต็ด 4-3 แมนฯ ซิตี
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นายใหญ่ แมนฯ ยูไนเต็ด มีข่าวดีที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ หายจากอาการเจ็บโคนขาหนีบลงสนามได้ แต่ทีมจะไม่มี พอล สโคลส์ ที่ติดโทษแบนจากการถูกไล่ออกนัดที่แล้ว ขณะที่ แมนฯ ซิตี ของ มาร์ก ฮิวจ์ส หมดสิทธิ์ใช้งาน เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ที่ติดโทษแบนยาว แต่ คาร์ลอส เตเบซ หายเจ็บเข่าลงดวลกับทีมเก่าได้
เริ่มครึ่งแรกมาได้เพียง 2 นาที เจ้าถิ่นเป็นฝ่ายออกนำอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ เฟลทเชอร์ ทุ่มบอลเข้าเขตโทษให้ เอฟรา โฉบเข้าไปเก็บบอล จากนั้นจ่ายต่อให้ รูนีย์ หลบหลีกการสกัดของกองหลัง 1-2 จังหวะ ก่อนจะซัดผ่านตัว กิฟเวน เข้าประตูไปให้ทีมนำ 1-0
มาถึงนาที 12 เบอร์บาตอฟ ได้ลองสับไกตรงนอกกรอบเขตโทษบอลเหินออกหลังไป แต่ 4 นาทีถัดมา แมนฯ ซิตี ก็มาตีเสมอแบบไม่คาดคิดจากความผิดพลาดของ ฟอสเตอร์ ที่ออกมาเก็บบอลนอกเขตโทษไม่ดีจนถูก เตเบซ ฉกบอลไปจากมือ ก่อนที่ดาวยิงอาร์เจนไตน์จะไหลให้ แบร์รี วิ่งมาแปบอลผ่าน วิดิช ที่ดักอยู่หน้าประตูเข้าไป สกอร์เสมอกัน 1-1
หลังจากนั้นทั้งสองทีมบดกันในแดนกลางเป็นส่วนใหญ่หาโอกาสลุ้นประตูแบบชัดเจนไม่ได้ ต้องรอกระทั่งนาที 38 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ฟรีคิกทางริมเส้นด้านซ้าย กิ๊กส์ ปั่นไซด์โค้งมาเข้าหัว เบอร์บาตอฟ เบียดกองหลังขึ้นโหม่ง แต่โดนไม่ดีบอลข้ามคานไปไกล
“เรือใบ” เกือบเป็นฝ่ายพลิกขึ้นนำในช่วงนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก จากจังหวะที่ ตูเร ตัดบอลได้จากบริเวณกลางสนาม ก่อนจะลากขึ้นมาจ่ายให้ เตเบซ หลุดเข้าไปซัดในเขตโทษ ฟอสเตอร์ ได้แค่ยืนมอง แต่บอลโดนเสาออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย จากนั้นกรรมการเป่านกหวีดยาว จบเกม 45 นาทีแรก
เริ่มครึ่งหลัง “ผีแดง” เป็นฝ่ายออกนำอย่างรวดเร็วอีกครั้งเมื่อเกมมาถึงนาที 49 จากจังหวะที่ เอฟรา ทำเกมขึ้นมาทางซ้าย ก่อนจะจ่ายย้อนหลังให้ กิ๊กส์ วิ่งมาเปิดบอลไปทางเสาสองและเป็น เฟลทเชอร์ เบียดชนะตัวประกบโหม่งบอลตุงตาข่าย เจ้าบ้านนำ 2-1
แต่ทีมเยือนก็ไม่น้อยหน้าตามมาตีเสมออย่างทันควันในอีก 2 นาทีถัดมา เมื่อ เบลลามี ได้บอลเลี้ยงจี้ขึ้นไปตรงหน้าเขตโทษ โยกหลอก โอเชีย หนึ่งจังหวะก่อนจะซัดเต็มข้อ บอลพุ่งแรงเสียบสามเหลี่ยม หมดสิทธิ์ที่ ฟอสเตอร์ จะพุ่งปัดทัน สกอร์กลับมาเท่ากัน 2-2
หลังจากนั้นเป็นช่วงเวลาของ กิฟเวน ที่โชว์ฟอร์มซูเปอร์เซฟหลายจังหวะทั้งจากลูกยิงมุมแคบของ กิ๊กส์ ในนาที 53 หลังจากนั้นปัดลูกโหม่งของ เบอร์บาตอฟ ได้ตรงหน้าประตูได้ถึง 2 ครั้ง ก่อนที่นาที 67 จะป้องกันลูกวอลเลย์ของปีกชาวเวลส์ได้อีก
จนกระทั่งนาที 81 “ผีแดง” ก็ออกนำ 3-2 ได้สำเร็จจากลูกตั้งเตะทางริมเขตโทษด้านซ้าย กิ๊กส์ เปิดเข้ามาลุ้นตรงกลาง เฟลทเชอร์ เจ้าเก่าวิ่งมาโขกเต็มๆส่งบอลเข้าประตูไป แต่ความผิดพลาดของ เฟอร์ดินานด์ ในนาที 90 ที่เสียบอลบริเวณกลางสนามทำให้ เบลลามี ได้บอลหลุดเดี่ยวเข้าไปซัดมุมแคบผ่านมือ ฟอสเตอร์ ให้ทีมเยือนตีเสมออีกครั้งเป็น 3-3
เกมทำท่าว่าจะลงเอยด้วยการกินกันไม่ลง แต่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บที่ยาวนานกว่า 5 นาที แฟนบอลก็ได้เฮกันทั้งสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อเจ้าถิ่นเป็นฝ่ายออกนำ 4-3 จากจังหวะที่ กิ๊กส์ แทงบอลทะลุช่องไปให้ ไมเคิล โอเวน ที่ลงมาเป็นตัวสำรองในครึ่งหลังหลุดเข้าไปซัดผ่านมือ กิฟเวน ทำให้สุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะไปเมื่อจบเกม
ส่วนผลการแข่งขันคู่อื่น วูล์ฟแฮมตัน เปิดบ้านเอาชนะ ฟูแลม 2-1 โดยเจ้าถิ่นได้ประตูจาก เควิน ดอยล์ (น.18) และ เดวิด เอ็ดเวิร์ดส์ (น.50) ส่วนทีมเยือนได้จากลูกจุดโทษของ แดนนี เมอร์ฟีย์ (น.66) ขณะที่ หลุยส์ ซาฮา เหมาสองประตูช่วยให้ เอฟเวอร์ตัน ถล่ม แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส 3-0
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด : เบน ฟอสเตอร์, เนมานยา วิดิช, ริโอ เฟอร์ดินานด์, ปาทริซ เอฟรา, จอห์น โอเชีย, ดาร์เรน เฟลทเชอร์, อันแดร์สัน, ไรอัน กิ๊กส์, ปาร์ก จี ซอง, เวย์น รูนีย์, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
แมนฯ ซิตี : เชย์ กิฟเวน, โจเลียน เลสคอตต์, โคโล ตูเร, เวย์น บริดจ์, มิกาห์ ริชาร์ดส์, แกเร็ธ แบร์รี, ไนเจล เดอ ยอง, คาร์ลอส เตเบซ, สตีเฟน ไอร์แลนด์, เคร็ก เบลลามี, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ แมนฯ ซิตี 4-3
[1-0 : เวย์น รูนีย์ น.2], [1-1 : แกเร็ธ แบร์รี น.16], [2-1 : ดาร์เรน เฟลทเชอร์ น.49], [2-2 : เคร็ก เบลลามี น.52], [3-2 : ดาร์เรน เฟลทเชอร์ น.80], [3-3 : เคร็ก เบลลามี น.90], [4-3 : ไมเคิล โอเวน น.90+5]
วูล์ฟแฮมตัน ชนะ ฟูแลม 2-1
[1-0 : เควิน ดอยล์ น.18], [2-0 : เดวิด เอ็ดเวิร์ดส์ น.50], [2-1 : แดนนี เมอร์ฟีย์ ลูกจุดโทษ น.66]
เอฟเวอร์ตัน ชนะ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส 3-0
[1-0 : หลุยส์ ซาฮา น.22], [2-0 : หลุยส์ ซาฮา น.54], [3-0 : โยเซฟ โยโบ น.58]
เชลซี ชนะ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 3-0
[1-0 : แอชลีย์ โคล น.32], [2-0 : มิเชล บัลลัก น.58], [3-0 : ดิดิเยร์ ดร็อกบา น.63]
ผลการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แมนฯ ยูไนเต็ด 4-3 แมนฯ ซิตี
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน นายใหญ่ แมนฯ ยูไนเต็ด มีข่าวดีที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ หายจากอาการเจ็บโคนขาหนีบลงสนามได้ แต่ทีมจะไม่มี พอล สโคลส์ ที่ติดโทษแบนจากการถูกไล่ออกนัดที่แล้ว ขณะที่ แมนฯ ซิตี ของ มาร์ก ฮิวจ์ส หมดสิทธิ์ใช้งาน เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ที่ติดโทษแบนยาว แต่ คาร์ลอส เตเบซ หายเจ็บเข่าลงดวลกับทีมเก่าได้
เริ่มครึ่งแรกมาได้เพียง 2 นาที เจ้าถิ่นเป็นฝ่ายออกนำอย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ เฟลทเชอร์ ทุ่มบอลเข้าเขตโทษให้ เอฟรา โฉบเข้าไปเก็บบอล จากนั้นจ่ายต่อให้ รูนีย์ หลบหลีกการสกัดของกองหลัง 1-2 จังหวะ ก่อนจะซัดผ่านตัว กิฟเวน เข้าประตูไปให้ทีมนำ 1-0
มาถึงนาที 12 เบอร์บาตอฟ ได้ลองสับไกตรงนอกกรอบเขตโทษบอลเหินออกหลังไป แต่ 4 นาทีถัดมา แมนฯ ซิตี ก็มาตีเสมอแบบไม่คาดคิดจากความผิดพลาดของ ฟอสเตอร์ ที่ออกมาเก็บบอลนอกเขตโทษไม่ดีจนถูก เตเบซ ฉกบอลไปจากมือ ก่อนที่ดาวยิงอาร์เจนไตน์จะไหลให้ แบร์รี วิ่งมาแปบอลผ่าน วิดิช ที่ดักอยู่หน้าประตูเข้าไป สกอร์เสมอกัน 1-1
หลังจากนั้นทั้งสองทีมบดกันในแดนกลางเป็นส่วนใหญ่หาโอกาสลุ้นประตูแบบชัดเจนไม่ได้ ต้องรอกระทั่งนาที 38 แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ฟรีคิกทางริมเส้นด้านซ้าย กิ๊กส์ ปั่นไซด์โค้งมาเข้าหัว เบอร์บาตอฟ เบียดกองหลังขึ้นโหม่ง แต่โดนไม่ดีบอลข้ามคานไปไกล
“เรือใบ” เกือบเป็นฝ่ายพลิกขึ้นนำในช่วงนาทีสุดท้ายของครึ่งแรก จากจังหวะที่ ตูเร ตัดบอลได้จากบริเวณกลางสนาม ก่อนจะลากขึ้นมาจ่ายให้ เตเบซ หลุดเข้าไปซัดในเขตโทษ ฟอสเตอร์ ได้แค่ยืนมอง แต่บอลโดนเสาออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย จากนั้นกรรมการเป่านกหวีดยาว จบเกม 45 นาทีแรก
เริ่มครึ่งหลัง “ผีแดง” เป็นฝ่ายออกนำอย่างรวดเร็วอีกครั้งเมื่อเกมมาถึงนาที 49 จากจังหวะที่ เอฟรา ทำเกมขึ้นมาทางซ้าย ก่อนจะจ่ายย้อนหลังให้ กิ๊กส์ วิ่งมาเปิดบอลไปทางเสาสองและเป็น เฟลทเชอร์ เบียดชนะตัวประกบโหม่งบอลตุงตาข่าย เจ้าบ้านนำ 2-1
แต่ทีมเยือนก็ไม่น้อยหน้าตามมาตีเสมออย่างทันควันในอีก 2 นาทีถัดมา เมื่อ เบลลามี ได้บอลเลี้ยงจี้ขึ้นไปตรงหน้าเขตโทษ โยกหลอก โอเชีย หนึ่งจังหวะก่อนจะซัดเต็มข้อ บอลพุ่งแรงเสียบสามเหลี่ยม หมดสิทธิ์ที่ ฟอสเตอร์ จะพุ่งปัดทัน สกอร์กลับมาเท่ากัน 2-2
หลังจากนั้นเป็นช่วงเวลาของ กิฟเวน ที่โชว์ฟอร์มซูเปอร์เซฟหลายจังหวะทั้งจากลูกยิงมุมแคบของ กิ๊กส์ ในนาที 53 หลังจากนั้นปัดลูกโหม่งของ เบอร์บาตอฟ ได้ตรงหน้าประตูได้ถึง 2 ครั้ง ก่อนที่นาที 67 จะป้องกันลูกวอลเลย์ของปีกชาวเวลส์ได้อีก
จนกระทั่งนาที 81 “ผีแดง” ก็ออกนำ 3-2 ได้สำเร็จจากลูกตั้งเตะทางริมเขตโทษด้านซ้าย กิ๊กส์ เปิดเข้ามาลุ้นตรงกลาง เฟลทเชอร์ เจ้าเก่าวิ่งมาโขกเต็มๆส่งบอลเข้าประตูไป แต่ความผิดพลาดของ เฟอร์ดินานด์ ในนาที 90 ที่เสียบอลบริเวณกลางสนามทำให้ เบลลามี ได้บอลหลุดเดี่ยวเข้าไปซัดมุมแคบผ่านมือ ฟอสเตอร์ ให้ทีมเยือนตีเสมออีกครั้งเป็น 3-3
เกมทำท่าว่าจะลงเอยด้วยการกินกันไม่ลง แต่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บที่ยาวนานกว่า 5 นาที แฟนบอลก็ได้เฮกันทั้งสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อเจ้าถิ่นเป็นฝ่ายออกนำ 4-3 จากจังหวะที่ กิ๊กส์ แทงบอลทะลุช่องไปให้ ไมเคิล โอเวน ที่ลงมาเป็นตัวสำรองในครึ่งหลังหลุดเข้าไปซัดผ่านมือ กิฟเวน ทำให้สุดท้าย แมนฯ ยูไนเต็ด เก็บชัยชนะไปเมื่อจบเกม
ส่วนผลการแข่งขันคู่อื่น วูล์ฟแฮมตัน เปิดบ้านเอาชนะ ฟูแลม 2-1 โดยเจ้าถิ่นได้ประตูจาก เควิน ดอยล์ (น.18) และ เดวิด เอ็ดเวิร์ดส์ (น.50) ส่วนทีมเยือนได้จากลูกจุดโทษของ แดนนี เมอร์ฟีย์ (น.66) ขณะที่ หลุยส์ ซาฮา เหมาสองประตูช่วยให้ เอฟเวอร์ตัน ถล่ม แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส 3-0
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด : เบน ฟอสเตอร์, เนมานยา วิดิช, ริโอ เฟอร์ดินานด์, ปาทริซ เอฟรา, จอห์น โอเชีย, ดาร์เรน เฟลทเชอร์, อันแดร์สัน, ไรอัน กิ๊กส์, ปาร์ก จี ซอง, เวย์น รูนีย์, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ
แมนฯ ซิตี : เชย์ กิฟเวน, โจเลียน เลสคอตต์, โคโล ตูเร, เวย์น บริดจ์, มิกาห์ ริชาร์ดส์, แกเร็ธ แบร์รี, ไนเจล เดอ ยอง, คาร์ลอส เตเบซ, สตีเฟน ไอร์แลนด์, เคร็ก เบลลามี, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ
แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะ แมนฯ ซิตี 4-3
[1-0 : เวย์น รูนีย์ น.2], [1-1 : แกเร็ธ แบร์รี น.16], [2-1 : ดาร์เรน เฟลทเชอร์ น.49], [2-2 : เคร็ก เบลลามี น.52], [3-2 : ดาร์เรน เฟลทเชอร์ น.80], [3-3 : เคร็ก เบลลามี น.90], [4-3 : ไมเคิล โอเวน น.90+5]
วูล์ฟแฮมตัน ชนะ ฟูแลม 2-1
[1-0 : เควิน ดอยล์ น.18], [2-0 : เดวิด เอ็ดเวิร์ดส์ น.50], [2-1 : แดนนี เมอร์ฟีย์ ลูกจุดโทษ น.66]
เอฟเวอร์ตัน ชนะ แบล็กเบิร์น โรเวอร์ส 3-0
[1-0 : หลุยส์ ซาฮา น.22], [2-0 : หลุยส์ ซาฮา น.54], [3-0 : โยเซฟ โยโบ น.58]
เชลซี ชนะ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 3-0
[1-0 : แอชลีย์ โคล น.32], [2-0 : มิเชล บัลลัก น.58], [3-0 : ดิดิเยร์ ดร็อกบา น.63]