บุกเวียดนามกับฉลามชล วันที่สอง 29-09-2009
“ผ่อนคลายก่อนตึงเครียด”
เข้าสู่วันที่ 2 กับทริปพิชิตแดนเหงียนของ ชลบุรี เอฟซี สโมสรชั้นนำแห่งไทยพรีเมียร์ลีก โดยมีตั๋วเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ เอเอฟซี คัพ 2009 เป็นเดิมพัน ซึ่งก็ยังเหมือนเดิมกับสภาพความเป็นไปบนท้องถนนที่ผมพบเจอ นั่นคือรถราปริมาณมหาศาลที่วิ่งขวักไขว่ ชิงจังหวะใครดีใครได้ทางก่อน แต่อย่างที่ผมบอกในท้ายตอนแรกว่าจะทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับความวุ่นวายเหล่านี้ เพื่อหันไปลุ้น “ฉลามชล” ให้ปฏิบัติภารกิจสำเร็จลุล่วง
หลังจากรถตู้พาสื่อมวลชนมายัง “เฟือง นาม รีสอร์ต” สถานที่จัดงานแถลงข่าวความพร้อมก่อนเกม รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่สองกับ บินห์ เยือง ซึ่งจะฟาดแข้งกันเวลา 18.00 น. พรุ่งนี้ (30 กันยายน) ก็ยังไม่พบกลุ่มนักเตะอยู่ดี เข้าใจว่าคงทานอาหารเช้าก่อนแยกย้ายไปพักผ่อนตามอัธยาศัยกันเรียบร้อยแล้ว คงเหลือไว้ก็แต่ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ของทีมที่นั่งคุยกับ อรรณพ สิงห์โตทอง ผู้จัดการทีมไซส์ XL ตามประสา ทว่า รายการนี้ “เดอะ เซนต์” ไม่ได้ทำหน้าที่ตามตำแหน่งของตัวเองเหมือนอย่างในไทยลีก แต่เป็นงานของ ธนศักดิ์ สุระประเสริฐ ซึ่งรับหน้าที่ดูแลทีมยามลงเตะในบอลถ้วยระดับเอเชียแทน ถือว่าเป็นการกระจายความรับผิดชอบอย่างทั่วถึงตามระบบของสโมสรฟุตบอลอาชีพ
อย่างไรก็ดียังพอมีแข้งบางรายนั่งเล่นเรื่อยเปื่อยอยู่กับโต๊ะอาหาร ซึ่งแต่ละคนล้วนทำตัวตามสบายโดยไม่มีอาการตึงเครียดให้เห็น เช่น อดุลย์ หละโสะ กองกลางขาบู๊ก็อ่านพ็อกเก็ตบุ๊คที่พกมาอย่างเพลิดเพลินพร้อมทั้งคุยกับ สุจินต์ นาคนายม ผู้รักษาประตูมือสองไปพลาง ส่วน พิภพ อ่อนโม้ หัวหอกกัปตันทีมก็สนทนากับสตาฟฟ์ทีมไปเรื่อย เพื่อรอเวลาเข้าห้องแถลงข่าวความพร้อมก่อนเกม
กระทั่ง 11.30 น. เวลาที่นักข่าวอย่างเราๆ รอคอยก็มาถึง เมื่อ “ซิโก้” นำ พิภพ เข้าสู่ห้องแถลงพร้อมๆ กับ ไม ดุก ชุง เฮดโค้ชบินห์ เยือง ที่หนีบ เหงียน หู่ ทัง หัวหน้าทีมมาด้วย ก่อนให้สัมภาษณ์สื่อทั้งไทยและเวียดนามที่มาทำข่าวกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะของฝั่งเจ้าถิ่นที่ยกขบวนกันมาราว 30 คน มากกว่าคณะที่ผมมาด้วย 2 เท่าตัว แต่ “ซิโก้” ของเราที่โด่งดังในแดนเหงียนกับการค้าแข้งให้ ฮอง อันห์ ยาลาย กลับไม่ได้เผยให้เห็นถึงความประหวั่นพรั่นพรึงคู่แข่งที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนประกาศกร้าวว่าจะเข้ารอบให้ได้เพื่อจารึกชื่อ ชลบุรี เอฟซี ให้กว้างไกลไปทั่วเอเชีย และยังเน้นย้ำอีกว่าในเมื่อทีมชาติของเขาเคยบุกมาชนะเราถึงถิ่นในศึกซูซูกิ คัพ ปลายปีที่แล้วได้ ทำไมฉลามชลจะมาเอาชนะ บินห์ เยือง ในบ้านเขาไม่ได้ ขณะที่ “โค้ชไม” ก็นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวด้วยการบอกว่าถึงจะได้เปรียบจากผลเสมอ 2-2 ในแมตช์แรก แต่พรุ่งนี้คงไม่ประมาทหรือผ่อนเกมลง
ในเมื่อกุนซือทั้งสองฝั่งเชือดเฉือนกันตั้งแต่บอลยังไม่เขี่ยเริ่มเล่นขนาดนี้เชื่อว่ายามลงสนามจริงคงเข้มข้นตลอด 90 นาทีแน่นอนก่อนจะแยกย้ายกันไป ซึ่งผมก็ยังไม่เห็นหน้าเหล่านักเตะชลบุรีอีกเช่นเคย กระทั่งหลังจากรัวคีย์บอร์ดส่งงานให้ทันเวลาเจ้าหน้าที่โรงแรมมาปิดสัญญาณอินเทอร์เน็ต wi-fi เพื่อใช้สถานที่จัดงานแต่งงานในช่วงเย็น และไปทานอาหารมือกลางวันจนอิ่มหนำก็ชำเลืองไปเห็น สินทวีชัย หรือ โกสินทร์ หทัยรัตนกุล นายทวารมือหนึ่ง และ ไมเคิล เบิร์น กองหน้าชาวเวลส์เดินออกมาจากที่พัก ด้วยความสงสัยจึงต้องตามไปดูกันหน่อยว่าพวกเขาออกมาทำอะไรกัน
เมื่อตามมาทันก็ถึงบางอ้อว่า “ตี๋” กับ “ไมเคิล” กำลังดวลพูลกันอย่างสนุกสนาน เป็นการคลายเครียดก่อนถึงเวลาเดินทางไปฝึกซ้อมต่อในช่วงเย็น ซึ่งฝีมือของนายด่านทีมชาติไทยกับดาวเตะเลือดมังกรแดงถือว่าสูสีคู่คี่มากชนิดกินกันไม่ลง ต่างฝ่ายต่างงัดทริกออกมาใช้อย่างเต็มที่ ด้าน สินทวีชัย โชว์แทงลูกไซด์โค้ง ส่วน เบิร์น ก็โชว์แทงด้วยมือข้างเดียวคือไม่วางมือทาบโต๊ะขณะสาวคิวซึ่งก็ตบลงไปลูกหนึ่งด้วย ไม่เสียทีที่เติบโตมาจากประเทศที่เล่นกีฬาชนิดนี้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน ทว่าผมก็ดันไปแกล้งแข้งตาน้ำข้าวรายนี้โดยไม่ตั้งใจ เพราะจังหวะถ่ายรูปที่นำมาประกอบบล็อกนี้ แสงแฟลชก็แลบเข้าตาตอนจรดไม้คิว ผมต้องเข้าไปขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ แต่หนุ่มเบิร์นก็ไม่ถือสาซ้ำยังเล่นมุกขำๆ กลับมาด้วย
กระนั้น ผู้ชนะในเกมนี้กลับเป็น “เจ้าตี๋” ซึ่งต้องลุ้นกันถึงชิงดำเลยทีเดียว ก่อนที่ ไมเคิล จะตกม้าตายด้วยการแทงลูกขาวลงไปก่อน ทำให้ผู้รักษาประตูไทย (หน้า) สไตล์เกาหลี หยิบขึ้นมาตบลูกสีก่อนกินดำในชอตต่อเนื่องคว้าชัยในบั้นปลาย นับเป็นกิจกรรมสนุกๆ ที่ผู้เล่นฉลามชลมารีแลกซ์กันก่อนถึงเวลาเดินทางไปซ้อมอย่างจริงจัง เพื่อเตรียมตัวรับศึกใหญ่ที่มีเดิมพันสูงในวันพรุ่งนี้ ณ สังเวียนบินห์ เยือง สเตเดียม
คอบอลชาวสยามก็อย่าลืมส่งใจมาเชียร์ตัวแทนของประเทศทีมนี้ด้วย เผื่อว่าเราจะได้เห็นชื่อของ “ชลบุรี เอฟซี” เป็นที่รู้จักไปทั่วทวีปเอเชียสมความปรารถนาของ “ซิโก้” ตามที่ให้สัมภาษณ์ในงานแถลงข่าว โดยหลังเสร็จจากการฝึกซ้อมวันนี้เชื่อว่า ไมเคิล เบิร์น กับ อาทิตย์ สุนทรพิธ อาจเป็นที่พึ่งพาของทีมได้ ส่วนจะเป็นเช่นไรนั้นไว้รอติดตามชมในเกมการแข่งขันจริง
“ผ่อนคลายก่อนตึงเครียด”
เข้าสู่วันที่ 2 กับทริปพิชิตแดนเหงียนของ ชลบุรี เอฟซี สโมสรชั้นนำแห่งไทยพรีเมียร์ลีก โดยมีตั๋วเข้าสู่รอบรองชนะเลิศ เอเอฟซี คัพ 2009 เป็นเดิมพัน ซึ่งก็ยังเหมือนเดิมกับสภาพความเป็นไปบนท้องถนนที่ผมพบเจอ นั่นคือรถราปริมาณมหาศาลที่วิ่งขวักไขว่ ชิงจังหวะใครดีใครได้ทางก่อน แต่อย่างที่ผมบอกในท้ายตอนแรกว่าจะทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่กับความวุ่นวายเหล่านี้ เพื่อหันไปลุ้น “ฉลามชล” ให้ปฏิบัติภารกิจสำเร็จลุล่วง
หลังจากรถตู้พาสื่อมวลชนมายัง “เฟือง นาม รีสอร์ต” สถานที่จัดงานแถลงข่าวความพร้อมก่อนเกม รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่สองกับ บินห์ เยือง ซึ่งจะฟาดแข้งกันเวลา 18.00 น. พรุ่งนี้ (30 กันยายน) ก็ยังไม่พบกลุ่มนักเตะอยู่ดี เข้าใจว่าคงทานอาหารเช้าก่อนแยกย้ายไปพักผ่อนตามอัธยาศัยกันเรียบร้อยแล้ว คงเหลือไว้ก็แต่ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือใหญ่ของทีมที่นั่งคุยกับ อรรณพ สิงห์โตทอง ผู้จัดการทีมไซส์ XL ตามประสา ทว่า รายการนี้ “เดอะ เซนต์” ไม่ได้ทำหน้าที่ตามตำแหน่งของตัวเองเหมือนอย่างในไทยลีก แต่เป็นงานของ ธนศักดิ์ สุระประเสริฐ ซึ่งรับหน้าที่ดูแลทีมยามลงเตะในบอลถ้วยระดับเอเชียแทน ถือว่าเป็นการกระจายความรับผิดชอบอย่างทั่วถึงตามระบบของสโมสรฟุตบอลอาชีพ
อย่างไรก็ดียังพอมีแข้งบางรายนั่งเล่นเรื่อยเปื่อยอยู่กับโต๊ะอาหาร ซึ่งแต่ละคนล้วนทำตัวตามสบายโดยไม่มีอาการตึงเครียดให้เห็น เช่น อดุลย์ หละโสะ กองกลางขาบู๊ก็อ่านพ็อกเก็ตบุ๊คที่พกมาอย่างเพลิดเพลินพร้อมทั้งคุยกับ สุจินต์ นาคนายม ผู้รักษาประตูมือสองไปพลาง ส่วน พิภพ อ่อนโม้ หัวหอกกัปตันทีมก็สนทนากับสตาฟฟ์ทีมไปเรื่อย เพื่อรอเวลาเข้าห้องแถลงข่าวความพร้อมก่อนเกม
กระทั่ง 11.30 น. เวลาที่นักข่าวอย่างเราๆ รอคอยก็มาถึง เมื่อ “ซิโก้” นำ พิภพ เข้าสู่ห้องแถลงพร้อมๆ กับ ไม ดุก ชุง เฮดโค้ชบินห์ เยือง ที่หนีบ เหงียน หู่ ทัง หัวหน้าทีมมาด้วย ก่อนให้สัมภาษณ์สื่อทั้งไทยและเวียดนามที่มาทำข่าวกันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะของฝั่งเจ้าถิ่นที่ยกขบวนกันมาราว 30 คน มากกว่าคณะที่ผมมาด้วย 2 เท่าตัว แต่ “ซิโก้” ของเราที่โด่งดังในแดนเหงียนกับการค้าแข้งให้ ฮอง อันห์ ยาลาย กลับไม่ได้เผยให้เห็นถึงความประหวั่นพรั่นพรึงคู่แข่งที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนประกาศกร้าวว่าจะเข้ารอบให้ได้เพื่อจารึกชื่อ ชลบุรี เอฟซี ให้กว้างไกลไปทั่วเอเชีย และยังเน้นย้ำอีกว่าในเมื่อทีมชาติของเขาเคยบุกมาชนะเราถึงถิ่นในศึกซูซูกิ คัพ ปลายปีที่แล้วได้ ทำไมฉลามชลจะมาเอาชนะ บินห์ เยือง ในบ้านเขาไม่ได้ ขณะที่ “โค้ชไม” ก็นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวด้วยการบอกว่าถึงจะได้เปรียบจากผลเสมอ 2-2 ในแมตช์แรก แต่พรุ่งนี้คงไม่ประมาทหรือผ่อนเกมลง
ในเมื่อกุนซือทั้งสองฝั่งเชือดเฉือนกันตั้งแต่บอลยังไม่เขี่ยเริ่มเล่นขนาดนี้เชื่อว่ายามลงสนามจริงคงเข้มข้นตลอด 90 นาทีแน่นอนก่อนจะแยกย้ายกันไป ซึ่งผมก็ยังไม่เห็นหน้าเหล่านักเตะชลบุรีอีกเช่นเคย กระทั่งหลังจากรัวคีย์บอร์ดส่งงานให้ทันเวลาเจ้าหน้าที่โรงแรมมาปิดสัญญาณอินเทอร์เน็ต wi-fi เพื่อใช้สถานที่จัดงานแต่งงานในช่วงเย็น และไปทานอาหารมือกลางวันจนอิ่มหนำก็ชำเลืองไปเห็น สินทวีชัย หรือ โกสินทร์ หทัยรัตนกุล นายทวารมือหนึ่ง และ ไมเคิล เบิร์น กองหน้าชาวเวลส์เดินออกมาจากที่พัก ด้วยความสงสัยจึงต้องตามไปดูกันหน่อยว่าพวกเขาออกมาทำอะไรกัน
เมื่อตามมาทันก็ถึงบางอ้อว่า “ตี๋” กับ “ไมเคิล” กำลังดวลพูลกันอย่างสนุกสนาน เป็นการคลายเครียดก่อนถึงเวลาเดินทางไปฝึกซ้อมต่อในช่วงเย็น ซึ่งฝีมือของนายด่านทีมชาติไทยกับดาวเตะเลือดมังกรแดงถือว่าสูสีคู่คี่มากชนิดกินกันไม่ลง ต่างฝ่ายต่างงัดทริกออกมาใช้อย่างเต็มที่ ด้าน สินทวีชัย โชว์แทงลูกไซด์โค้ง ส่วน เบิร์น ก็โชว์แทงด้วยมือข้างเดียวคือไม่วางมือทาบโต๊ะขณะสาวคิวซึ่งก็ตบลงไปลูกหนึ่งด้วย ไม่เสียทีที่เติบโตมาจากประเทศที่เล่นกีฬาชนิดนี้อย่างเป็นล่ำเป็นสัน ทว่าผมก็ดันไปแกล้งแข้งตาน้ำข้าวรายนี้โดยไม่ตั้งใจ เพราะจังหวะถ่ายรูปที่นำมาประกอบบล็อกนี้ แสงแฟลชก็แลบเข้าตาตอนจรดไม้คิว ผมต้องเข้าไปขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ แต่หนุ่มเบิร์นก็ไม่ถือสาซ้ำยังเล่นมุกขำๆ กลับมาด้วย
กระนั้น ผู้ชนะในเกมนี้กลับเป็น “เจ้าตี๋” ซึ่งต้องลุ้นกันถึงชิงดำเลยทีเดียว ก่อนที่ ไมเคิล จะตกม้าตายด้วยการแทงลูกขาวลงไปก่อน ทำให้ผู้รักษาประตูไทย (หน้า) สไตล์เกาหลี หยิบขึ้นมาตบลูกสีก่อนกินดำในชอตต่อเนื่องคว้าชัยในบั้นปลาย นับเป็นกิจกรรมสนุกๆ ที่ผู้เล่นฉลามชลมารีแลกซ์กันก่อนถึงเวลาเดินทางไปซ้อมอย่างจริงจัง เพื่อเตรียมตัวรับศึกใหญ่ที่มีเดิมพันสูงในวันพรุ่งนี้ ณ สังเวียนบินห์ เยือง สเตเดียม
คอบอลชาวสยามก็อย่าลืมส่งใจมาเชียร์ตัวแทนของประเทศทีมนี้ด้วย เผื่อว่าเราจะได้เห็นชื่อของ “ชลบุรี เอฟซี” เป็นที่รู้จักไปทั่วทวีปเอเชียสมความปรารถนาของ “ซิโก้” ตามที่ให้สัมภาษณ์ในงานแถลงข่าว โดยหลังเสร็จจากการฝึกซ้อมวันนี้เชื่อว่า ไมเคิล เบิร์น กับ อาทิตย์ สุนทรพิธ อาจเป็นที่พึ่งพาของทีมได้ ส่วนจะเป็นเช่นไรนั้นไว้รอติดตามชมในเกมการแข่งขันจริง
