xs
xsm
sm
md
lg

บุกเวียดนามกับฉลามชล (1) / ชัชวาล กมลไมตรีจิตต์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บุกเวียดนามกับฉลามชล วันแรก 28 – 09 – 2009

“วุ่นวาย และ อลวน”

ลำดับแรกสุดคงต้องขอขอบคุณ คุณจีระศักดิ์ โจมทอง ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ของสโมสรชลบุรี เอฟซี รวมถึงบุคลากรทุกๆ ฝ่ายของ “ฉลามชล” ที่ให้โอกาสผมในฐานะตัวแทนจาก MGR Sport ได้เดินทางติดสอยห้อยตามทีมฟุตบอลชั้นนำแห่งศึกไทยพรีเมียร์ลีกมาเกาะติดความเคลื่อนไหวเกมสำคัญที่สุดเกมหนึ่งของพวกเขาในศึก เอเอฟซี คัพ 2009 รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดที่สอง กับ บินห์ เยือง ถึงประเทศเวียดนาม

ทริปนี้นับว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับชีวิตเมื่อต้องมาสัมผัสบรรยากาศในต่างแดน แต่เพียงแค่เริ่มต้นนกเหล็กยังไม่ทันแล่นออกจากรันเวย์ก็เจอเรื่องวุ่นๆ เล็กน้อยของทัพนักเตะชลบุรี สืบเนื่องมาจาก “เปรม” สุรีย์ สุขะ แบ็กขวาดีกรีทีมชาติไทยไม่อาจเดินทางไปพร้อมกับคณะใหญ่ซึ่งรวมถึงสตาฟฟ์ทีมงานและสื่อมวลชนได้เพราะทำพาสปอร์ตหาย ต้องตามไปสมทบทีหลัง ผสมรวมกับ “เหมี่ยว” ณัฐพงษ์ สมณะ แบ็กซ้ายตัวเก่งที่เกือบไม่ผ่านเช็คอิน เนื่องจากหนังสือเดินทางเหลืออายุไม่ถึง 5 เดือน ซึ่งเจ้าหน้าที่ชี้แจงว่าตามปกติต้องมีไม่ต่ำกว่า 6 เดือนสำหรับการโดยสารระหว่างประเทศ แต่สุดท้ายก็ได้รับการผ่อนผันด้วยเหตุที่ว่าไปเป็นตัวแทนของชาติในการแข่งขันฟุตบอลระดับทวีป และให้ไปจัดการที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง ณ ปลายทางทีหลัง
อิริยาบถสบายๆ ของ ฉลามชล
เมื่อเครื่องบินร่อนลงจอดที่ท่าอากาศยานใน โฮจิมินห์ ซิตี ทุกอย่างก็ผ่านพ้นไปได้ด้วยดีจนกระทั่งขุนพลฉลามชลขนสัมภาระขึ้นรถบัสแยกย้ายไปพักโรงแรมเฟือง นาม ในเมืองบินห์ เยือง ชื่อเดียวกับทีมคู่แข่งในวันพุธนี้ (30 กันยายน) โดยระหว่างการเดินทางตั้งแต่อยู่ในสนามบินสุวรรณภูมิจนมาย่ำแดนเหงียน นักเตะแต่ละคนต่างอยู่ในอิริยาบถผ่อนคลาย สบายๆ ไม่ซีเรียส บ้างก็หยอกล้อกันเฮฮาตามประสาเพื่อน (ร่วมทีม) ตัวอย่างเช่น พิภพ อ่อนโม้ ศูนย์หน้าร่างเล็กรวยอารมณ์ขันก็ใส่หูฟังแบบคาดหัวฟังเพลงโปรดอย่างสบายใจเฉิบ สุจินต์ นาคนายม นายทวารมือสองก็ได้ทีแซวว่ากำลังรายงานสดความเคลื่อนไหวของทีม เพราะมีไมโครโฟนติดหูฟังด้วย นับเป็นบรรยากาศขำๆ ก่อนเข้าสู่โปรแกรมฝึกซ้อมเตรียมทีมอย่างจริงจังในช่วงเย็น

ทว่า สิ่งที่น่าแปลกใจอย่างหนึ่ง คือ ทำไม ? สุเชาว์ นุชนุ่ม กัปตันทีมทีโอที เอฟซี ขวัญใจสาวๆ ถึงได้มาปรากฏตัวที่สุวรรณภูมิในระหว่างที่ทัพ ชลบุรี กำลังเช็คอินก่อนเดินทางด้วย “กบ ไซเบอร์” แค่ตั้งใจตามมาส่งเฉยๆ หรือมารอต้อนรับใครที่สนามบิน หรือด้วยเหตุผลกลใดก็ตามแต่มีเพียงเจ้าตัวเท่านั้นที่รู้

ตัดกลับมายังเวียดนามอีกครั้ง หลังจากที่เหล่าพ่อค้าแข้งแยกย้ายออกไป ทัพสื่อมวลชนก็กระจายกันไป 2 คันรถเพื่อเข้าพัก ณ โรงแรมลิเบอร์ตี 4 ในโฮจิมินห์ ซิตี ทว่าระหว่างทางนั้นก็ได้พบกับความวุ่นวายอีกประการจนถึงขั้นอลวนก็ว่าได้ เมื่อประเมินสภาพที่เกิดขึ้นบนท้องถนน ใครที่ว่ากรุงเทพฯ เมืองฟ้าอมรของเรามีปัญหาเรื่องการจราจรซึ่งรถราวิ่งกันขวักไขว่ บางคัน (หรือหลายคัน) มักปาดซ้ายแซงขวาจนหลายท่านนึกรำคาญอยู่ในใจ ที่นี่ก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน บางจังหวะอาจหนักกว่าเสียด้วยซ้ำ

ถึงแม้ที่นี่จะมีการรณรงค์ให้ใช้รถจักรยานยนต์เพื่อสนองนโยบายประหยัดพลังงานซึ่งถือเป็นความคิดที่ดีแต่ก็ไม่ทั้งหมด เพราะในความเป็นจริงแล้วมันไม่ได้เอื้อต่อการลดปัญหาบนท้องถนน หนำซ้ำยังเป็นการเพิ่มความเสี่ยงอีกด้วย เนื่องจากทำให้ปริมาณยานพาหนะเกลื่อนเต็มท้องถนน บวกกับนิสัย (การขับรถ) ของคนเวียดนามที่นึกจะทำอะไรก็ทำ นั่นอาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุตามมา สิ่งที่ผมเจอกับตัวเองก็คือรถรับส่งสื่อมวลชนทั้ง 2 คันต่างพร้อมใจกันหักหัวขึ้นไปกลับรถบนฟุตบาทอย่างหน้าตาเฉย แล้วก็ขับต่อไปเหมือนเป็นเรื่องปกติ ไม่เพียงเท่านั้น ทั้งมอเตอร์ไซค์ รถเก๋ง รถตู้ และรถเมล์ ต่างแข่งกันบีบแตรขอทางเพื่อให้ตัวเองได้ไปก่อน ส่วนคนเดินเท้าที่ข้ามถนนก็ต้องกะจังหวะให้ดี มิฉะนั้นอาจถูกหามเข้าโรงหมอโดยไม่รู้ตัว แต่ที่น่าแปลกคือยังไม่พบอุบัติเหตุเฉี่ยวชนแม้แต่ครั้งเดียว ทั้งที่มันล่อแหลมเสียขนาดนั้น
ของจริงที่เมืองเหงียนยิ่งกว่านี้อีก
พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็พลอยให้ผมกลับมานึกเปรียบเทียบกับ “ไทยพรีเมียร์ลีก” หรือกระทั่งดิวิชัน 1 และลีกภูมิภาค ซึ่งหากแต่ละฝ่ายยึดเอาตัวเป็นที่ตั้งโดยไม่คำนึงถึงส่วนรวมเลยเหมือนเช่นลักษณะการขับรถของคนสัญชาติเหงียน (เท่าที่ได้เห็น) ก็อาจมีเรื่องถึงขั้นแตกหักกันได้เลยทีเดียว ที่ใกล้ตัวที่สุดคงหนีไม่พ้นเกม เมืองทอง-หนองจอก ยูไนเต็ด เปิดบ้านชนะ สมุทรสงคราม เอฟซี 3-1 เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเกิดความอลวนหลังจบเกม ทั้ง สมชาย ชวยบุญชุม กุนซือปลาทูคะนองจะเอาเรื่องผู้ตัดสินที่ไล่นักเตะตัวเองออก และแฟนบอลปะทะกันชุลมุนจนมีมือมืดที่ไหนไม่ทราบปาระเบิดพริกไทยเข้าไปในกลุ่มกองเชียร์ เหล่านี้ล้วนเป็นมะเร็งร้ายขัดขวางการพัฒนาของวงการลูกหนังไทย

ถ้าอยากให้ลีกไทยก้าวไกลไปสู่ระดับสากลก็ขอร้องอย่าให้ต้องก้าวถอยหลังด้วยการใช้ “อารมณ์” หรือ “ความรู้สึกส่วนตัว” เข้ามาตัดสินปัญหาเลย เพราะทุกวันนี้โลกเราก็ยุ่งเหยิงมากพอแล้ว แต่เรื่องยุ่งเหยิงบนท้องถนนผมคงไปแปรสภาพให้กลับตาลปัตรไม่ได้ในช่วง 3-4 วันที่ใช้ชีวิตในเวียดนาม คงเป็นเรื่องเดียวที่ผมต้องปล่อยให้มันผ่านเลยไป แล้วเอาเวลาที่เหลือไปช่วยลุ้นให้ ชลบุรี ฝ่าด่าน บินห์ เยือง เข้าสู่รอบตัดเชือกให้ได้ หลังจากพลาดท่าเสมอในบ้านนัดแรก 2-2
คนเวียดนามมาเกาะขอบรั้วดูการนำซ้อมของ ซิโก้ ซึ่งเคยเล่นให้ ฮอง อันห์ ยาลาย
กำลังโหลดความคิดเห็น