คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน
ถ้ามองสถานการณ์ฟุตบอล ไทย พรีเมียร์ ลีก 2009 วันนี้มันเป็นกระแสที่ได้รับความนิยม คึกคักอย่างมาก โดยรวมแล้ว หลายสโมสรยกระดับการบริหารจัดการของตนเองได้ดีขึ้น มีแฟนคลับ กองเชียร์ติดตามลุ้นทีมรักเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงท้ายฤดูกาล ที่เหลือเพียง 5 นัดสุดท้าย ผลการแข่งขันแต่ละนัดย่อมมีผลชี้ชะตาการคว้าแชมป์และการตกชั้นทั้งสิ้น ซึ่งแมตช์สำคัญที่กำลังจะมาถึงคือ นัดที่ “ กิเลนผยอง ” เมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมนำในตารางคะแนน เปิดสนามฟุตบอลธันเดอร์โดม สปอร์ต คอมเพล็กซ์ เมืองทองธานี ต้อนรับการมาเยือนของ “ ฉลามชล ” ชลบุรี เอฟซี ทีมรองจ่าฝูง ในวันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคมนี้
เพราะว่าทั้ง 2 ทีมยักษ์ที่กำลังลุ้นแชมป์ปีนี้ ไม่ได้มีคะแนนฉีกหนีนำโด่งจนไล่ตามไม่ทัน แต่ดันมีคะแนนห่างกันแต้มเดียว และต่างก็สามารถพลาดการเก็บ 3 คะแนนให้เห็นบ่อยๆ คราวนี้ ทั้งคู่ต้องมาเจอกันเอง ใครชนะก็จะมีคะแนนหนีไปไกล แถมยังเป็นการหยุดการโกยคะแนนเนื้อๆของอีกฝ่ายในขณะเดียวกันด้วย ฝรั่งเรียกแมตช์แบบนี้ว่า เป็นแมตช์ 6 คะแนน เกมนัดนี้เป็นเกมที่อาจจะชี้ขาดได้ว่า ใครจะเป็นสุดยอดทีม คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของไทยในปีนี้
สำหรับ เมืองทอง-หนองจอก ยูไนเต็ด มี “ ท่านอัยการ ” โรแบร์ โปรกูเรอร์ ( Robert Procureur ) เจ้าของทีมชาวเบลเจียม ซึ่งเป็นผู้จัดการทีมชาวต่างชาติคนเดียวใน ไทย พรีเมียร์ ลีก เวลานี้ ผมถามเขาว่า การเป็นผู้จัดการทีมชาวต่างชาติ เขาให้อะไรที่มันดีกว่าผู้จัดการทีมชาวไทย เขาก็ให้คำตอบว่า ผู้จัดการทีมชาวไทยส่วนมากจะคิด วางแผน ระยะสั้น มองอะไรเอาให้ผ่านไปแค่ปีต่อปี แต่เขานำเอาโครงการระยะยาวมาวางรากฐานให้ทีมสโมสรฟุตบอลในเมืองไทย เขาเห็นทีมมาตั้งแต่ ดีวีเชิน 2 ดีวีเชิน 1 มันเป็นการสร้างทีมระยะยาว 10 ปี ต้องมีศูนย์ฝึกเพื่อสร้างนักเตะจากระดับยุวชน เยาวชนขึ้นมาเลย
โรแบร์ เป็นคนวางแผนการเล่น จัดตัวนักเตะลงสนามเองด้วย เขาเป็นเจ้าของหุ้นสโมสร 50 เพอร์เซนท์ เท่ากับ “ พี่วิ ” ระวิ โหลทอง ที่รั้งตำแหน่งประธานสโมสรครับ ดูแล้วน่าเชียร์ให้ได้แชมป์ครับ อย่างไรก็ตาม ผมว่านักเตะในทีมแต่ละคนยังออกลูกเต๊ะเหลือเกิน เห็นไหมครับ นัดที่แล้วเจอกับ จุฬา ยูไนเต็ด ทีมรองบ๊วย บรรดาดาราของทีมเล่นได้เห่ยมาก จน เมืองทอง แทบเอาตัวไม่รอด ตกเป็นรองตลอดเกม โชคดีที่ ช็อง มาร์ก เอ็นกูโล เบเยเม ( Jean Marc Engoulo Beyeme ) ผู้รักษาประตูของจุฬา พลาดอย่างไม่น่าเชื่อเพียงนิดเดียว ในจังหวะที่ พิชิตพงษ์ เฉยฉิว เตะฟรีคิค บอลพุ่งมาตรงตัวแท้ๆ ดันปลิ้นเข้าประตูไป ผลจึงจบลงที่เสมอ 1-1 ไม่เช่นนั้น นัดนี้ เมืองทอง ไม่น่าได้แต้มกลับออกมาด้วยซ้ำ เพราะนักเตะเลือดสีชมพูมีหัวใจยิ่งกว่าสิงห์
ในขณะที่ ชลบุรี เอฟซี ซึ่งพร้อมสรรพในทุกด้าน ทีมนี้ผมก็ว่าอยากเชียร์ แต่มาสะดุดอยู่ตรงที่ข้อเสียนิดเดียวคือ ผมได้กลิ่น นักเตะในทีมระดับที่ติดทีมชาติต่างก็กร่างไปหน่อย มีการตั้งก๊วนตั้งแก๊ง ไม่ยี่หระต่อการฝึกซ้อม ลูกพี่อยากเปลี่ยนชุดแบ่งข้างลงเล่นเลย พวกนี้เข้าหาผู้ใหญ่ สั่งลงมาทาง เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอน ทำให้เป็นปัญหาในทีมอยู่ในขณะนี้ “ ซิโก ” ไม่มีสิทธิ์หือหา นอกจากนั้น โครงการต่างๆของ “ ซิโก ” ก็ไม่เห็นได้รับการตอบรับจากผู้บริหารอันนี้คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่มีชื่อ “ ซิโก ” เป็นผู้ช่วยโคชของ บรายอัน ร็อบเซิน ( Bryan Robson ) ที่กำลังจะมาเป็นโคชทีมชาติไทยกระมัง
มนุษย์ไม่น้อยก็อย่างนี้แหละครับ พอเตาะแตะ เกาะคนอื่น เรียนรู้ได้พอประมาณแล้ว นึกว่า เก๋า แกร่ง เริ่มเหลิง บางคนเต๊ะ บางคนทำตัวขี่หัวคนอื่นๆ ผมขอโทษท่านผู้อ่านครับ สัปดาห์นี้หงุดหงิดไปหน่อย อารมณ์ค้างมาตั้งแต่ นุกนิก ต้องออกจากบ้าน เอเอฟ แล้ว สำหรับ บิกแมตช์ 4 ตุลาคมนี้ ผมขอชมเกมสนุกๆ ระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ ชลบุรี เอฟซี อย่างไม่มีเหตุการณ์ 4 ใบแดง 8 ใบเหลือง ผู้ตัดสินเป่ามั่ว ไม่ทันเกม กองเชียร์สบถกรรมการ สาปแช่งนักเตะและแฟนบอลฝ่ายตรงข้าม มอบ “ นิ้วแห่งเกียรติยศ ” ให้เป็นรางวัล และถึงขั้นตีกันก็แล้วกัน
ถ้ามองสถานการณ์ฟุตบอล ไทย พรีเมียร์ ลีก 2009 วันนี้มันเป็นกระแสที่ได้รับความนิยม คึกคักอย่างมาก โดยรวมแล้ว หลายสโมสรยกระดับการบริหารจัดการของตนเองได้ดีขึ้น มีแฟนคลับ กองเชียร์ติดตามลุ้นทีมรักเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงท้ายฤดูกาล ที่เหลือเพียง 5 นัดสุดท้าย ผลการแข่งขันแต่ละนัดย่อมมีผลชี้ชะตาการคว้าแชมป์และการตกชั้นทั้งสิ้น ซึ่งแมตช์สำคัญที่กำลังจะมาถึงคือ นัดที่ “ กิเลนผยอง ” เมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมนำในตารางคะแนน เปิดสนามฟุตบอลธันเดอร์โดม สปอร์ต คอมเพล็กซ์ เมืองทองธานี ต้อนรับการมาเยือนของ “ ฉลามชล ” ชลบุรี เอฟซี ทีมรองจ่าฝูง ในวันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคมนี้
เพราะว่าทั้ง 2 ทีมยักษ์ที่กำลังลุ้นแชมป์ปีนี้ ไม่ได้มีคะแนนฉีกหนีนำโด่งจนไล่ตามไม่ทัน แต่ดันมีคะแนนห่างกันแต้มเดียว และต่างก็สามารถพลาดการเก็บ 3 คะแนนให้เห็นบ่อยๆ คราวนี้ ทั้งคู่ต้องมาเจอกันเอง ใครชนะก็จะมีคะแนนหนีไปไกล แถมยังเป็นการหยุดการโกยคะแนนเนื้อๆของอีกฝ่ายในขณะเดียวกันด้วย ฝรั่งเรียกแมตช์แบบนี้ว่า เป็นแมตช์ 6 คะแนน เกมนัดนี้เป็นเกมที่อาจจะชี้ขาดได้ว่า ใครจะเป็นสุดยอดทีม คว้าแชมป์ลีกสูงสุดของไทยในปีนี้
สำหรับ เมืองทอง-หนองจอก ยูไนเต็ด มี “ ท่านอัยการ ” โรแบร์ โปรกูเรอร์ ( Robert Procureur ) เจ้าของทีมชาวเบลเจียม ซึ่งเป็นผู้จัดการทีมชาวต่างชาติคนเดียวใน ไทย พรีเมียร์ ลีก เวลานี้ ผมถามเขาว่า การเป็นผู้จัดการทีมชาวต่างชาติ เขาให้อะไรที่มันดีกว่าผู้จัดการทีมชาวไทย เขาก็ให้คำตอบว่า ผู้จัดการทีมชาวไทยส่วนมากจะคิด วางแผน ระยะสั้น มองอะไรเอาให้ผ่านไปแค่ปีต่อปี แต่เขานำเอาโครงการระยะยาวมาวางรากฐานให้ทีมสโมสรฟุตบอลในเมืองไทย เขาเห็นทีมมาตั้งแต่ ดีวีเชิน 2 ดีวีเชิน 1 มันเป็นการสร้างทีมระยะยาว 10 ปี ต้องมีศูนย์ฝึกเพื่อสร้างนักเตะจากระดับยุวชน เยาวชนขึ้นมาเลย
โรแบร์ เป็นคนวางแผนการเล่น จัดตัวนักเตะลงสนามเองด้วย เขาเป็นเจ้าของหุ้นสโมสร 50 เพอร์เซนท์ เท่ากับ “ พี่วิ ” ระวิ โหลทอง ที่รั้งตำแหน่งประธานสโมสรครับ ดูแล้วน่าเชียร์ให้ได้แชมป์ครับ อย่างไรก็ตาม ผมว่านักเตะในทีมแต่ละคนยังออกลูกเต๊ะเหลือเกิน เห็นไหมครับ นัดที่แล้วเจอกับ จุฬา ยูไนเต็ด ทีมรองบ๊วย บรรดาดาราของทีมเล่นได้เห่ยมาก จน เมืองทอง แทบเอาตัวไม่รอด ตกเป็นรองตลอดเกม โชคดีที่ ช็อง มาร์ก เอ็นกูโล เบเยเม ( Jean Marc Engoulo Beyeme ) ผู้รักษาประตูของจุฬา พลาดอย่างไม่น่าเชื่อเพียงนิดเดียว ในจังหวะที่ พิชิตพงษ์ เฉยฉิว เตะฟรีคิค บอลพุ่งมาตรงตัวแท้ๆ ดันปลิ้นเข้าประตูไป ผลจึงจบลงที่เสมอ 1-1 ไม่เช่นนั้น นัดนี้ เมืองทอง ไม่น่าได้แต้มกลับออกมาด้วยซ้ำ เพราะนักเตะเลือดสีชมพูมีหัวใจยิ่งกว่าสิงห์
ในขณะที่ ชลบุรี เอฟซี ซึ่งพร้อมสรรพในทุกด้าน ทีมนี้ผมก็ว่าอยากเชียร์ แต่มาสะดุดอยู่ตรงที่ข้อเสียนิดเดียวคือ ผมได้กลิ่น นักเตะในทีมระดับที่ติดทีมชาติต่างก็กร่างไปหน่อย มีการตั้งก๊วนตั้งแก๊ง ไม่ยี่หระต่อการฝึกซ้อม ลูกพี่อยากเปลี่ยนชุดแบ่งข้างลงเล่นเลย พวกนี้เข้าหาผู้ใหญ่ สั่งลงมาทาง เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอน ทำให้เป็นปัญหาในทีมอยู่ในขณะนี้ “ ซิโก ” ไม่มีสิทธิ์หือหา นอกจากนั้น โครงการต่างๆของ “ ซิโก ” ก็ไม่เห็นได้รับการตอบรับจากผู้บริหารอันนี้คงเป็นสาเหตุหนึ่งที่มีชื่อ “ ซิโก ” เป็นผู้ช่วยโคชของ บรายอัน ร็อบเซิน ( Bryan Robson ) ที่กำลังจะมาเป็นโคชทีมชาติไทยกระมัง
มนุษย์ไม่น้อยก็อย่างนี้แหละครับ พอเตาะแตะ เกาะคนอื่น เรียนรู้ได้พอประมาณแล้ว นึกว่า เก๋า แกร่ง เริ่มเหลิง บางคนเต๊ะ บางคนทำตัวขี่หัวคนอื่นๆ ผมขอโทษท่านผู้อ่านครับ สัปดาห์นี้หงุดหงิดไปหน่อย อารมณ์ค้างมาตั้งแต่ นุกนิก ต้องออกจากบ้าน เอเอฟ แล้ว สำหรับ บิกแมตช์ 4 ตุลาคมนี้ ผมขอชมเกมสนุกๆ ระหว่าง เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ ชลบุรี เอฟซี อย่างไม่มีเหตุการณ์ 4 ใบแดง 8 ใบเหลือง ผู้ตัดสินเป่ามั่ว ไม่ทันเกม กองเชียร์สบถกรรมการ สาปแช่งนักเตะและแฟนบอลฝ่ายตรงข้าม มอบ “ นิ้วแห่งเกียรติยศ ” ให้เป็นรางวัล และถึงขั้นตีกันก็แล้วกัน