ASTVผู้จัดการรายวัน - ขณะที่กระแสฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก 2009 ได้รับความนิยมจากแฟนลูกหนังมากเป็นประวัติการณ์ด้วยยอดกองเชียร์ที่หลั่งใหลเข้าสู่สนามแข่งขันจำนวนมากเรือนหมื่นต่อนัด ท่ามกลางสถานการณ์การลุ้นแชมป์ที่บีบเข้าไปทุกขณะด้วยเหลือการแข่งขันอีกเพียง 6 นัด ก็จะจบฤดูกาล
จากสถานการณ์ล่าสุดทีมดังอย่าง "กระต่ายแก้ว" บางกอกกล๊าส เอฟซี, "มังกรไฟ" บีอีซี เทโรศาสน, "ห้างขายยา" โอสถสภา เอ็ม 150 และ "สิงห์เจ้าท่า" การท่าเรือไทย เอฟซี ต่างก็โบกมือลาจากการไล่ล่าแชมป์ไปแล้วค่อนข้างแน่นอน ปล่อยให้ "กิเลนผยอง" เมืองทอง ยูไนเต็ด ทีมน้องใหม่ที่รั้งจ่าฝูงในปัจจุบัน และ "ฉลามชล" ชลบุรี เอฟซี รองฝูงเท่านั้นที่มีโอกาสคว้าแชมป์ในฤดูกาลนี้
อย่างไรก็ตามหากมองจากเส้นทาง และโอกาสที่ยังคงเหลืออยู่ "เดอะ เซนต์" อรรณพ สิงห์โตทอง ผู้จัดการทัพ "ฉลาม" ยอมรับว่าคู่แข่งอย่าง เมืองทองฯ นั้นดูดีกว่าแน่นอน
"อย่างที่เราทราบกันดีว่า ชลบุรี เอฟซี มีโปรแกรมลงแข่งขันฤดูกาลนี้ถึง 3 รายการ คือ เอฟเอ คัพ รอบ 4, เอเอฟซี คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย และยังต้องมาลุ้นแชมป์ไทยลีกอีก ด้วยแมตช์การแข่งขันที่มากกว่า เมืองทอง ที่มีแค่แข่งฟุตบอลลีกอย่างเดียว เป็นใครก็ต้องบอกว่าคู่แข่งเหนือกว่าเรา แม้ตัวผู้เล่นจะไม่ได้เป็นรอง แต่ด้วยโปรแกรมแบบนี้มันลุ้นยากมาก"
นอกจากคิวแข่งที่มากกว่าแล้ว ทีมรองแชมป์ไทยลีกฤดูกาลที่ผ่านมายังตกเป็นรองในเรื่องของเกมการแข่งขันเลกแรกที่ดันเปิดบ้านแพ้ เมืองทองฯ มโหฬาร 2-5 อีกด้วย ซึ่ง "เสี่ยณพ" ยืนยันว่าหนักใจกับสถานการณ์ดังกล่าวไม่น้อย แต่ก็หวังที่จะบุกไปแก้มือถึงถิ่นธันเดอร์โดมในเกมไทยลีก วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคมนี้เช่นกัน
"นัดที่เจอกันในเลกแรก ทีมเราพลาดท่าแพ้เขามาถึง 2-5 ทำให้ต้องมาหนักใจกับการลุ้นแชมป์ไทยลีกที่ระบุว่าหากมีทีมใดทำคะแนนได้เท่ากันให้วัดกันที่ผลเฮดทูเฮด ถือว่า ชลบุรี เอฟซี เสียเปรียบมาก นอกจากว่าเราจะจำเป็นต้องบุกไปชนะ เมืองทอง ให้ได้แล้ว ยังต้องยิงให้เยอะ เสียประตูให้น้อย หากต้องการจะเป็นแชมป์ แต่เราไม่ถอดใจแน่ เพราะเชื่อว่าในโลกของฟุตบอลอะไรก็เกิดขึ้นได้"
ด้าน "เสี่ยเป้" รณฤทธิ์ ซื่อวาจา ผู้จัดการทั่วไปของทีม "กิเลน" แสดงความเชื่อมั่นในการคว้าแชมป์ไทยลีกฤดูกาลนี้ว่า "ก็เหมือนที่ผมเคยพูดไว้ตั้งแต่ต้นฤดูกาลว่าเรามีแผนที่จะสร้างทีม 3 ปี คว้า 3 แชมป์ ปีที่แล้วเราคว้าแชมป์ดิวิชัน 1 ปีก่อนหน้านั้นเราคว้าแชมป์ดิวิชัน 2 ดังนั้นปีนี้เป้าหมายของเราคือแชมป์ไทยพรีเมียร์ลีก และเราก็เชื่อมั่นในศักยภาพของผู้เล่นและ โค้ช อรรถพล บุษปาคม ว่าทำให้ทีมคว้าแชมป์ได้แน่"
ซึ่งในประวัติศาสตร์วงการลูกหนังโลกตัวอย่างของทีมน้องใหม่ที่สามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุดก็เคยมีมาแล้ว โดยสโมสร ไกเซอร์สเลาเทร์น ที่ก้าวมาจากจากลีกา 2 ในปี 1997 ก่อนจะกว้าแชมป์บุนเดสลีกาในปี 1998 และถึงตอนนี้ทีมน้องใหม่ "กิเลนผยอง" ก็ขยับเข้าใกล้แชมป์ไทยพรีเมียร์ลีกแล้วจริงๆ