เจษฎา จิตสวัสดิ์ กัปตันทีมเมืองทอง-หนองจอก ยูไนเต็ด และ อำนาจ แก้วเขียว หัวหน้าทีมบางกอกกล๊าส เอฟซี ปลื้มใจที่กองเชียร์ทั้งสองฝ่ายยกขบวนกันมาดูที่สนามอย่างล้นหลาม ด้าน “กิเลนผยอง” ขอยึดจ่าฝูงไว้นานๆ ส่วน “กระต่ายแก้ว” ยอมรับจากนี้ไปลุ้นแชมป์ยากขึ้น
ศึกไทยพรีเมียร์ลีก 2009 นัดที่ 23 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 6 กันยายนที่ผ่านมา เมืองทองฯ เปิดบ้านเฉือนชนะ บางกอกกล๊าส เอฟซี 1-0 รั้งจ่าฝูงจากการมี 50 คะแนน มากกว่า ชลบุรี เอฟซี อยู่ 3 คะแนน ส่วน บีจี ยังอยู่ที่ 3 ของตาราง มี 43 คะแนน โดยเกมนี้สังเวียนธันเดอร์โดมไม่พอที่จะรองรับปริมาณแฟนบอลซึ่งพร้อมใจกันมาเชียร์ติดขอบสนามถึง 13,000 คน เป็นสถิติใหม่ของไทยลีกโดยปริยาย ซึ่งรายได้จากการขายบัตรอยู่ที่ราว 605,150 บาท
หลังจบแมตช์ เจษฎา จิตสวัสดิ์ กองหลังเจ้าถิ่นออกมาให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องนี้ว่า “เกมนี้บรรยากาศเหมือนกับเวลาทีมชาติไทยลงเตะ เพียงแต่นี่เป็นเกมระดับสโมสร ซึ่งผมคาดไม่ถึงว่าคนดูจะมากถึงขนาดนี้ ผมหวังว่าจะเป็นอย่างนี้อีกในนัดต่อๆ ไป” ส่วน อำนาจ แก้วเขียว เซนเตอร์ฮาล์ฟทีมเยือน พูดในทำนองเดียวกันว่า “บรรยากาศวันนี้ถือว่าสุดยอด ผู้คนเนืองแน่นมาก นับเป็นนิมิตหมายอันดีของวงการฟุตบอลไทย”
สำหรับทัศนะต่อสถานการณ์บนตารางคะแนน “โค้ชแต๊ก” อรรถพล บุษปาคม กุนซือกิเลนกล่าวว่า “3 แต้มที่ได้มานับว่ามีค่ายิ่งนัก ครึ่งแรกค่อนข้างอึดอัดเพราะเราเสียบอลจากการเชื่อมเกมจากกลางไปหน้าบ่อย แต่ครึ่งหลังสามารถกดดันได้ดีขึ้น ต้องชมลูกทีมที่มีวินัยทั้งในเกมรุกและเกมรับ ขณะที่ บางกอกกล๊าส เองก็สร้างความหนักใจไม่น้อย แต่สุดท้ายเราก็เอาชนะได้หลังจากที่เคยแพ้มา 2 ครั้งก่อนหน้านี้ จากนี้ไปเราขอยึดตำแหน่งจ่าฝูงเอาไว้ให้นานที่สุด”
ด้าน “โค้ชง้วน” สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ เฮดโค้ชเดอะ กลาส แร็บบิท แสดงความคิดเห็นว่า “ผมยอมรับว่า เมืองทองฯ เล่นได้ดีมากซึ่งโค้ชแต๊กเขาวางแผนมาดี บวกกับจังหวะได้ประตูขึ้นนำเร็วยิ่งทำให้ทุกอย่างเข้าทางพวกเขา ส่วนเรื่องการลุ้นแชมป์จากนี้ไปต้องเล่นเพื่อชนะตัวเองก่อนเป็นลำดับแรก และคิดว่าน่าจะเปิดเกมมากกว่าเดิม มิฉะนั้นโอกาสไปถึงตำแหน่งแชมป์ก็คงจะยากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่การพัก อาจายี ซามูเอล แล้วปล่อยลงท้ายเกมเป็นเพราะเขาไม่ค่อยสมบูรณ์เท่าใดนัก”