เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชของ ชลบุรี เอฟซี กระตุ้นบรรดานักเตะว่าจะต้องฝ่าด่าน บินห์ เยือง ทะลุเข้าสู่รอบตัดเชือก ศึกเอเอฟซี คัพ 2009 ให้ได้ เพื่อประกาศชื่อเสียงให้ทวีปเอเชียได้รับรู้ ด้านสโมสรดังแห่งเวียดนามยืนยันไม่มีอ่อนข้อให้แน่ แม้จะกุมความได้เปรียบจากแมตช์แรกอยู่
เมื่อวันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ.2552 เวลา 11.30 น. ณ เฟือง นาม รีสอร์ต ประเทศเวียดนาม มีงานแถลงข่าวความพร้อมก่อนลงสนามศึกเอเอฟซี คัพ 2009 รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง ระหว่าง บินห์ เยือง กับ ชลบุรี เอฟซี ในวันพรุ่งนี้ เวลา 18.00 น. โดยนัดแรกเมื่อวันที่ 15 กันยายนเสมอ 2-2 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน
โดย เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง พูดถึงความพร้อมของทัพฉลามชลว่า “ผลเสมอในบ้านนัดแรกเป็นอุปสรรคต่อเราพอสมควร แต่การมาเวียดนามครั้งนี้ผมบอกลูกทีมว่าเปรียบเสมือนเอฟเอคัพ ถ้าอยากเข้ารอบก็ต้องชนะสถานเดียว อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นของเราอาจจะล้าไปบ้างจากการกรำศึกหนัก 3 รายการในช่วงหลัง และยังมีโปรแกรมหนักในไทยพรีเมียร์ลีกกับ เมืองทอง-หนองจอก ยูไนเต็ด รออยู่ ซึ่งผมจะให้นักเตะที่สมบูรณ์ที่สุดลงสนาม ส่วนใครมีอาการบาดเจ็บก็คงให้พัก”
จากนั้น “ซิโก้” ได้กระตุ้นลูกทีมคว้าชัยชนะให้ได้ว่า “ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จก็ต้องทำงานให้หนักตามวิถีทางของฟุตบอลอาชีพ อีกอย่างเป้าหมายของ ชลบุรี ในปีนี้คือคว้า 3 แชมป์ ซึ่งเราพลาดถ้วยเอฟเอ คัพ ไปแล้ว ดังนั้น ถ้วยนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นถ้วยระดับทวีปเอเชีย ดังนั้น เราจึงอยากจารึกชื่อของ ชลบุรี ให้เป็นที่รู้จักในเอเชียด้วยการผ่านเข้ารอบต่อไปให้ได้ รวมถึงสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยด้วย”
ด้าน พิภพ อ่อนโม้ ศูนย์หน้ากัปตันทีมเดอะ ชาร์ค เอ่ยถึงเป้าหมายในเกมวันพรุ่งนี้ว่า “นี่จะเป็นเกมที่สนุกอย่างแน่นอน ส่วนทีมเราต้องการอย่างเดียวคือชัยชนะและผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศต่อไป นักเตะชลบุรีจะเล่นอย่างสุดความสามารถแน่นอนเพื่อทำชื่อเสียงให้กับชาติไทยอีกทางหนึ่ง”
ในส่วนของ ไม ดุก ชุง กุนซือบินห์ เยือง ให้สัมภาษณ์ถึงสภาพทีมว่า “ทีมเราก็ลงแข่ง 3 รายการเท่ากับ ชลบุรี เพียงแต่เราหมดโปรแกรมในลีกและฟุตบอลถ้วยแล้ว เหลือเพียง เอเอฟซี คัพ ถ้วยเดียวทำให้มีเวลาเตรียมทีมอย่างเต็มที่ แม้จะไม่ได้ลงสนามมาเกือบ 15 วันนับตั้งแต่เกมนัดแรกที่พบกัน ทว่าไม่มีผลต่อเรื่องความพร้อมแน่นอน เพราะเราฝึกซ้อมมาโดยตลอด ทำให้นักเตะได้ตื่นตัวอย่างต่อเนื่องและมีความฟิตสมบูรณ์เต็มที่”
ไม ดุก ชุง กล่าวต่อไปว่าจะยังคงสั่งลูกทีมเล่นเต็มที่เหมือนเดิม “แม้เราจะกุมความได้เปรียบจากการออกไปเสมอในนัดแรก แต่ผมจะไม่ผ่อนเกมลงแน่ ส่วนเรื่องที่เราเคยชนะทีมจากไทยอย่าง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มาในรอบแบ่งกลุ่มคงนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะการเจอกับ ชลบุรี เป็นสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป เราต้องวางแผนที่จะลงสนามไปให้ดีที่สุด”
ขณะที่ เหงียน หู่ ทัง กองกลางกัปตันทีมชั้นนำแดนเหงียนที่มาร่วมแถลงข่าวด้วยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “เราจะงัดเอาศักยภาพที่มีอยู่ลงไปเล่นให้เต็มที่ เพื่อพาทีมผ่านเข้ารอบต่อไป” ซึ่ง บินห์ เยือง มีผู้เล่นบาดเจ็บ 2 ราย แต่ยังมีนักเตะทีมชาติเวียดนามพร้อมลงสนามอีกหลายคนนำโดย เหงียน หวู่ ฟง พร้อมด้วย ฟิลานี ศูนย์หน้าตัวอันตรายชาวแอฟริกาใต้ ส่วนฉลามชลจะจัดทัพลงแบบเต็มสูบ โดยเหลือเพียงแค่เช็กสภาพของ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล ผู้รักษาประตูมือหนึ่งว่าจะพร้อมลงเฝ้าเสาได้หรือไม่เท่านั้น
สำหรับผู้เล่น 11 คนแรกที่คาดว่าจะลงสนามของ ชลบุรี เอฟซี ในระบบ 4-4-2 ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู สินทวีชัย หทัยรัตนกุล (หรือ สุจินต์ นาคนายม) แบ็กขวา สุรีย์ สุขะ แบ็กซ้าย ณัฐพงษ์ สมณะ คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ ชลทิตย์ จันทคาม กับ เกียรติประวุฒิ สายแวว ปีกขวา ไมเคิล เบิร์น มิดฟิลด์คู่กลาง อดุลย์ หละโสะ กับ เกรียงไกร พิมพ์รัตน์ ปีกซ้าย อาทิตย์ สุนทรพิธ คู่ศูนย์หน้า โคเน โมฮาเหม็ด และ พิภพ อ่อนโม้
เมื่อวันอังคารที่ 29 กันยายน พ.ศ.2552 เวลา 11.30 น. ณ เฟือง นาม รีสอร์ต ประเทศเวียดนาม มีงานแถลงข่าวความพร้อมก่อนลงสนามศึกเอเอฟซี คัพ 2009 รอบ 8 ทีมสุดท้าย นัดสอง ระหว่าง บินห์ เยือง กับ ชลบุรี เอฟซี ในวันพรุ่งนี้ เวลา 18.00 น. โดยนัดแรกเมื่อวันที่ 15 กันยายนเสมอ 2-2 ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน
โดย เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง พูดถึงความพร้อมของทัพฉลามชลว่า “ผลเสมอในบ้านนัดแรกเป็นอุปสรรคต่อเราพอสมควร แต่การมาเวียดนามครั้งนี้ผมบอกลูกทีมว่าเปรียบเสมือนเอฟเอคัพ ถ้าอยากเข้ารอบก็ต้องชนะสถานเดียว อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นของเราอาจจะล้าไปบ้างจากการกรำศึกหนัก 3 รายการในช่วงหลัง และยังมีโปรแกรมหนักในไทยพรีเมียร์ลีกกับ เมืองทอง-หนองจอก ยูไนเต็ด รออยู่ ซึ่งผมจะให้นักเตะที่สมบูรณ์ที่สุดลงสนาม ส่วนใครมีอาการบาดเจ็บก็คงให้พัก”
จากนั้น “ซิโก้” ได้กระตุ้นลูกทีมคว้าชัยชนะให้ได้ว่า “ถ้าเราอยากประสบความสำเร็จก็ต้องทำงานให้หนักตามวิถีทางของฟุตบอลอาชีพ อีกอย่างเป้าหมายของ ชลบุรี ในปีนี้คือคว้า 3 แชมป์ ซึ่งเราพลาดถ้วยเอฟเอ คัพ ไปแล้ว ดังนั้น ถ้วยนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งเพราะเป็นถ้วยระดับทวีปเอเชีย ดังนั้น เราจึงอยากจารึกชื่อของ ชลบุรี ให้เป็นที่รู้จักในเอเชียด้วยการผ่านเข้ารอบต่อไปให้ได้ รวมถึงสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยด้วย”
ด้าน พิภพ อ่อนโม้ ศูนย์หน้ากัปตันทีมเดอะ ชาร์ค เอ่ยถึงเป้าหมายในเกมวันพรุ่งนี้ว่า “นี่จะเป็นเกมที่สนุกอย่างแน่นอน ส่วนทีมเราต้องการอย่างเดียวคือชัยชนะและผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศต่อไป นักเตะชลบุรีจะเล่นอย่างสุดความสามารถแน่นอนเพื่อทำชื่อเสียงให้กับชาติไทยอีกทางหนึ่ง”
ในส่วนของ ไม ดุก ชุง กุนซือบินห์ เยือง ให้สัมภาษณ์ถึงสภาพทีมว่า “ทีมเราก็ลงแข่ง 3 รายการเท่ากับ ชลบุรี เพียงแต่เราหมดโปรแกรมในลีกและฟุตบอลถ้วยแล้ว เหลือเพียง เอเอฟซี คัพ ถ้วยเดียวทำให้มีเวลาเตรียมทีมอย่างเต็มที่ แม้จะไม่ได้ลงสนามมาเกือบ 15 วันนับตั้งแต่เกมนัดแรกที่พบกัน ทว่าไม่มีผลต่อเรื่องความพร้อมแน่นอน เพราะเราฝึกซ้อมมาโดยตลอด ทำให้นักเตะได้ตื่นตัวอย่างต่อเนื่องและมีความฟิตสมบูรณ์เต็มที่”
ไม ดุก ชุง กล่าวต่อไปว่าจะยังคงสั่งลูกทีมเล่นเต็มที่เหมือนเดิม “แม้เราจะกุมความได้เปรียบจากการออกไปเสมอในนัดแรก แต่ผมจะไม่ผ่อนเกมลงแน่ ส่วนเรื่องที่เราเคยชนะทีมจากไทยอย่าง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค มาในรอบแบ่งกลุ่มคงนำมาเปรียบเทียบกันไม่ได้ เพราะการเจอกับ ชลบุรี เป็นสถานการณ์ที่แตกต่างออกไป เราต้องวางแผนที่จะลงสนามไปให้ดีที่สุด”
ขณะที่ เหงียน หู่ ทัง กองกลางกัปตันทีมชั้นนำแดนเหงียนที่มาร่วมแถลงข่าวด้วยกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “เราจะงัดเอาศักยภาพที่มีอยู่ลงไปเล่นให้เต็มที่ เพื่อพาทีมผ่านเข้ารอบต่อไป” ซึ่ง บินห์ เยือง มีผู้เล่นบาดเจ็บ 2 ราย แต่ยังมีนักเตะทีมชาติเวียดนามพร้อมลงสนามอีกหลายคนนำโดย เหงียน หวู่ ฟง พร้อมด้วย ฟิลานี ศูนย์หน้าตัวอันตรายชาวแอฟริกาใต้ ส่วนฉลามชลจะจัดทัพลงแบบเต็มสูบ โดยเหลือเพียงแค่เช็กสภาพของ สินทวีชัย หทัยรัตนกุล ผู้รักษาประตูมือหนึ่งว่าจะพร้อมลงเฝ้าเสาได้หรือไม่เท่านั้น
สำหรับผู้เล่น 11 คนแรกที่คาดว่าจะลงสนามของ ชลบุรี เอฟซี ในระบบ 4-4-2 ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู สินทวีชัย หทัยรัตนกุล (หรือ สุจินต์ นาคนายม) แบ็กขวา สุรีย์ สุขะ แบ็กซ้าย ณัฐพงษ์ สมณะ คู่เซนเตอร์ฮาล์ฟ ชลทิตย์ จันทคาม กับ เกียรติประวุฒิ สายแวว ปีกขวา ไมเคิล เบิร์น มิดฟิลด์คู่กลาง อดุลย์ หละโสะ กับ เกรียงไกร พิมพ์รัตน์ ปีกซ้าย อาทิตย์ สุนทรพิธ คู่ศูนย์หน้า โคเน โมฮาเหม็ด และ พิภพ อ่อนโม้