นับเป็นครั้งที่ 3 ในชีวิตที่ผมมีโอกาสได้ย่ำเท้าบนดินแดนเมอร์ไลออนอีกครั้ง หลังจากครั้งแรกต้องย้อนกลับไป สมัยวัยกระเตาะโน้น ขณะที่ก่อนหน้านี้ต้องย้อนไปเมื่อ 5 ปีที่แล้ว ในการเดินทางมาดูงานยังสำนักงานใหญ่ของสถานีโทรทัศน์ ESPN และสตาร์สปอร์ต ประจำภาคพื้นเอเชีย ทว่าในครั้งนี้น่าจะเรียกได้ว่าเป็นโอกาสดีอีกครั้งในชีวิต ที่ได้มาชมการแข่งขันรถสูตรหนึ่งที่คอความเร็วทั่วโลกถวิลหาอย่าง "สิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ ไนท์เรซ"
โดยการเดินทางมาในครั้งนี้ต้องขอขอบคุณบริษัท "กระทิงแดง ประเทศไทย จำกัด" ที่อำนวยความสะดวกตั้งแต่สนามบินสุวรรณภูมิในช่วงเช้าตรู่วันเสาร์ที่ 26 ก.ย. ด้วยการนำทัพนักข่าว 14 ชีวิตลัดฟ้าสู่สิงคโปร์ จึงถือเป็นโอกาสดีของผมอีกครั้งที่ได้สัมผัสบรรยกาศในสนามฟอร์มูลา วัน หลังจากเมื่อปี 2004 อาศัยเงินทุนส่วนตัวที่หยอดกระปุกเอาไว้ดอดไปดูการแข่งที่สนามเซปัง ประเทศมาเลเซีย มาครั้งหนึ่งแล้ว
แม้บรรยากาศที่สนามบินชาง จี จะค่อนข้างเงียบเหงา ไม่เห็นแม้ป้ายโปรโมทการแข่งขัน ทว่าเมื่อรถบัสนำคณะออกสู่ถนนเพื่อมุ่งหน้าสู่ตัวเมือง ทั้ง 2 ข้างทางเต็มไปด้วยป้าย "สิงคโปร์ จีพี ซีซัน 2009" ขณะที่ผู้คนที่เดินตามท้องถนนทุกต่างใส่เสื้อทีมแข่งกันอย่างคึกคัก ซึ่งทีมที่ดูจะเป็นขวัญใจคนที่นี่เห็นจะเป็น "ม้าลำพอง" เฟอร์รารี ยักษ์ใหญ่ตลอดกาลแห่งศึกเอฟวันนั่นเอง
ส่วนเรื่องสภาพอากาศต้องบอกว่าร้อนไม่แพ้บ้านเราครับ ทว่าสิ่งที่ชาวคณะกังวลกันคือฝนจะเทลงมาในช่วงค่ำอันเป็นช่วงเวลาควอลิฟายหรือไม่ เพราะพยากรณ์อากาศที่นี่บอกว่ามีโอกาสฝนตกหนักถึง 50 เปอร์เซนต์ ซึ่งก่อนที่คณะของเราจะเข้าไปชมการแข่งขันรอบควอลิฟาย ในช่วงค่ำอาหารมื้อแรกที่นี่ เป็นอาหารจีน ที่รสชาตินั้นมีครบหมดครับ ยกเว้นรสอร่อย! (ฮา)
ซึ่งในช่วงค่ำวันเดียวกัน ผมก็ได้สัมผัสกับ "มารินา เบย์ สตรีท เซอร์กิต" สมใจอยาก หลังทำได้เพียงนั่งตาละห้อยจากการชมถ่ายทอดสดเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา โดยชาวคณะกระทิงแดงจากประเทศไทย ที่เรซนี้ต้องเอาใจช่วยทีมเรดบูล์ เรซซิง แบบสุดตัว ได้ที่นั่งระดับท็อปของสนามบริเวณแกรนด์ สแตน สนนราคาบัตรฟังแล้วต้องสะดุ้งเพราะปาเข้าไป 1,388 เหรียญสิงคโปร์ (ราว 33,000 บาท) ครับพี่น้อง
โดยคณะของเรานั่งอยู่ช่วงสุดทางตรงโค้ง 1 อันเป็นจุดที่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์คำรามมาจากเส้นสตาร์ท/เส้นชัย ก่อนจะกดเบรกเต็มๆ ซึ่งคอรถแข่งอย่างผมต้องขอถอดเอียร์ปลั๊ก เพื่อขอเสพเสียงรถเอฟวันกันเลยทีเดียว ยิ่งไปกว่านั้นการแข่งบนสตรีทเซอร์กิตใจกลางเมือง ทำให้เสียงเครื่องยนต์ 2,400 ซีซี วี 8 แต่ละคันที่วิ่งผ่านยิ่งดังเป็นทวีคูณกว่าสนามแข่งที่เป็นเซอร์กิตธรรมดา
ไม่รู้ว่างานนี้กลับไปเมืองไทยจะต้องไปให้คุณหมอเช็คแก้วหูบ้างรึเปล่านะครับ เพราะขณะที่นั่งเขียนบล็อกอยู่ตอนนี้ เสียงคำรามของเครื่องยนต์ยังดังก้องอยู่ในหัวผมอยู่เลย!!
ส่วนผลควอลิฟาย ถือเป็นข่าวดีของแฟนๆเรดบูลล์ครับ เพราะจะมี เซบาสเตียน เวทเทล สตาร์ทแถวหน้าในกริดที่ 2 ขณะที่ มาร์ค เว็บเบอร์ จะออกตัวจากกริดที่ 4 ในแถวที่ 2 ส่วนรถแข่งทีมนำอย่างบรอว์น จีพี ออกตัวกริดที่ 5 ขณะที่ เจนสัน บัตตัน พลาดไม่ผ่านควอลิฟายรอบ 2 ต้องออกสตาร์ท กริด 12 โน้นเลย
ส่วนบรรยากาศในสนามวันนี้ แม้จะร้อนอบอ้าวไปหน่อย แต่ก็ไม่ทำให้คอความเร็วย่อท้อครับ เอาเป็นว่าในวันแข่งขันจริง การชิงจังหวะในโค้งแรกซึ่งเป็นจุดที่ผมนั่งชมอยู่จะเป็นอย่างไร ไว้เสร็จภารกิจจะกลับมาร่ายให้ฟังต่อแน่นอน
