ศึกรถสูตรหนึ่งชิงแชมป์โลกหยุดพักฤดูกาลมาเป็นเวลากว่า 4 เดือน ถึงตอนนี้เหลือเวลาอีกเพียงไม่กี่ชั่วโมง ที่นักขับทั้ง 22 คน จาก 11 ทีม จะกลับมาเดินคันเร่ง เพื่อออกสตาร์ทสนามแรกของฤดูกาล 2008 ณ อัลเบิร์ต พาร์ค เซอร์กิต ประเทศออสเตรเลีย ในวันอาทิตย์ที่ 16 มีนาคมนี้
ฤดูกาล 2007 หลังจากคิมี่ ไรค์โคเน่นคว้าแชมป์โลกให้กับตนเองและทีม"ม้าลำพอง"ได้อย่างยิ่งใหญ่ด้วยการเฉือนเอาชนะ 2 นักขับจากแม็คลาเรนไปอย่างเฉียดฉิวในสนามสุดท้ายที่บราซิล เมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน สุดสัปดาห์นี้ถือเป็นครั้งแรกที่ คิมี่ จะคืนสู่แทร็ค โดยมีศักดิ์ศรีแชมป์โลก 2007 ค้ำคอ ซึ่งเป้าหมายในปีนี้คงเป็นอื่นใดไปไม่ได้นอกจากตำแหน่งแชมป์โลกสมัยที่สอง
ทางด้านเฟอร์รารี่กลับมาลงสนามฤดูกาลใหม่ด้วยการใช้นักขับหน้าเดิม โดย คิมี่ จะลงขับเคียงข้างเฟลิเป้ มาสซ่า นักซิ่งบราซิลต่อไป แต่ยอดทีมแข่งจากอิตาลีก็มีการปรับเปลี่ยนด้านการบริหาร ด้วยการแต่งตั้งสเตฟาโน่ โดเมนิคาลี่ ขึ้นมาคุมทีมสู้ศึกฤดูกาลนี้ แทนที่ของฌอง ท็อดด์ ที่เลื่อนขั้นไปเป็นซีอีโอประจำทีม ซึ่งจากการทดสอบรถครั้งล่าสุด ทำให้แชมป์โลกคนปัจจุบันยังคงมั่นในศักยภาพของ"ม้าลำพอง"สีแดงเพลิงตัวนี้อย่างอย่างเต็มเปี่ยม
"ผลการทดสอบรถในช่วงหน้าหนาวออกมาน่าพอใจ รถ F2008 มีพัฒนาการที่ดีขึ้นจากรถคันเก่าอย่างชันเจน เรามาที่เมลเบิร์นด้วยรถที่สบบูรณ์แบบ ฉะนั้นชัยชนะในสนามแรกถือเป็นสิ่งสำคัญ ปีนี้ผมตั้งใจจะคว้าแชมป์ให้ได้มากกว่าปีที่แล้วสัก 2-3 สนาม" เจ้าแชมป์ 6 สนาม รวมถึงที่สนามแห่งนี้ ในปี 2007 เผย
อย่างไรก็ดี คู่แข่งคนสำคัญที่มีโอกาสเบียดแย่งแชมป์โลกกับ"ดิ ไอซ์ แมน"ปีนี้ คงหนีไม่พ้น ลูอิส แฮมิลตัน นักซิ่งดาวรุ่งจากแม็คลาเรน ที่เกือบจะก้าวไปเป็นแชมป์โลกในปีแรกที่เข้าสู่วงการเอฟวัน แต่จากความผิดพลาดใน 2 สนามสุดท้าย ทำให้ชาวเมืองผู้ดีที่รอคอยแชมป์โลกที่เป็นชาวอังกฤษต่อจากดามอน ฮิลล์ เมื่อ 12 ปีที่แล้ว ต้องผิดหวัง ซึ่งรองแชมป์โลก 2007 ก็มั่นใจเช่นกันว่า ประสบการณ์จากฤดูกาลที่แล้วจะทำให้เขาเรียนรู้ว่าจะไปสู่แชมป์โลกได้อย่างไร
"เป้าหมายของผมคือการขยับอันดับเมื่อจบฤดูกาลไปซักหนึ่งอันดับ ตอนนี้ผมรู้ถึงศักยภาพของตัวเอง และมั่นใจว่าตัวเองแข็งแกร่งขึ้น ผมไม่ใช่เด็กใหม่อีกต่อไป ปีที่ผ่านมาผมบอกตามตรงว่า ไม่ได้หวังถึงแชมป์โลก แต่ปีนี้ผมต้องการมันแล้ว"แฮมิลตันเผย โดยนักขับวัย 23 ปี ยังมีโอกาสร้างประวัติศาสตร์เป็นแชมป์โลกอายุน้อยที่สุดอยู่ หากเขาคว้าแชมป์โลกได้ในในฤดูกาลนี้ หลังจากก่อนหน้านี้เฟอร์นานโด อลอนโซ เคยทำได้ในปี 2005 ด้วยวัย 24 ปี
อีกหนึ่งคู่ต่อกรที่คิมี่จะมองข้ามไปไม่ได้ ก็คือ เฟลิเป้ มาสซ่า เพื่อนร่วมทีมเฟอร์รารี่ด้วยกันเอง โดยนักซิงบราซิเลี่ยนรายนี้ แสดงตัวชัดเจนว่าเป้าหมายปีนี้คือการหยิบแชมป์โลกให้กับตนเองบ้าง หลังจากทำหน้าที่พระรองดีเด่น ในสนามสุดท้ายในบ้านเกิด ทั้งที่ตัวเองออกสตาร์ทจากตำแหน่งโพลโพสซิชัน แต่กลับต้องเปิดทางให้กับไรค์โคเน่น กรุยทางไปสู้แชมป์โลกในที่สุด ตามคำสั่งจากทีมงาน"ม้าลำพอง"
นอกจากการต่อสู้กันในกลุ่มหัวแถวแล้ว ตลาดโยกย้ายนักขับก็คึกคักเช่นกัน เมื่อเฟอร์นานโด อลอนโซ่ แชมป์โลก 2 สมัย ตัดสินใจกลับมาร่วมทีมเรโนลต์อีกครั้งหลังจากล้มเหลวที่แม็คลาเรน โดยจะจับคู่กับเนลสัน ปิเก้ จูเนียร์ ลูกชายอดีตแชมป์โลกที่เลื่อนชั้นขึ้นมาจากการเป็นนักขับทดสอบของทีม นอกจากนี้ยังมี คาซูกิ นากาจิม่า นักขับญี่ปุ่นที่เข้ามาเป็นเพื่อนร่วมทีมคนใหม่ของ นิโค่ รอสเบิร์ก ในทีมวิลเลี่ยมส์ และโตโยต้า ก็ตัดสินใจแยกทางกับราล์ฟ ชูมัคเกอร์ ด้วยการแต่งตั้ง ติโม กล็อก แชมป์จีพี 2 มาสู่ศึกฤดูกาลใหม่ ร่วมกับ ยาร์โน่ ทรูลีย์
ขณะที่ในฤดูกาลนี้จะมีทีมแข่งน้องใหมผุดขึ้นมาหนึ่งทีม คือ ฟอร์ซ อินเดีย ทีมแแข่งจากแดนภารตะทีมแรกในประวัติศาสตร์ หลังจากวีเจย์ มาลย่า มหาเศษฐีชาวอินเดีย ตัดสินใจเข้าเทคโอเวอร์ทีมสปายเกอร์ เอฟวัน เมื่อจบฤดูกาลที่แล้ว โดยจะมีจิอันคาร์โล ฟิซิเคลล่า นักซิ่งอิตาเลี่ยนที่ข้ามฝั่งมาจากทีมเรโนลต์ ลงขับร่วมกับ อาเดรียน ซูทีล นักซิ่งดาวรุ่งจากเยอรมัน
แม้ออสเตรเลียนกรังด์ปรีซ์จะเป็นเพียงแค่การเริ่มต้นสนามแรกจากทั้งหมด 18 สนามในฤดูกาลนี้ แต่จาก 10 ปีล่าสุด แชมป์รายการนี้สามารถกรุยทางไปสู่แชมป์โลกได้ถึง 7 ครั้ง น่าติดตามว่าฟอร์มูล่า วัน สนามแรกของปี 2008 ที่อัลเบิร์ต พาร์ค สุดสัปดาห์นี้ ผลการแข่งขันจะลงเอยเช่นไร
เกร็ดออสซี่กรังด์ปรีซ์
- แชมป์ออสเตรเลี่ยนกรังด์ปรีซ์สามารถก้าวไปเป็นแชมป์โลกในบั้นปลายได้ถึง 7 ครั้ง ใน 10 ปีหลังสุด
- นับตั้งแต่เปลี่ยนมาใช้สนามอัลเบิร์ต พาร์คในปี 1996 เฟอร์รารี่เป็นทีมที่คว้าแชมป์ได้มากที่สุดถึง 6 ครั้ง
- นักขับเจ้าถิ่นคนสุดท้ายที่คว้าชัยชนะในรายการนี้คือ อลัน โจนส์ จากทีมวิลเลี่ยมส์ในปี 1981
- มาร์ค เว็บเบอร์ จากทีมเรดบลู เป็นนักขับออสซี่คนเดียวจาก 22 คนในฤดูกาลนี้
