เนลซินโญ ปิเก อดีตนักขับรถสูตรหนึ่งแห่งทีมเรโนลต์ สะใจที่สามารถเปิดโปงแผนการสกปรกของฟลาบิโอ บริอาตอเร ให้โลกได้รับรู้ในคดีล็อคผลการแข่งขันสิงคโปร์ จีพี 2008 พร้อมตั้งเป้าหวนกลับมาจับพวงมาลัยรถเอฟวันอีกครั้ง หลังถูกปลดไปเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา
ลูกชายของเนลสัน ปิเก อดีตแชมป์โลกเอฟวัน 3 สมัย กลายเป็นพยานปากสำคัญในคดีล็อคผลการแข่งขันของทีมเรโนลต์ที่สิงคโปร์เมื่อ 1 ปีก่อน หลังออกมาเผยว่าถูกฟลาบิโอ บริอาตอเร ทีมบอสในเวลานั้นสั่งให้ขับรถชนกำแพง เพื่อให้รถอีก 1 คันของทีมทะลุไปคว้าแชมป์
ซึ่งผลการตัดสินของสภามอเตอร์สปอร์ตโลก เมื่อคืนที่ผ่านมา ทีมแข่งจากฝรั่งเศสถูกสั่งคาดโทษแบนจากการแข่งขันเป็นเวลา 2 ปี ขณะที่ผู้บงการอย่างบริอาตอเร โดนโทษหนักที่สุดด้วยการถูกสั่งห้ามยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมของสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (เอฟไอเอ) ตลอดชีวิต
ส่งผลให้ ปิเก จูเนียร์ ที่เป็นผู้เปิดโปงคดีดังกล่าวออกมาแสดงความเห็นว่า "ผมดีใจที่ทุกๆอย่างจบลงเสียที ผมไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้นอกจากการทำให้ทุกคนได้รู้ความจริงที่เกิดขึ้น และหวังว่าเรื่องแบบนี้จะหมดไปจากวงการเสียที"
พร้อมกันนี้นักขับบราซิเลียนวัย 24 ปี ยังเปิดใจถึงที่สถานการณ์เมื่อ 1 ปีที่แล้วว่า "บริอาตอเรเคยเป็นผู้จัดการส่วนตัวของผมรวมถึงทีมบอส อนาคตของผมเคยอยู่ในมือของเขาแต่เขาไม่เคยใส่ใจมันเลย ผมเสียใจกับเหตุการณ์ที่สิงคโปร์(ปี2008) ผมไม่อยากจะเชื่อว่าผมจะยอมรับแผนการของเขา เวลานั้นผมไม่มีทางเลือกจริงๆ"
ท้ายที่สุดอดีตนักขับเรโนลต์ ที่ถูกปลดจากการเป็นนักขับตัวจริงในเดือนสิงหาคมตั้งเป้าว่า "ช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมามันเจ็บปวดมาก แต่ผมก็ยังหวังที่จะกลับเข้ามาขับรถแข่งในวงการนี้อีกครั้ง แม้ว่ามันอาจจะเป็นการเริ่มต้นจากศูนย์ใหม่อีกครั้งก็ตาม"
ลูกชายของเนลสัน ปิเก อดีตแชมป์โลกเอฟวัน 3 สมัย กลายเป็นพยานปากสำคัญในคดีล็อคผลการแข่งขันของทีมเรโนลต์ที่สิงคโปร์เมื่อ 1 ปีก่อน หลังออกมาเผยว่าถูกฟลาบิโอ บริอาตอเร ทีมบอสในเวลานั้นสั่งให้ขับรถชนกำแพง เพื่อให้รถอีก 1 คันของทีมทะลุไปคว้าแชมป์
ซึ่งผลการตัดสินของสภามอเตอร์สปอร์ตโลก เมื่อคืนที่ผ่านมา ทีมแข่งจากฝรั่งเศสถูกสั่งคาดโทษแบนจากการแข่งขันเป็นเวลา 2 ปี ขณะที่ผู้บงการอย่างบริอาตอเร โดนโทษหนักที่สุดด้วยการถูกสั่งห้ามยุ่งเกี่ยวกับกิจกรรมของสหพันธ์ยานยนต์นานาชาติ (เอฟไอเอ) ตลอดชีวิต
ส่งผลให้ ปิเก จูเนียร์ ที่เป็นผู้เปิดโปงคดีดังกล่าวออกมาแสดงความเห็นว่า "ผมดีใจที่ทุกๆอย่างจบลงเสียที ผมไม่มีทางเลือกที่ดีกว่านี้นอกจากการทำให้ทุกคนได้รู้ความจริงที่เกิดขึ้น และหวังว่าเรื่องแบบนี้จะหมดไปจากวงการเสียที"
พร้อมกันนี้นักขับบราซิเลียนวัย 24 ปี ยังเปิดใจถึงที่สถานการณ์เมื่อ 1 ปีที่แล้วว่า "บริอาตอเรเคยเป็นผู้จัดการส่วนตัวของผมรวมถึงทีมบอส อนาคตของผมเคยอยู่ในมือของเขาแต่เขาไม่เคยใส่ใจมันเลย ผมเสียใจกับเหตุการณ์ที่สิงคโปร์(ปี2008) ผมไม่อยากจะเชื่อว่าผมจะยอมรับแผนการของเขา เวลานั้นผมไม่มีทางเลือกจริงๆ"
ท้ายที่สุดอดีตนักขับเรโนลต์ ที่ถูกปลดจากการเป็นนักขับตัวจริงในเดือนสิงหาคมตั้งเป้าว่า "ช่วงเวลา 12 เดือนที่ผ่านมามันเจ็บปวดมาก แต่ผมก็ยังหวังที่จะกลับเข้ามาขับรถแข่งในวงการนี้อีกครั้ง แม้ว่ามันอาจจะเป็นการเริ่มต้นจากศูนย์ใหม่อีกครั้งก็ตาม"