ยังไม่ทันจะเริ่มออกสตาร์ทการแข่งขันรอบแรก ศึกเทนนิสวิมเบิลดัน แกรนด์ สแลมลำดับที่ 3 ของปี ก็มีอันต้องแปดเปื้อน เมื่อตกเป็นข่าวฉาวว่า ตั้งแต่ ปี 2002 มีการล้มแม็ตซ์การแข่งขันถึง 8 คู่
หนังสือพิมพ์เดอะมิร์เรอร์ รายงานว่า ข่าวการติดสินบนนักเทนนิสเพื่อให้แกล้งแพ้ กลับมาสร้างความอื้อฉาวในวงการลูกสักหลาดอีกครั้ง หลังมีบริษัทรับแทงพนันอ้างว่า ในการแข่งขันตั้งแต่ ปี 2002 ที่ผ่านมา มีการล็อคผลการแข่งขันหลายคู่ และมีอยู่ 8 คู่ที่เกิดขึ้นในการแข่งขันวิมเบิลดัน โดย 4 คู่ เป็นการแข่งขันชายเดี่ยว เมื่อปีที่แล้ว
ทั้งนี้ เชื่อว่า คดีล็อคผลการแข่งขันดังกล่าวเป็นการพัวพันระหว่างนักเทนนิสต่างชาติกับแก๊งมาเฟียรัสเซีย รวมถึงบางกระแสยังบอกอีกว่า เป็นกลุ่มอิทธิพลมาจากออสเตรเลีย
สำหรับความผิดปกติที่ทำให้บริษัทรับแทงพนันสงสัยว่า จะมีการติดสินบนเกิดขึ้น ก็สืบเนื่องมาจากมีตัวเลขการพนันในเกมนั้นๆ สูงมากจนผิดสังเกต
ขณะที่แหล่งข่าวในวงการเทนนิส เผยว่า “ผลการแข่งขันถูกกำหนดมาตั้งแต่ผู้เล่นยังไม่เดินลงสนามด้วยซ้ำ” โดยผู้เล่นที่มักถูกกล่าวหาว่า มีส่วนพัวพันกับคดีฉาวเช่นนี้มากที่สุด เห็นจะหนีไม่พ้นนักเทนนิสที่มาจากประเทศ อย่าง อาร์เจนติน่า รัสเซีย อิตาลี สเปน และออสเตรีย
อย่างไรก็ตาม จากรายงานล่าสุดของสำนักข่าวรอยเตอร์ เอียน ริชชี่ ประธานบริหารการแข่งขันวิมเบิลดัน ได้ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่มีหลักฐานใดๆ ที่บ่งชี้ว่า มีการล็อคผลการแข่งขันในวงการเทนนิสอาชีพ รวมถึงยังบอกว่า ที่เป็นข่าวอยู่ในตอนนี้ล้วนแต่เป็นเรื่องเก่าๆ ทั้งนั้น
“ทุกอย่างที่เห็นเป็นข่าว (ตามหน้าหนังสือพิมพ์) ล้วนเป็นเรื่องเก่า ไม่หลักฐานอะไรเลย นอกจากนี้ ก็ยังไม่มีการแจ้งเบาะแสใหม่ๆ เข้ามาอีกด้วย” ริชชี่ เผย