คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม
รูดม่านกันไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับสัปดาห์แรกของศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ประจำฤดูกาล 2009/10 ควอเตอร์แบ็กหลายคนโชว์ผลงานได้น่าประทับใจยิ่ง ไม่ว่าจะเป็น ดรูว์ บรีส์ ที่ระเบิดฟอร์มขว้าง 6 ทัชดาวน์นำ นิวออร์ลีนส์ เซ็นต์ส ถล่ม ดีทรอยต์ ไลออนส์ หรือว่า โทนี โรโม ปลดปล่อยสุดขีดให้ ดัลลัส คาวบอยส์, โจ แฟล็กโก คนหนุ่มอนาคตไกลโดดเด่นกับ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ และ มาร์ค ซานเชซ รุคกี้เปิดตัวให้ นิวยอร์ก เจ็ตส์ ได้อย่างน่าดูชม
ด้วยคุณสมบัติเด่นของ "ควอเตอร์แบ็ก" แน่นอนว่าต้องสามารถนำต้นสังกัดไปสู่ชัยชนะ และยามใดที่ทีมตกเป็นรองคู่แข่ง ผู้เล่นในตำแหน่งนี้ต้องแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำ การพาทีม "คัมแบ็ก" กลับมาได้ถือเป็นอีกลักษณะเด่นที่จอมทัพในเกมบุกต้องมีติดกายถึงจะขึ้นทำเนียบซูเปอร์สตาร์ ซึ่งในวีคแรกปรากฏว่า ทอม เบรดี, ฟิลิป ริเวอร์ส และ แอรอน ร็อดเจอร์ส ทำเรื่องแบบนี้ให้เราได้เห็นกัน
เริ่มจาก เบรดี อาการบาดเจ็บเข่าบิดตั้งแต่เกมแรกของซีซันก่อน (2008/09) ทำให้ว่าที่คุณพ่อคนใหม่แห่งวงการกีฬาดูกระตือรือร้นกับการพาทีม นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ลงสนาม ยิ่งมาเจอกับ บัฟฟาโล บิลล์ส คู่แข่งร่วมกลุ่มเอเอฟซี (AFC) ตะวันออก ด้วยแล้วทำให้อะดรีนาลีนสูบฉีดมากกว่าปกติ แต่เมื่อเข้าสู่กลางควอเตอร์สุดท้าย เสียงเชียร์ของแฟนๆ ในยิลเลตต์ สเตเดียม กลับเงียบเป็นเป่าสากเมื่อ "นักรบกู้ชาติ" โดนนำห่างถึง 13-24
ทว่าก่อนหมดเวลาแค่ 2.06 นาที เบรดี ก็แสดงให้ทุกคนเห็นถึงศักยภาพอีกครั้ง ด้วยการพา "แพทส์แมน" คัมแบ็กกลับมาคว้าชัยอย่างเฉียดฉิว 25-24 จากการขว้างเจาะกลางเป็นสองทัชดาวน์ให้แก่ เบนจามิน วัตสัน แม้เสียไปหนึ่งอินเทอร์เซปต์ แต่เบ็ดเสร็จ เบรดี ก็ขว้างไป 378 หลา เหล่าขุนพล “ควายป่า” ต้องตีหน้าเศร้ากลับไปเมื่อปราชัย แพทริออตส์ เป็นเกมที่ 12 ติดต่อกัน
ส่วนอีกหนึ่งคู่ของศึกมันเดย์ไนท์ เร้าใจพอกัน ซึ่งผมก็เข้าใจแล้วว่าทำไม ซานดิอาโก ชาร์จเจอร์ส ถึงยอมจ่ายค่าจ้างให้ ริเวอร์ส เป็นการการันตีถึง 38 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,300 ล้านบาท) ในเกมที่ไม่น่าจะยากเย็นอะไร แต่ จามาร์คัส รัสเซลล์ ดันมาปล่อยทีเด็ดขว้างเจาะตรงกลางเป็นทัชดาวน์ 57 หลาเข้ามือ หลุยส์ เมอร์ฟีย์ ช่วยให้ โอคแลนด์ เรดเดอร์ส กลับมาขึ้นหน้า 20-17 ขณะที่เหลือเวลาอีกแค่ 2.34 นาที
แต่แล้วเมื่อได้บอลกลับมาอยู่ในมืออีกครั้ง ริเวอร์ส ค่อยๆ ปั้นไดรฟ์ขว้างให้ ชาร์จเจอร์ส ทำระยะรุกคืบ สุดท้ายยัดบอลใส่มือ ดาร์เรน สโปรลส์ อาศัยความคล่องแคล่ววิ่งทะลวงช่วยให้ต้นสังกัดพลิกกลับมาชนะ 24-20 เป็นการย้ำชัยใส่ เรดเดอร์ส หนที่ 11 ติดต่อกัน โดยเกมนี้ ริเวอร์ส ขว้างไปเบาะๆ 252 หลา 1 สกอร์ 1 อินเทอร์เซปต์
ปิดท้ายกันที่ "Comeback Kid" หน้าใหม่ของวงการ ร็อดเจอร์ส พยายามเอาชนะใจแฟนๆ "หัวเนยแข็ง" กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส อยากให้ทุกคนลืมชื่อ "เบร็ตต์ ฟาร์ฟ" ให้สนิท ซึ่งตอนนี้เชื่อว่า ร็อดเจอร์ส ได้ใจสาวก "แพ็คส์แมน" ไปมากพอสมควร หลังมีส่วนพาทีมเปิดบ้านพลิกกลับมาล้ม ชิคาโก แบร์ส 21-15 ในเกมซันเดย์ไนท์ แม้ตัวเลขสถิติการขว้างได้ระยะแค่ 184 หลา แต่การไม่ก่อความผิดพลาดขึ้น ทั้งยังโชว์ทีเด็ดขว้างทัชดาวน์ 50 หลาให้ เกร็ก เจนนิงส์ เกี่ยวเข้าเขตเอ็นด์โซน นั่นเป็นการแสดงมาดผู้นำให้เห็นออกมาเต็มกาย
แม้ทั้ง เบรดี, ริเวอร์ส และ ร็อดเจอร์ส ยังไม่ถึงกับขึ้นชื่อว่าเป็น "Mr. Comeback" ดั่งเช่น "โกลเดนโจ" มอนทานา เจ้าของฉายา "Comeback Kid" ตัวจริงเสียงจริง หรือตำนานอย่าง จอห์น เอลเวย์ ที่พา เดนเวอร์ บรองโกส์ กลับมาชนะควอเตอร์ที่ 4 ได้สูงสุดถึง 47 เกม แต่อย่างน้อยๆ ทั้งสามที่กล่าวมาข้างต้นมีเลือดนักสู้อยู่เต็มกาย มีคุณสมบัติอันโดดเด่นสำหรับการเป็นควอเตอร์แบ็กซูเปอร์สตาร์อย่างแท้จริง
รูดม่านกันไปเป็นที่เรียบร้อยสำหรับสัปดาห์แรกของศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) ประจำฤดูกาล 2009/10 ควอเตอร์แบ็กหลายคนโชว์ผลงานได้น่าประทับใจยิ่ง ไม่ว่าจะเป็น ดรูว์ บรีส์ ที่ระเบิดฟอร์มขว้าง 6 ทัชดาวน์นำ นิวออร์ลีนส์ เซ็นต์ส ถล่ม ดีทรอยต์ ไลออนส์ หรือว่า โทนี โรโม ปลดปล่อยสุดขีดให้ ดัลลัส คาวบอยส์, โจ แฟล็กโก คนหนุ่มอนาคตไกลโดดเด่นกับ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ และ มาร์ค ซานเชซ รุคกี้เปิดตัวให้ นิวยอร์ก เจ็ตส์ ได้อย่างน่าดูชม
ด้วยคุณสมบัติเด่นของ "ควอเตอร์แบ็ก" แน่นอนว่าต้องสามารถนำต้นสังกัดไปสู่ชัยชนะ และยามใดที่ทีมตกเป็นรองคู่แข่ง ผู้เล่นในตำแหน่งนี้ต้องแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำ การพาทีม "คัมแบ็ก" กลับมาได้ถือเป็นอีกลักษณะเด่นที่จอมทัพในเกมบุกต้องมีติดกายถึงจะขึ้นทำเนียบซูเปอร์สตาร์ ซึ่งในวีคแรกปรากฏว่า ทอม เบรดี, ฟิลิป ริเวอร์ส และ แอรอน ร็อดเจอร์ส ทำเรื่องแบบนี้ให้เราได้เห็นกัน
เริ่มจาก เบรดี อาการบาดเจ็บเข่าบิดตั้งแต่เกมแรกของซีซันก่อน (2008/09) ทำให้ว่าที่คุณพ่อคนใหม่แห่งวงการกีฬาดูกระตือรือร้นกับการพาทีม นิวอิงแลนด์ แพทริออตส์ ลงสนาม ยิ่งมาเจอกับ บัฟฟาโล บิลล์ส คู่แข่งร่วมกลุ่มเอเอฟซี (AFC) ตะวันออก ด้วยแล้วทำให้อะดรีนาลีนสูบฉีดมากกว่าปกติ แต่เมื่อเข้าสู่กลางควอเตอร์สุดท้าย เสียงเชียร์ของแฟนๆ ในยิลเลตต์ สเตเดียม กลับเงียบเป็นเป่าสากเมื่อ "นักรบกู้ชาติ" โดนนำห่างถึง 13-24
ทว่าก่อนหมดเวลาแค่ 2.06 นาที เบรดี ก็แสดงให้ทุกคนเห็นถึงศักยภาพอีกครั้ง ด้วยการพา "แพทส์แมน" คัมแบ็กกลับมาคว้าชัยอย่างเฉียดฉิว 25-24 จากการขว้างเจาะกลางเป็นสองทัชดาวน์ให้แก่ เบนจามิน วัตสัน แม้เสียไปหนึ่งอินเทอร์เซปต์ แต่เบ็ดเสร็จ เบรดี ก็ขว้างไป 378 หลา เหล่าขุนพล “ควายป่า” ต้องตีหน้าเศร้ากลับไปเมื่อปราชัย แพทริออตส์ เป็นเกมที่ 12 ติดต่อกัน
ส่วนอีกหนึ่งคู่ของศึกมันเดย์ไนท์ เร้าใจพอกัน ซึ่งผมก็เข้าใจแล้วว่าทำไม ซานดิอาโก ชาร์จเจอร์ส ถึงยอมจ่ายค่าจ้างให้ ริเวอร์ส เป็นการการันตีถึง 38 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 1,300 ล้านบาท) ในเกมที่ไม่น่าจะยากเย็นอะไร แต่ จามาร์คัส รัสเซลล์ ดันมาปล่อยทีเด็ดขว้างเจาะตรงกลางเป็นทัชดาวน์ 57 หลาเข้ามือ หลุยส์ เมอร์ฟีย์ ช่วยให้ โอคแลนด์ เรดเดอร์ส กลับมาขึ้นหน้า 20-17 ขณะที่เหลือเวลาอีกแค่ 2.34 นาที
แต่แล้วเมื่อได้บอลกลับมาอยู่ในมืออีกครั้ง ริเวอร์ส ค่อยๆ ปั้นไดรฟ์ขว้างให้ ชาร์จเจอร์ส ทำระยะรุกคืบ สุดท้ายยัดบอลใส่มือ ดาร์เรน สโปรลส์ อาศัยความคล่องแคล่ววิ่งทะลวงช่วยให้ต้นสังกัดพลิกกลับมาชนะ 24-20 เป็นการย้ำชัยใส่ เรดเดอร์ส หนที่ 11 ติดต่อกัน โดยเกมนี้ ริเวอร์ส ขว้างไปเบาะๆ 252 หลา 1 สกอร์ 1 อินเทอร์เซปต์
ปิดท้ายกันที่ "Comeback Kid" หน้าใหม่ของวงการ ร็อดเจอร์ส พยายามเอาชนะใจแฟนๆ "หัวเนยแข็ง" กรีนเบย์ แพ็คเกอร์ส อยากให้ทุกคนลืมชื่อ "เบร็ตต์ ฟาร์ฟ" ให้สนิท ซึ่งตอนนี้เชื่อว่า ร็อดเจอร์ส ได้ใจสาวก "แพ็คส์แมน" ไปมากพอสมควร หลังมีส่วนพาทีมเปิดบ้านพลิกกลับมาล้ม ชิคาโก แบร์ส 21-15 ในเกมซันเดย์ไนท์ แม้ตัวเลขสถิติการขว้างได้ระยะแค่ 184 หลา แต่การไม่ก่อความผิดพลาดขึ้น ทั้งยังโชว์ทีเด็ดขว้างทัชดาวน์ 50 หลาให้ เกร็ก เจนนิงส์ เกี่ยวเข้าเขตเอ็นด์โซน นั่นเป็นการแสดงมาดผู้นำให้เห็นออกมาเต็มกาย
แม้ทั้ง เบรดี, ริเวอร์ส และ ร็อดเจอร์ส ยังไม่ถึงกับขึ้นชื่อว่าเป็น "Mr. Comeback" ดั่งเช่น "โกลเดนโจ" มอนทานา เจ้าของฉายา "Comeback Kid" ตัวจริงเสียงจริง หรือตำนานอย่าง จอห์น เอลเวย์ ที่พา เดนเวอร์ บรองโกส์ กลับมาชนะควอเตอร์ที่ 4 ได้สูงสุดถึง 47 เกม แต่อย่างน้อยๆ ทั้งสามที่กล่าวมาข้างต้นมีเลือดนักสู้อยู่เต็มกาย มีคุณสมบัติอันโดดเด่นสำหรับการเป็นควอเตอร์แบ็กซูเปอร์สตาร์อย่างแท้จริง
