คอลัมน์ Final Quarter โดย ลุงแซม
คงไม่ช้าเกินหากจะย้อนกลับไปพูดถึง “วันแม่” (Mother’s Day) ที่เพิ่งผ่านพ้นไปหมาดๆ เมื่อวานที่ผ่านมา ทำอะไรกันบ้างครับเมื่อ 12 สิงหาคม คอกีฬาที่กำลังอยู่ในวัยเรียน เชื่อว่าหลายคนคงนำดอกมะลิมากราบงามๆ แทบเท้าคุณแม่เพื่ออวยพรและขอพรจากท่าน ไม่ต่างจากสมัยที่ผมยังเด็ก
ส่วนใครที่โตขึ้นมาหน่อย อยู่ในช่วงวัยทำงานอาจเขินอายที่จะทำอะไรแบบนั้น จึงเลือกพาคุณแม่และครอบครัวไปรับประทานอาหารนอกบ้านมื้อพิเศษสักมื้อ แอบซื้อของขวัญชิ้นพิเศษมาเซอร์ไพรส์ท่าน นั่นเป็นกิจกรรมที่หลายคนมักใช้แสดงความรักที่มีต่อบุพการีอันประเสริฐสุด การแสดงออกถึงความรักที่มีต่อแม่ไม่มีอะไรน่าอาย กราบท่าน หอมท่านสักฟอดใหญ่ๆ หรือว่าบอกรักคุณแม่สามารถทำได้ทุกวัน และจงทำมันเถิด
ทว่าสำหรับ ดรูว์ บรีส์ ควอเตอร์แบ็กสตาร์ นิวออร์ลีนส์ เซ็นต์ส แห่งศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) เวลาแห่งความสุขที่เคยได้ใช้ร่วมกับแม่บังเกิดเกล้า คงสายเกินไปหากต้องการเรียกมันคืน เมื่อมีข่าวว่า มินา (บรีส์) เสียชีวิตลงแล้วที่โคโลราโด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา การล่วงแก่สังขารเป็นธรรมดาที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ปุถุชนทุกคน แต่ที่ผมหยิบเรื่องของ บรีส์ มาพูดคุยในวันนี้ เนื่องจากมีข้อคิดให้ลูกๆ ทุกคนพึงระลึก
ความสัมพันธ์ระหว่าง บรีส์ กับคุณแม่ เข้าขั้นระหองระแหงมานานจากที่ได้อ่านข่าวตามเว็บไซต์ต่างๆ เมื่อหกปีก่อน มินา อยากทำหน้าที่เอเย่นต์ส่วนตัวให้แก่ลูกชายของเธอ เนื่องจากเธอมีความรู้เรื่องกฎหมายที่คิดว่าจะสามารถปกป้องผลประโยชน์ให้ บรีส์ ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ บรีส์ บอกปัดความหวังดีของคุณแม่ เพราะวงการกีฬาอาชีพอย่าง NFL ที่มีเม็ดเงินมหาศาลเข้ามาเกี่ยวข้อง คงเป็นการดีกว่าหากเลือกใช้บริการเอเย่นต์ที่มีความรู้ความสามารถตรงสายงานมากที่สุด
เนื่องด้วยนี่เป็นเรื่องราวของคน 2 คนในครอบครัว ผมขออนุญาตไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ แต่ก็เชื่อว่าทั้งสองฝ่ายมีเหตุผลของตัวเอง
เมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้น บรีส์ ออกมายอมรับกับสื่อว่าความสัมพันธ์ทุกอย่างไม่แนบแน่น เรื่องมาบานปลายอีกเมื่อปี 2006 จอมทัพค่าจ้างสูงระดับต้นๆ ของลีกคนชนคน ไม่พอใจอย่างยิ่งที่คุณแม่นำเอาภาพของเขาใช้เป็นโฆษณาแฝงโปรโมตตัวเธอเองสำหรับการสมัครเข้าทำงานที่ศาลอุทธรณ์ในเท็กซัส เรื่องแค่นี้ไม่น่าเป็นประเด็น มินา คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าทำไมลูกชายที่เธอเบ่งออกมาเป็นตัวตน ทะนุถนอมมากับมือถึงได้โกรธเป็นฝืนเป็นไฟเช่นนั้น สุดท้ายเธอก็ยอมดึงภาพของ บรีส์ ออกจากโฆษณา
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ยินเรื่องราวไม่สู้ดีของแม่ลูกคู่นี้ จนมาเป็นข่าวคึกโครมอีกครั้งเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย บรีส์ สละเวลาช่วงเทรนนิงแคมป์กับเหล่า “นักบุญ” กลับไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวกับการไว้อาลัยให้ มินา ซึ่งควอเตอร์แบ็กวัย 30 ปี สัมภาษณ์สั้นๆ ทำนองว่าเป็นสัปดาห์ที่ขมขื่นสำหรับตัวเขา แต่ชีวิตคงต้องเดินต่อไป
แน่นอนว่าทุกอย่างต้องเดินหน้า เพราะเราไม่มีเครื่องย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งต่างๆ ในอดีต แต่ บรีส์ คงรู้สึกผิดไม่น้อยกับการกระทำที่เคยล่วงเกินผู้ให้กำเนิด และน้ำตาลูกผู้ชายอาจซึมลึกเข้าสู่หัวใจหากเขาได้เห็นภาพ เด็บบี ตามเทคแคร์ “ฉลามบัลติมอร์” ไมเคิล เฟลป์ส ถึงขอบสระ หรือเห็น โอราเซเน ยกโขยงพาครอบครัว “วิลเลียมส์” ไปปรบมือให้กำลังใจ วีนัส-เซเรนา ถึงคอร์ตเทนนิส เพราะนับตั้งแต่นี้อย่าว่าแต่จะได้เห็น มินา ย่างกายไปที่สนาม (อเมริกัน) ฟุตบอล บรีส์ จะไม่ได้ยินแม้แต่คำพูดที่แม่โทรมาแสดงความยินดีกับชัยชนะแต่ละเกม
นี่แหละครับชีวิต...ลูกคนใดที่มีความรักเต็มเปี่ยมให้คุณแม่ ขอให้ทะนุถนอมความกตัญญูตรงนี้เอาไว้ ส่วนลูกคนใดที่คิดว่าละเลยเอาใจใส่แม่บังเกิดเกล้าไม่ดีพอ มีเวลาครับเพราะยังไม่สายเกินไป
คงไม่ช้าเกินหากจะย้อนกลับไปพูดถึง “วันแม่” (Mother’s Day) ที่เพิ่งผ่านพ้นไปหมาดๆ เมื่อวานที่ผ่านมา ทำอะไรกันบ้างครับเมื่อ 12 สิงหาคม คอกีฬาที่กำลังอยู่ในวัยเรียน เชื่อว่าหลายคนคงนำดอกมะลิมากราบงามๆ แทบเท้าคุณแม่เพื่ออวยพรและขอพรจากท่าน ไม่ต่างจากสมัยที่ผมยังเด็ก
ส่วนใครที่โตขึ้นมาหน่อย อยู่ในช่วงวัยทำงานอาจเขินอายที่จะทำอะไรแบบนั้น จึงเลือกพาคุณแม่และครอบครัวไปรับประทานอาหารนอกบ้านมื้อพิเศษสักมื้อ แอบซื้อของขวัญชิ้นพิเศษมาเซอร์ไพรส์ท่าน นั่นเป็นกิจกรรมที่หลายคนมักใช้แสดงความรักที่มีต่อบุพการีอันประเสริฐสุด การแสดงออกถึงความรักที่มีต่อแม่ไม่มีอะไรน่าอาย กราบท่าน หอมท่านสักฟอดใหญ่ๆ หรือว่าบอกรักคุณแม่สามารถทำได้ทุกวัน และจงทำมันเถิด
ทว่าสำหรับ ดรูว์ บรีส์ ควอเตอร์แบ็กสตาร์ นิวออร์ลีนส์ เซ็นต์ส แห่งศึกอเมริกัน ฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) เวลาแห่งความสุขที่เคยได้ใช้ร่วมกับแม่บังเกิดเกล้า คงสายเกินไปหากต้องการเรียกมันคืน เมื่อมีข่าวว่า มินา (บรีส์) เสียชีวิตลงแล้วที่โคโลราโด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา การล่วงแก่สังขารเป็นธรรมดาที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ปุถุชนทุกคน แต่ที่ผมหยิบเรื่องของ บรีส์ มาพูดคุยในวันนี้ เนื่องจากมีข้อคิดให้ลูกๆ ทุกคนพึงระลึก
ความสัมพันธ์ระหว่าง บรีส์ กับคุณแม่ เข้าขั้นระหองระแหงมานานจากที่ได้อ่านข่าวตามเว็บไซต์ต่างๆ เมื่อหกปีก่อน มินา อยากทำหน้าที่เอเย่นต์ส่วนตัวให้แก่ลูกชายของเธอ เนื่องจากเธอมีความรู้เรื่องกฎหมายที่คิดว่าจะสามารถปกป้องผลประโยชน์ให้ บรีส์ ได้เต็มเม็ดเต็มหน่วย แต่ บรีส์ บอกปัดความหวังดีของคุณแม่ เพราะวงการกีฬาอาชีพอย่าง NFL ที่มีเม็ดเงินมหาศาลเข้ามาเกี่ยวข้อง คงเป็นการดีกว่าหากเลือกใช้บริการเอเย่นต์ที่มีความรู้ความสามารถตรงสายงานมากที่สุด
เนื่องด้วยนี่เป็นเรื่องราวของคน 2 คนในครอบครัว ผมขออนุญาตไม่แสดงความคิดเห็นใดๆ แต่ก็เชื่อว่าทั้งสองฝ่ายมีเหตุผลของตัวเอง
เมื่อเกิดกรณีนี้ขึ้น บรีส์ ออกมายอมรับกับสื่อว่าความสัมพันธ์ทุกอย่างไม่แนบแน่น เรื่องมาบานปลายอีกเมื่อปี 2006 จอมทัพค่าจ้างสูงระดับต้นๆ ของลีกคนชนคน ไม่พอใจอย่างยิ่งที่คุณแม่นำเอาภาพของเขาใช้เป็นโฆษณาแฝงโปรโมตตัวเธอเองสำหรับการสมัครเข้าทำงานที่ศาลอุทธรณ์ในเท็กซัส เรื่องแค่นี้ไม่น่าเป็นประเด็น มินา คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าทำไมลูกชายที่เธอเบ่งออกมาเป็นตัวตน ทะนุถนอมมากับมือถึงได้โกรธเป็นฝืนเป็นไฟเช่นนั้น สุดท้ายเธอก็ยอมดึงภาพของ บรีส์ ออกจากโฆษณา
นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ได้ยินเรื่องราวไม่สู้ดีของแม่ลูกคู่นี้ จนมาเป็นข่าวคึกโครมอีกครั้งเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดย บรีส์ สละเวลาช่วงเทรนนิงแคมป์กับเหล่า “นักบุญ” กลับไปอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาครอบครัวกับการไว้อาลัยให้ มินา ซึ่งควอเตอร์แบ็กวัย 30 ปี สัมภาษณ์สั้นๆ ทำนองว่าเป็นสัปดาห์ที่ขมขื่นสำหรับตัวเขา แต่ชีวิตคงต้องเดินต่อไป
แน่นอนว่าทุกอย่างต้องเดินหน้า เพราะเราไม่มีเครื่องย้อนเวลากลับไปแก้ไขสิ่งต่างๆ ในอดีต แต่ บรีส์ คงรู้สึกผิดไม่น้อยกับการกระทำที่เคยล่วงเกินผู้ให้กำเนิด และน้ำตาลูกผู้ชายอาจซึมลึกเข้าสู่หัวใจหากเขาได้เห็นภาพ เด็บบี ตามเทคแคร์ “ฉลามบัลติมอร์” ไมเคิล เฟลป์ส ถึงขอบสระ หรือเห็น โอราเซเน ยกโขยงพาครอบครัว “วิลเลียมส์” ไปปรบมือให้กำลังใจ วีนัส-เซเรนา ถึงคอร์ตเทนนิส เพราะนับตั้งแต่นี้อย่าว่าแต่จะได้เห็น มินา ย่างกายไปที่สนาม (อเมริกัน) ฟุตบอล บรีส์ จะไม่ได้ยินแม้แต่คำพูดที่แม่โทรมาแสดงความยินดีกับชัยชนะแต่ละเกม
นี่แหละครับชีวิต...ลูกคนใดที่มีความรักเต็มเปี่ยมให้คุณแม่ ขอให้ทะนุถนอมความกตัญญูตรงนี้เอาไว้ ส่วนลูกคนใดที่คิดว่าละเลยเอาใจใส่แม่บังเกิดเกล้าไม่ดีพอ มีเวลาครับเพราะยังไม่สายเกินไป
