ผ่า "รีด-ฮิดดิงก์" ดับเบิลสแตนดาร์ด

ASTVผู้จัดการรายวัน - หลังจากที่ ปีเตอร์ รีด ผู้จัดการทีมชาติไทย ประกาศรับงานผู้ช่วยของ โทนี พูลิส กุนซือ "ช่างปั้นหม้อ" สโต๊ก ซิตี แห่งพรีเมียร์ลีก อังกฤษ พร้อมกับถ้อยคำเสียดแทงแฟนบอลชาวไทยที่ว่า "ผมมีความสุขกับการทำงานที่เมืองไทย และผู้เล่นที่นั่นก็มีศักยภาพในเชิงลูกหนังไม่น้อย แต่พรีเมียร์ลีกคือสิ่งที่ผมปราถนา" นั่นยอมแสดงให้เห็นว่ากุนซือชาวอังกฤษหมดใจกับการทำงานโค้ชให้กับสมาคมลูกหนังแห่งประเทศไทยไปแล้ว

ทว่า "บิ๊กยี" วรวีร์ มะกูดี ประมุขลูกหนังไทย กลับดึงตัว เซอร์ เดวิด ริชาร์ดส์ ประธานพรีเมียร์ลีก ผู้เป็นคนแนะนำ ปีเตอร์ รีด ให้มาคุมทีมชาติไทยไปกล่อมกุนซือชาวอังกฤษ จนต้องยอมกลืนน้ำลายกลับมารับงานเก่า ควบคู่ไปกับการทำงานในอังกฤษบ้านเกิด

ซึ่งเรื่องการทำงานควบ 2 ตำแหน่งในวงการลูกหนังระดับโลกอาจจะมีกรณีศึกษาจาก กุส ฮิดดิงก์ กุนซือทีมชาติรัสเซีย ที่ได้รับการร้องขอจาก โรมัน อบราโมวิช เศรษฐีน้ำมันชาวรัสเซียที่เป็นเจ้าของสโมสร เชลซี ในการนำทัพระยะสั้นเพียง 3 เดือนเท่านั้นก่อนจบฤดูกาลด้วยนำสโมสรดังจากลอนดอนเข้าป้ายอันดับ 3 ของลีกสูงสุดเมืองผู้ดี พร้อมกับอำลาตำแหน่งกลับไปทำงานคุมทัพลูกหนังแดนหมีขาวตามเดิม

โดยมีการตั้งคำถามจากผู้คนในแวดวงการลูกหนังไทยถึงความแตกต่างระหว่างกุนซือชาวอังกฤษ กับกุนซือคนดังชาวฮอลแลนด์ในกรณีนี้ว่าทั้งคู่นั้นน่าจะมีเนื้อแท้ของการเซ็นสัญญาที่แตกต่างกัน ซึ่ง "บิ๊กหอย" วนัสธนา สัจจกุล อดีตผู้จัดการทีมชาติไทยชุด "ดรีมทีม" อันโด่งดังในอดีตตั้งข้อสังเกตุไว้อย่างน่าสนใจว่า

"การที่ ฮิดดิงก์ ออกไปรับงานคุมทีม เชลซี ได้ก็น่าจะเป็นเรื่องยืนยันว่า อบราโมวิช คือคนจ่ายเงินค่าจ้างของเขาให้กับสมาคมฟุตบอลรัสเซีย จึงทำให้ทางรัสเซียเขายอม แต่ในกรณีของ รีด ผมสงสัยว่าใครเป็นคนจ่ายเงินค่าจ้างให้มาทำงานคุมทีมชาติไทย เป็นสมาคมฟุตบอลไทย หรือว่าสมาคมฟุตบอลอังกฤษ เพราะวันที่คุณวรวีร์ไปกล่อม รีด ก็มีการดึงตัว เซอร์ เดวิด ริชาร์ดส์ มาคุยช่วยกันพูดด้วย เรื่องนี้น่าสนใจ ทำไม รีด จึงตัดสินใจรับงานกับ สโต๊ก ทั้งๆ ที่มีสัญญากับทีมชาติไทยเหลืออีก 3 ปี หรือว่าจริงๆ แล้วสัญญาไม่มีกันแน่?"

นอกจากนี้ยังการรับงานของ ฮิดดิงก์ กับสโมสร เชลซี ในอังกฤษนั้นมีระยะห่างกรุงมอสโคว์ รัสเซีย เพียง 2,500 กิโลเมตรเท่านั้น แต่หากเทียบกับ ปีเตอร์ รีด ที่รับงานกับสโต๊กในอังกฤษที่ต้องเดินทางมาคุมทีมชาติไทยด้วยจะมีระยะทางไกลถึง 9,534 กิโลเมตรเลยทีเดียว โดย "โค้ชก็อก" พงษ์พรรณ วงษ์สุวรรณ กุนซือทีม "ฮัลโหล" ทีโอที ผู้คร่ำหวอดกับวงการลูกหนังไทยนานนับสิบปี ถึงกับฟันธงว่าการเหยียบเรือ 2 แคมของกุนซือชาวอังกฤษเช่นกันจะเป็นอุปสรรคใหญ่หลวงแน่นอน

"การจะคุมทีมชาติไทยได้ รีด ต้องเข้าใจถึงปัญหารวมถึงต้องแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าหลายประการ และยังเข้ามาคลุกคลีกับวงการฟุตบอลไทยอย่างจริงจัง ซึ่งสิ่งที่เราทราบกันดีว่าระยะทางจากเมืองไทยไปอังกฤษมันไม่ใช่ใกล้ๆ มันไม่เหมือน อังกฤษ กับ รัสเซีย นั่งเครื่องบินไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น ลองคิดดูว่าหากเกิดปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข รีด จะสามารถสั่งการได้ทันทีทันใดได้หรือ ในเมื่อเขาอยู่ที่ประเทศอังกฤษ"

ขณะเดียวกันเรื่องความสามารถของโค้ช และผู้เล่นในทีมระหว่างทีมชาติไทย กับทีมชาติรัสเซียก็เป็นอีกประเด็นที่ "บิ๊กแป๊ะ" ถิรชัย วุฒิธรรม อดีตผู้จัดการทีมชาติไทยอีกรายตั้งข้อสังสัยในฝีมือของกุนซือชาวอังกฤษ ที่กล้าหาญชาญชัยในการรับงานใหญ่พร้อมกัน 2 งานในครั้งนี้ "ผมขอตั้งคำถามแล้วกันว่า ปีเตอร์ รีด เป็นใคร เขาไม่ได้ประสบความสำเร็จในตำแหน่งโค้ชเหมือนกับที่ ฮิดดิงก์ ทำได้ ถ้าเขาทำได้มันก็คงเป็นสิ่งที่ดี เพียงแต่จากผลงานที่ผ่านมามันชัดเจนอยู่แล้ว ขณะที่คุณภาพผู้เล่นไทย กับ รัสเซีย ก็คงไม่มีใครสงสัยว่าฝีเท้าต้องแตกต่างกัน ผมเชื่อว่าต่อให้ ฟาบิโอ คาเปลโล ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษมาทำทีมชาติไทยก็ไม่ได้ดีกว่านี้ เพราะทรัพยากรในวงการฟุตบอลเรามีจำกัด ดังนั้นการที่ รีด จะรับงานซ้อนกันคงไม่ใช่เรื่องที่จะสร้างความสำเร็จได้ สมาคมฟุตบอลฯ ควรจะกลับไปพัฒนาผู้เล่นให้มีศักยภาพที่เพิ่มขึ้นมากกว่าจะมาสนใจให้ รีด ทำแบบนี้ เพราะผมมองว่าเขาไม่เห็นฟุตบอลไทยอยู่ในสายตามากกว่า"

คงต้องรอดูกันต่อไปว่าบทสรุปของการควบงาน 2 จ็อบของ ปีเตอร์ รีด ที่แบ่งตัว และหัวใจให้กับ สโต๊ก ซิตี ไปแล้ว จะเรียกศรัทธาจากผู้คนในวงการลูกหนังไทยกลับมาได้หรือไม่?