แจ็ค วิลเชียร์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งแจ้งเกิดเต็มตัวหลังเบิ้ลสกอร์ช่วย “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล เปิดรังไล่สลุตยิง กลาสโกว์ เรนเจอร์ส 3-0 ผงาดคว้าแชมป์ฟุตบอลอุ่นเครื่องรายการ เอมิเรตส์ คัพ 2009 มาครอง
ศึกฟุตบอลอุ่นเครื่องรายการ เอมิเรตส์ คัพ 2009
อาร์เซนอล (อังกฤษ) 3-0 กลาสโกว์ เรนเจอร์ส (สกอตแลนด์)
อาร์แซน เวนเกอร์ สลับให้โอกาสนักเตะ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ที่ไม่ได้ลงเล่นนัดเฉือน แอตเลติโก มาดริด 2-1 ลงสนาม โดย เชส ฟาเบรกาส, อังเดร อาร์ชาวิน, เอดูอาร์โด ดา ซิลวา ลงสนามครบครัน รวมถึง แจ็ค วิลเชียร์ ที่วาดลวดลายได้เข้าตา ด้าน วอลเตอร์ สมิธ ปรับทัพหลายตำแหน่งเช่นกันหลังแชมป์สกอตติช พรีเมียร์ลีก ประเดิมชนะ ปารีส แซงต์แชร์กแมงต์ มาได้ก่อน 1-0
เริ่มเกมการแข่งขันไปเพียง 2 นาที แฟนๆ “ปืนใหญ่” ก็ได้เฮตั้งแต่หัววันเมื่อทีมรักออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ เชส ฟาเบรกาส กระดกบอลเข้ากรอบโทษให้ อังเดร อาร์ชาวิน ตอกกลับมาและก็เป็น แจ็ค วิลเชียร์ วิ่งเข้ามาอัดด้วยซ้ายส่งบอลลอดแขน อลัน แม็คเกรเกอร์ เข้าไป ถึงนาทีที่ 10 อาร์เซนอล หนีห่างเป็น 2-0 ฟาเบรกาส เปิดยาวจากแดนตัวเอง อาร์ชาวิน โหม่งตั้งคืนมา ฟราน เมริดา แทงต่อให้ เอดูอาร์โด ดา ซิลวา หลุดเข้าไปแปด้วยซ้ายส่งลูกหนังกระแทกเสาเข้าซุกก้นตาข่าย
เกมตกเป็นของเจ้าบ้านอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากในแผงมิดฟิลด์ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ไม่สามารถต่อกรกับพลังหนุ่ม “กันเนอร์ส” ได้เลย แต่นาทีที่ 25 การเติมเกมของ เปโดร เมนเดส เกือบส่งผลให้ทีมเยือนได้เฮ เมื่อมิดฟิลด์ชาวโปรตุกีสเปิดเข้ากลางกะให้ ไคล์ ลาฟเฟอร์ตี เข้าชาร์จ แต่ มิคาเอล ซิลแวสตร์ สอดขาเข้ามาสกัดบอลเกือบเข้าประตูตัวเอง ท้ายครึ่งแรก อาร์เซนอล เกือบได้ประตูอีก วิลเชียร์ โชว์ทักษะฟุตบอลที่เกินตัวกระดกบอลสองจังหวะก่อนตัดสินใจชิปร้อนถึง แม็คเกรเกอร์ ต้องลอยตัวปัดพ้นคาน จบ 45 นาทีแรก “ปืนใหญ่” รักษาสกอร์นำเอาไว้
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง เจ้าถิ่นได้ลุ้นอีกในนาทีที่ 51 เมื่อ วิลเชียร์ ดึงบอลมาเข้าซ้ายก่อนปั่นแต่หลุดกรอบไปแบบได้ลุ้นทีเดียว หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เรนเจอร์ส น่าจะได้ประตูตีไข่แตกเป็นที่สุดเมื่อ อเล็กซานเดอร์ ซง พลาดปล่อยให้ สตีเวน เนย์สมิธ ได้ชาร์จลูกเปิดเข้ากลางของ สตีเวน เดวิส แต่ มานูเอล อัลมูเนีย โชว์ซูเปอร์เซฟเอาไว้ จากนั้นทั้งสองฝ่ายทยอยกันเปลี่ยนตัวผู้เล่นลงมากันหลายคน อาร์เซนอล ให้โอกาส ซานเชซ วัตต์ กองหน้าดาวรุ่งชาวอังกฤษลงมาวาดลวดลาย
ถึงนาทีที่ 71 “ปืนใหญ่” สลุตประตูนำ 3-0 จนได้ วัตต์ อาศัยความขยันเลาะบอลคืนมาให้ อารอน แรมซีย์ อีกหนึ่งดาวรุ่งของทีมจ่ายบอลให้ วิลเชียร์ ซัดประตูที่สองให้ตัวเองในเกมนี้ ท้ายเกมเจ้าบ้านให้ โทมัส โรซิคกี ที่กลับมาฟิตสมบูรณ์อีกครั้งลงมายืดเส้นยืดสาย พร้อมรับปลอกแขนกัปตันทีมต่อจาก ฟาเบรกาส แต่ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีฝ่ายใดทำประตูกันได้ ครบ 90 นาที อาร์เซนอล พิชิตชัยคว้าแชมป์เอมิเรตส์ คัพ 2009 ในถิ่นตัวเอง หลังจากที่สองนัดเก็บไปได้ทั้งสิ้น 11 แต้ม (ชนะได้ 6 คะแนน ประตูที่ยิงคู่แข่งได้อีก 5 คะแนน) ส่วน เรนเจอร์ส ได้ตำแหน่งรองแชมป์ไป
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
อาร์เซนอล : มานูเอล อัลมูเนีย, เอ็มมานูเอล เอบูเอ, วิลเลียม กัลลาส, มิคาเอล ซิลแวสตร์, กาแอล กลิชี, แจ็ค วิลเชียร์, อเล็กซานเดอร์ ซง, เชส ฟาเบรกาส, ฟราน เมริดา, อังเดร อาร์ชาวิน, เอดูอาร์โด ดา ซิลวา
เรนเจอร์ส : อลัน แม็คเกรเกอร์, สตีฟ วิทเทคเกอร์, เดวิด เวียร์, มาดยิด บูเกรา, ซาซา ซาปัช, ดามาร์คัส บีสลีย์, เควิน ธอมป์สัน, สตีเวน เดวิส, เปโดร เมนเดส, สตีเฟน เนย์สมิธ, ไคล์ ลาฟเฟอร์ตี
ส่วนผลการแข่งขันอีกคู่หนึ่งวันเดียวกัน “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด ทีมดังจากสเปนทำได้แค่เสมอ ปารีส แซงต์แชร์กแมงต์ สโมสรหัวแถวของฝรั่งเศส 1-1 โดย “เปแอสเช” เหลือ 10 คน จังหวะที่ บานิก โดนใบแดงจากการทำเสียจุดโทษและก็เป็น เซอร์จิโอ อกูเอโร ซัดเข้าไปให้ แอต.มาดริด นำก่อนในนาทีที่ 41 แต่ ปารีส ตามเสมอได้จาก ลูโดวิช ชูลี นาที 71
ศึกฟุตบอลอุ่นเครื่องรายการ เอมิเรตส์ คัพ 2009
อาร์เซนอล (อังกฤษ) 3-0 กลาสโกว์ เรนเจอร์ส (สกอตแลนด์)
อาร์แซน เวนเกอร์ สลับให้โอกาสนักเตะ “ปืนใหญ่” อาร์เซนอล ที่ไม่ได้ลงเล่นนัดเฉือน แอตเลติโก มาดริด 2-1 ลงสนาม โดย เชส ฟาเบรกาส, อังเดร อาร์ชาวิน, เอดูอาร์โด ดา ซิลวา ลงสนามครบครัน รวมถึง แจ็ค วิลเชียร์ ที่วาดลวดลายได้เข้าตา ด้าน วอลเตอร์ สมิธ ปรับทัพหลายตำแหน่งเช่นกันหลังแชมป์สกอตติช พรีเมียร์ลีก ประเดิมชนะ ปารีส แซงต์แชร์กแมงต์ มาได้ก่อน 1-0
เริ่มเกมการแข่งขันไปเพียง 2 นาที แฟนๆ “ปืนใหญ่” ก็ได้เฮตั้งแต่หัววันเมื่อทีมรักออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ เชส ฟาเบรกาส กระดกบอลเข้ากรอบโทษให้ อังเดร อาร์ชาวิน ตอกกลับมาและก็เป็น แจ็ค วิลเชียร์ วิ่งเข้ามาอัดด้วยซ้ายส่งบอลลอดแขน อลัน แม็คเกรเกอร์ เข้าไป ถึงนาทีที่ 10 อาร์เซนอล หนีห่างเป็น 2-0 ฟาเบรกาส เปิดยาวจากแดนตัวเอง อาร์ชาวิน โหม่งตั้งคืนมา ฟราน เมริดา แทงต่อให้ เอดูอาร์โด ดา ซิลวา หลุดเข้าไปแปด้วยซ้ายส่งลูกหนังกระแทกเสาเข้าซุกก้นตาข่าย
เกมตกเป็นของเจ้าบ้านอย่างสิ้นเชิง เนื่องจากในแผงมิดฟิลด์ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ไม่สามารถต่อกรกับพลังหนุ่ม “กันเนอร์ส” ได้เลย แต่นาทีที่ 25 การเติมเกมของ เปโดร เมนเดส เกือบส่งผลให้ทีมเยือนได้เฮ เมื่อมิดฟิลด์ชาวโปรตุกีสเปิดเข้ากลางกะให้ ไคล์ ลาฟเฟอร์ตี เข้าชาร์จ แต่ มิคาเอล ซิลแวสตร์ สอดขาเข้ามาสกัดบอลเกือบเข้าประตูตัวเอง ท้ายครึ่งแรก อาร์เซนอล เกือบได้ประตูอีก วิลเชียร์ โชว์ทักษะฟุตบอลที่เกินตัวกระดกบอลสองจังหวะก่อนตัดสินใจชิปร้อนถึง แม็คเกรเกอร์ ต้องลอยตัวปัดพ้นคาน จบ 45 นาทีแรก “ปืนใหญ่” รักษาสกอร์นำเอาไว้
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง เจ้าถิ่นได้ลุ้นอีกในนาทีที่ 51 เมื่อ วิลเชียร์ ดึงบอลมาเข้าซ้ายก่อนปั่นแต่หลุดกรอบไปแบบได้ลุ้นทีเดียว หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เรนเจอร์ส น่าจะได้ประตูตีไข่แตกเป็นที่สุดเมื่อ อเล็กซานเดอร์ ซง พลาดปล่อยให้ สตีเวน เนย์สมิธ ได้ชาร์จลูกเปิดเข้ากลางของ สตีเวน เดวิส แต่ มานูเอล อัลมูเนีย โชว์ซูเปอร์เซฟเอาไว้ จากนั้นทั้งสองฝ่ายทยอยกันเปลี่ยนตัวผู้เล่นลงมากันหลายคน อาร์เซนอล ให้โอกาส ซานเชซ วัตต์ กองหน้าดาวรุ่งชาวอังกฤษลงมาวาดลวดลาย
ถึงนาทีที่ 71 “ปืนใหญ่” สลุตประตูนำ 3-0 จนได้ วัตต์ อาศัยความขยันเลาะบอลคืนมาให้ อารอน แรมซีย์ อีกหนึ่งดาวรุ่งของทีมจ่ายบอลให้ วิลเชียร์ ซัดประตูที่สองให้ตัวเองในเกมนี้ ท้ายเกมเจ้าบ้านให้ โทมัส โรซิคกี ที่กลับมาฟิตสมบูรณ์อีกครั้งลงมายืดเส้นยืดสาย พร้อมรับปลอกแขนกัปตันทีมต่อจาก ฟาเบรกาส แต่ช่วงเวลาที่เหลือไม่มีฝ่ายใดทำประตูกันได้ ครบ 90 นาที อาร์เซนอล พิชิตชัยคว้าแชมป์เอมิเรตส์ คัพ 2009 ในถิ่นตัวเอง หลังจากที่สองนัดเก็บไปได้ทั้งสิ้น 11 แต้ม (ชนะได้ 6 คะแนน ประตูที่ยิงคู่แข่งได้อีก 5 คะแนน) ส่วน เรนเจอร์ส ได้ตำแหน่งรองแชมป์ไป
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
อาร์เซนอล : มานูเอล อัลมูเนีย, เอ็มมานูเอล เอบูเอ, วิลเลียม กัลลาส, มิคาเอล ซิลแวสตร์, กาแอล กลิชี, แจ็ค วิลเชียร์, อเล็กซานเดอร์ ซง, เชส ฟาเบรกาส, ฟราน เมริดา, อังเดร อาร์ชาวิน, เอดูอาร์โด ดา ซิลวา
เรนเจอร์ส : อลัน แม็คเกรเกอร์, สตีฟ วิทเทคเกอร์, เดวิด เวียร์, มาดยิด บูเกรา, ซาซา ซาปัช, ดามาร์คัส บีสลีย์, เควิน ธอมป์สัน, สตีเวน เดวิส, เปโดร เมนเดส, สตีเฟน เนย์สมิธ, ไคล์ ลาฟเฟอร์ตี
ส่วนผลการแข่งขันอีกคู่หนึ่งวันเดียวกัน “ตราหมี” แอตเลติโก มาดริด ทีมดังจากสเปนทำได้แค่เสมอ ปารีส แซงต์แชร์กแมงต์ สโมสรหัวแถวของฝรั่งเศส 1-1 โดย “เปแอสเช” เหลือ 10 คน จังหวะที่ บานิก โดนใบแดงจากการทำเสียจุดโทษและก็เป็น เซอร์จิโอ อกูเอโร ซัดเข้าไปให้ แอต.มาดริด นำก่อนในนาทีที่ 41 แต่ ปารีส ตามเสมอได้จาก ลูโดวิช ชูลี นาที 71