โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ สร้างประวัติศาสตร์คว้า 15 แกรนด์สแลมแซงหน้า พีท แซมพราส สำเร็จ หลังบดเอาชนะ แอนดี ร็อดดิก 3-2 เซต ในรอบชิงชนะเลิศศึกเทนนิส วิมเบิลดัน ประจำปี 2009
ศึกเทนนิสแกรนด์สแลม “วิมเบิลดัน” ประจำปี 2009 ชิงเงินรางวัลรวมทั้งหมด 12,550,000 ปอนด์ (ประมาณ 690 ล้านบาท) ณ สังเวียนคอร์ตหญ้าที่ ออล อิงแลนด์ คลับ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ประเภทชายเดี่ยว ประจำวันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม 2552 เป็นการพบกันระหว่าง “รองแชมป์เก่า” โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ กับ แอนดี ร็อดดิก มือวางอันดับ 6 ของรายการ
โดยเซตแรก ร็อดดิก ซึ่งก่อนหน้านี้ถือเป็นลูกไล่ของ เฟเดอเรอร์ มาโดยตลอด (ชนะแค่ 2 แพ้ถึง 18 แมตช์) แต่วันนี้นักหวดชาวอเมริกันออกมาเล่นอย่างมุ่งมั่น เปอร์เซ็นต์เสิร์ฟเยี่ยมและหนักหน่วง แถมยังมีลูกยิงขนานเส้นเป็นอาวุธสำคัญคอยเล่นงานมือ 2 ของโลก อย่างไรก็ตาม “เฟด-เอ็กซ์” ก็แน่นอนในเกมเสิร์ฟตัวเอง ทว่าพอถึงเกมที่ 12 ร็อดดิก มาได้เบรกพอยท์ก่อนยิงขนานเส้น เฟเดอเรอร์ สวนกลับไปบอลหลุดออกไปทำให้ “เอ-ร็อด” ได้ก่อนที่ 7-5 เกม
เล่นกันต่อในเซตที่สอง ร็อดดิก ยังคงเสิร์ฟได้อย่างเห็นผลสบโอกาสขึ้นมาวอลเลย์เล่นงานคู่แข่ง ขณะที่ เฟเดอเรอร์ แม้ยังประคองตัวในเกมเสิร์ฟตัวเองได้ แต่เปอร์เซ็นต์การเสิร์ฟตกลงไป อีกทั้งลูกยิงอันเฉียบขาดที่เคยมีให้เห็นบ่อยครั้งลดหาย เมื่อกินกันไม่ลงต้องดวลไทเบรก ซึ่ง “เฟด-เอ็กซ์” พลาดโดนไปก่อนถึง 2 มินิเบรก ทว่า ร็อดดิก กลับปล่อยโอกาสทองหลุดลอยอย่างเหลือเชื่อ ทำให้นักหวดสวิสพลิกสถานการณ์จากที่โดน 4 เซตพอยท์กลับมาเจ๊า 1-1 เซต ที่ 7-6 (8/6)
พอได้เซตคืนมาแบบส้มหล่น เฟเดอเรอร์ ดูเล่นได้อย่างมั่นใจมากขึ้นลงมารักษาเกมเสิร์ฟของตัวเองอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ ร็อดดิก ก็ยังไม่ก่อความผิดพลาด จนต้องมาตัดสินกันที่ไทเบรกอีกครั้ง คราวนี้ “เฟด-เอ็กซ์” ได้มินิเบรกไปก่อนบ้างและก็ไม่ยอมพลาดเก็บเซตได้ที่ 7-6 (7/5) พลิกขึ้นมานำ 2-1 เซต มาในเซตที่สี่ ถึงเกมที่ 4 ร็อดดิก งัดเอาลูกยิงขนานเส้นมาเล่นงาน เฟเดอเรอร์ อีกครั้ง จนเบรกเกมเสิร์ฟขึ้นหน้า 3-1 เกม ก่อนที่จะปิดเซตสำเร็จที่ 6-3 เกม
ต้องมาดวลถึงฎีกาในเซตตัดสิน ซึ่งทั้งคู่ไม่มีใครยอมใครลงมารักษาเกมเสิร์ฟของตัวเองเอาไว้ได้ จนกระทั่งการแข่งขันดำเนินไปถึงเกมที่ 30 ร็อดดิก ซึ่งยังไม่พลาดเกมเสิร์ฟเลย (ไม่รวมช่วงไทเบรก) ในวันนี้ เจอความกดดันอีกทั้งยังมาโชคร้ายโดนแดดแยงตาพอดีจนพลาดเจอ เฟเดอเรอร์ เบรกเอาชนะไป 3-2 เซต 5-7, 7-6 (8/6), 7-6 (7/5), 3-6 และ 16-14 ทำให้ “เฟด-เอ็กซ์” ประกาศศักดาครองแชมป์วิมเบิลดันเป็นสมัยที่ 6 สะสมแชมป์แกรนด์สแลมเพิ่มเป็น 15 รายการ ทำลายสถิติเดิมที่ พีท แซมพราส อดีตมือ 1 ของโลกชาวอเมริกันเคยทำไว้ที่ 14 สแลม
ภายหลังจากหวดกันมาราธอนนานถึง 4 ชั่วโมง 16 นาที เฟเดอเรอร์ ออกมากล่าวผ่าน “เอเอฟพี” สื่อชั้นนำ “แอนดี (ร็อดดิก) เล่นได้อย่างเหลือเชื่อในทัวร์นาเมนต์นี้ เขาคือสุดยอดนักเทนนิสและคงจะเป็นผู้ชนะได้ต่อไป ส่วนผมเมื่อปีที่แล้วพลาดแชมป์ มาคราวนี้ได้โทรฟีแชมป์มาครองจึงเป็นอะไรที่วิเศษไปเลย วันนี้เป็นแมตช์ที่บ้าดีแท้ เล่นเอาผมหัวหมุนไปเหมือนกัน”
นอกจากนี้นักหวดวัย 27 ปี กล่าวถึงการสร้างประวัติศาสตร์ “การได้แชมป์ถึง 15 แกรนด์สแลม คงไม่ใช่สิ่งที่คุณฝันเอาไว้ตั้งแต่เด็ก แต่ผมก็ทำเรื่องสุดยอดสำเร็จในอาชีพ ชัยชนะในเฟรนช์ โอเพน เมื่อเดือนก่อน และกลับมาเป็นแชมป์ในวิมเบิลดัน เป็นสิ่งที่ บียอร์น บอร์ก เคยทำได้ ผมไม่ได้ต้องการเล่นเพื่อทำลายสถิติ แต่ผมต้องการเป็นสุดยอดเหมือนกับพวกเขาทุกคน (ตำนานนักเทนนิส)”
ด้าน ร็อดดิก วัย 26 ปี ออกมาซูฮกเพื่อนร่วมอาชีพ “โรเจอร์ (เฟเดอเรอร์) คือแชมเปียนตัวจริง เขาคู่ควรกับสิ่งที่ได้รับ ส่วนผมหวังว่าจะกลับมาได้ในวันใดวันหนึ่งเพื่อมีชื่อขึ้นบอร์ดว่าเป็นแชมป์”
ศึกเทนนิสแกรนด์สแลม “วิมเบิลดัน” ประจำปี 2009 ชิงเงินรางวัลรวมทั้งหมด 12,550,000 ปอนด์ (ประมาณ 690 ล้านบาท) ณ สังเวียนคอร์ตหญ้าที่ ออล อิงแลนด์ คลับ ในกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เดินทางมาถึงรอบชิงชนะเลิศ ประเภทชายเดี่ยว ประจำวันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม 2552 เป็นการพบกันระหว่าง “รองแชมป์เก่า” โรเจอร์ เฟเดอเรอร์ กับ แอนดี ร็อดดิก มือวางอันดับ 6 ของรายการ
โดยเซตแรก ร็อดดิก ซึ่งก่อนหน้านี้ถือเป็นลูกไล่ของ เฟเดอเรอร์ มาโดยตลอด (ชนะแค่ 2 แพ้ถึง 18 แมตช์) แต่วันนี้นักหวดชาวอเมริกันออกมาเล่นอย่างมุ่งมั่น เปอร์เซ็นต์เสิร์ฟเยี่ยมและหนักหน่วง แถมยังมีลูกยิงขนานเส้นเป็นอาวุธสำคัญคอยเล่นงานมือ 2 ของโลก อย่างไรก็ตาม “เฟด-เอ็กซ์” ก็แน่นอนในเกมเสิร์ฟตัวเอง ทว่าพอถึงเกมที่ 12 ร็อดดิก มาได้เบรกพอยท์ก่อนยิงขนานเส้น เฟเดอเรอร์ สวนกลับไปบอลหลุดออกไปทำให้ “เอ-ร็อด” ได้ก่อนที่ 7-5 เกม
เล่นกันต่อในเซตที่สอง ร็อดดิก ยังคงเสิร์ฟได้อย่างเห็นผลสบโอกาสขึ้นมาวอลเลย์เล่นงานคู่แข่ง ขณะที่ เฟเดอเรอร์ แม้ยังประคองตัวในเกมเสิร์ฟตัวเองได้ แต่เปอร์เซ็นต์การเสิร์ฟตกลงไป อีกทั้งลูกยิงอันเฉียบขาดที่เคยมีให้เห็นบ่อยครั้งลดหาย เมื่อกินกันไม่ลงต้องดวลไทเบรก ซึ่ง “เฟด-เอ็กซ์” พลาดโดนไปก่อนถึง 2 มินิเบรก ทว่า ร็อดดิก กลับปล่อยโอกาสทองหลุดลอยอย่างเหลือเชื่อ ทำให้นักหวดสวิสพลิกสถานการณ์จากที่โดน 4 เซตพอยท์กลับมาเจ๊า 1-1 เซต ที่ 7-6 (8/6)
พอได้เซตคืนมาแบบส้มหล่น เฟเดอเรอร์ ดูเล่นได้อย่างมั่นใจมากขึ้นลงมารักษาเกมเสิร์ฟของตัวเองอย่างแข็งแกร่ง ขณะที่ ร็อดดิก ก็ยังไม่ก่อความผิดพลาด จนต้องมาตัดสินกันที่ไทเบรกอีกครั้ง คราวนี้ “เฟด-เอ็กซ์” ได้มินิเบรกไปก่อนบ้างและก็ไม่ยอมพลาดเก็บเซตได้ที่ 7-6 (7/5) พลิกขึ้นมานำ 2-1 เซต มาในเซตที่สี่ ถึงเกมที่ 4 ร็อดดิก งัดเอาลูกยิงขนานเส้นมาเล่นงาน เฟเดอเรอร์ อีกครั้ง จนเบรกเกมเสิร์ฟขึ้นหน้า 3-1 เกม ก่อนที่จะปิดเซตสำเร็จที่ 6-3 เกม
ต้องมาดวลถึงฎีกาในเซตตัดสิน ซึ่งทั้งคู่ไม่มีใครยอมใครลงมารักษาเกมเสิร์ฟของตัวเองเอาไว้ได้ จนกระทั่งการแข่งขันดำเนินไปถึงเกมที่ 30 ร็อดดิก ซึ่งยังไม่พลาดเกมเสิร์ฟเลย (ไม่รวมช่วงไทเบรก) ในวันนี้ เจอความกดดันอีกทั้งยังมาโชคร้ายโดนแดดแยงตาพอดีจนพลาดเจอ เฟเดอเรอร์ เบรกเอาชนะไป 3-2 เซต 5-7, 7-6 (8/6), 7-6 (7/5), 3-6 และ 16-14 ทำให้ “เฟด-เอ็กซ์” ประกาศศักดาครองแชมป์วิมเบิลดันเป็นสมัยที่ 6 สะสมแชมป์แกรนด์สแลมเพิ่มเป็น 15 รายการ ทำลายสถิติเดิมที่ พีท แซมพราส อดีตมือ 1 ของโลกชาวอเมริกันเคยทำไว้ที่ 14 สแลม
ภายหลังจากหวดกันมาราธอนนานถึง 4 ชั่วโมง 16 นาที เฟเดอเรอร์ ออกมากล่าวผ่าน “เอเอฟพี” สื่อชั้นนำ “แอนดี (ร็อดดิก) เล่นได้อย่างเหลือเชื่อในทัวร์นาเมนต์นี้ เขาคือสุดยอดนักเทนนิสและคงจะเป็นผู้ชนะได้ต่อไป ส่วนผมเมื่อปีที่แล้วพลาดแชมป์ มาคราวนี้ได้โทรฟีแชมป์มาครองจึงเป็นอะไรที่วิเศษไปเลย วันนี้เป็นแมตช์ที่บ้าดีแท้ เล่นเอาผมหัวหมุนไปเหมือนกัน”
นอกจากนี้นักหวดวัย 27 ปี กล่าวถึงการสร้างประวัติศาสตร์ “การได้แชมป์ถึง 15 แกรนด์สแลม คงไม่ใช่สิ่งที่คุณฝันเอาไว้ตั้งแต่เด็ก แต่ผมก็ทำเรื่องสุดยอดสำเร็จในอาชีพ ชัยชนะในเฟรนช์ โอเพน เมื่อเดือนก่อน และกลับมาเป็นแชมป์ในวิมเบิลดัน เป็นสิ่งที่ บียอร์น บอร์ก เคยทำได้ ผมไม่ได้ต้องการเล่นเพื่อทำลายสถิติ แต่ผมต้องการเป็นสุดยอดเหมือนกับพวกเขาทุกคน (ตำนานนักเทนนิส)”
ด้าน ร็อดดิก วัย 26 ปี ออกมาซูฮกเพื่อนร่วมอาชีพ “โรเจอร์ (เฟเดอเรอร์) คือแชมเปียนตัวจริง เขาคู่ควรกับสิ่งที่ได้รับ ส่วนผมหวังว่าจะกลับมาได้ในวันใดวันหนึ่งเพื่อมีชื่อขึ้นบอร์ดว่าเป็นแชมป์”