แอนดี เมอร์เรย์ ยอดนักเทนนิสมือ 3 ของโลกจากสหราชอาณาจักรหวังเรียนรู้การใช้ชีวิตแบบไม่ลืมตัวของ เดวิด เบ็คแฮม ซูเปอร์สตาร์นักเตะอันดับ 1 ของประเทศเป็นแบบอย่างในการรับมือกับความกดดันใน วิมเบิลดัน 2009
ยังไม่มีนักเทนนิสสหราชอาณาจักรคนใดคว้าแชมป์เทนนิส วิมเบิลดัน ในบ้านได้อีกหลังจาก เฟรด เพอร์รี ตำนานผู้ล้วงลับทำสำเร็จเมื่อ 73 ปีก่อนโดยเมื่อ 1 ทศวรรษ ที่ผ่านมา ทิม เฮนแมน อดีตมือ 4 ของโลกทำได้ดีที่สุดคือการเข้าถึงรอบตัดเชือก 4 สมัยในปี 1998,1999,2001,2002 ซึ่งเมื่อ "ไทเกอร์ ทิม" เลิกเล่นไปเมื่อปี 2007 ภาระสานฝันคนทั้งชาติจึงถูกส่งต่อมาที่ แอนดี เมอร์เรย์ หวดมือ 3 ของโลกจากสกอตแลนด์วัย 22 ปี ซึ่งมีโปรแกรมลงเล่นรอบแรก วิมเบิลดัน 2009 พบกับ โรเบิร์ต เคนดริก จากสหรัฐอเมริกาในวันอังคารที่ 23 มิถุนายนนี้
จากความกดดันที่ถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เมอร์เรย์ ซึ่งแพ้ ราฟาเอล นาดาล มือ 1 ของโลกตกรอบ 8 คนสุดท้ายเมื่อปี 2008 ออกมาเผยผ่าน ดิ อินดิเพนเดนต์ ว่าตัวเขาจะยึดแนวทางการใช้ชีวิตของ เดวิด เบ็คแฮม นักฟุตบอลที่โด่งดังที่สุดของอังกฤษเป็นแบบอย่างในการใช้ชีวิตและเล่นเทนนิสอาชีพเพื่อเอาชนะความกดดันในครั้งนี้ให้ได้
โดย เมอร์เรย์ ซึ่งไปพบกับ นายกรัฐมนตรี กอร์ดอน บราวน์ ที่ถนน ดาวนิง พร้อมกับ เบ็คส์ เมื่อเดือนก่อน กล่าวว่า " เดวิด เบ็คแฮม รับมือกับความมีชื่อเสียงและความกดดันได้ยอดเยี่ยม เขายังคงมีชีวิตแบบเดิม มีเพื่อนกลุ่มเดิม ยังคงเชื่อมั่นในความคิดของตนเองแต่ไม่เคยลืมตัวและหยิ่งยะโส ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ไปพบ นายกฯ บราวน์ พร้อมกับเขา และจะไม่ลังเลเลยที่จะยึดแนวทางดำเนินชีวิตของเขาเป็นแบบอย่าง"
แม้จะมีโปรแกรมลงเล่นชายเดี่ยวรอบแรก วิมเบิลดัน พบกับ โรเบิร์ต เคนดริก จากสหรัฐอเมริกาในวันอังคารที่ 23 มิถุนายนนี้ แต่เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เมอร์เรย์ ยังทำตัวสบายๆด้วยการเดินทางไปเล่นกอล์ฟกับเพื่อนๆ ก่อนจะต่อไปขับรถโก-คาร์ท โดยไม่จับไม้เทนนิสเลยทั้งวัน ขณะที่วันเสาร์ที่ผ่านมาลงซ้อมเล็กน้อยและกลับไปเล่น ฟุตบอลโต๊ะโกล กับเพื่อนก๊วนเดิม และลงซ้อมเมื่อวันอาทิตย์และเตรียมลงซ้อมวันนี้ก่อนถึงเวลาลงสนามในวันพรุ่งนี้(23มิ.ย.)
สำหรับ เมอร์เรย์ ซึ่งเกิดในเมือง ดันเบลน สกอตแลนด์ เป็นคนเจ้าอารมณ์ขันและเคย "ทีเล่นทีจริง" กับสื่ออังกฤษจนถูกวิจารณ์ไปทั่วเกาะมาแล้วเมื่อออกมากล่าวก่อนฟุตบอลโลก 2006 ว่า "จะเชียร์ทุกทีมที่พบกับ อังกฤษ" ทว่าระยะหลังความสัมพันธ์กับสื่อเมืองผู้ดีเริ่มดีขึ้นจนวันนี้กลายมาเป็นความหวังของชาติ โดยสื่อหลายสำนักรวมถึงคอลัมนิสต์ชื่อดังพยายามเรียก เมอร์เรย์ ว่า "มือ 1 ของบริเทน" (British No.1) โดยหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า สกอต(Scottish) หรือ อังกฤษ(English)