“สิงโตคำราม” อังกฤษ ตะปบเอาชนะ “กระทิงดุ” สเปน 2-0 กรุยทางสู่รอบตัดเชือกศึกลูกหนังชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร) 2009 รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี รอบสุดท้าย กลุ่มบี
สเปน 0-2 อังกฤษ
สจวร์ต เพียร์ซ จำเป็นต้องปรับเกมรับให้ “สิงโตคำราม” อังกฤษ เนื่องจาก ไมเคิล มานเซียนน์ โดนใบแดงไล่ออกจากนัดแรกที่เฉือน ฟินแลนด์ 2-1 ทำให้ เนดุม โอนัวฮา ได้ลงค้ำแทน ขณะที่แนวรุกมี กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ เป็นตัวชูโรง ด้าน ฆวน รามอน โลเปซ กาโร หวังนำ “กระทิงดุ” สเปน ขวิดชัย หลังจากนัดแรกแค่เสมอ เยอรมนี 0-0 เกมนี้ฝากความหวังไว้ที่ โบยาน เกอร์กิซ กองหน้าดาวรุ่งจากสโมสรบาร์เซโลนา
เริ่มเกมการแข่งขันไป 12 นาที อังกฤษ ผิดพลาดในเกมรับเมื่อ เนดุม โอนัวฮา จ่ายคืนหลังไม่ดูตาม้าตาเรือ โจ ฮาร์ท ต้องวิ่งไปเกี่ยวบอลพ้นจากเส้นประตูหวุดหวิด จากนั้นเป็น สเปน เต็งแชมป์ประจำปีนี้ที่ครองบอลเหนือกว่า อาศัยเกมต่อบอลสั้นบนพื้น แต่ยังเจาะช่องเข้าทำใส่ “สิงโตคำราม” ที่ลงไปแพ็คเกมแน่นไม่ได้ นาทีที่ 28 โอกาสเป็นของอังกฤษบ้าง มาร์ติน เครนีย์ เติมขึ้นมาโยนบอลให้ กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ ขวิดโด่งหลุดเสาไกล
สี่นาทีถัดมา อังกฤษ มาได้ลูกที่จุดโทษเมื่อ เจมส์ มิลเนอร์ ล็อกหลอกจน ฆาบี การ์เซีย เสียจังหวะเสียบสกัดคว่ำ ผู้ตัดสินชาวดัตช์เป่านกหวีดยาวทันที มิลเนอร์ ลุกขึ้นมาสังหารเองแต่ดันยิงไปติดปลายมือ เซอร์จิโอ อาเซนโฆ ท้ายครึ่งแรก โบยาน เกอร์กิซ เล่นชิ่งกับ โฆเซ มานูเอล ฆูราโด ก่อนยิงเองด้วยขวาจากนอกกรอบบอลพุ่งเฉียดกรอบไปนิดเดียวเท่านั้น จากนั้นทัพผู้ดีต้องถอดเอา อักบอนลาฮอร์ ที่บาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวออกมา ส่งทาง เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ ไปเล่นแทน
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง สจวร์ต เพียร์ซ สั่งให้ขุนพลแข้ง “สิงโตคำราม” ออกมาเปิดเกมรุกใส่คู่แข่งบ้าง หนึ่งชั่วโมงพอดี สเปน เป็นฝ่ายได้ลุ้นจากฟรีคิกกลางประตูระยะ 30 หลา ฆูราโด ปั่นข้ามกำแพงแต่ ฮาร์ท ดักทางตะปบบอลไว้ได้ ถึงนาทีที่ 67 ความผิดพลาดในแผงรับ “กระทิงดุ” นำมาซึ่งประตูนำ 1-0 ของอังกฤษ เมื่อ แคมป์เบลล์ ได้ส้มหล่นเข้าไปล็อกยิงด้วยซ้ายส่งลูกหนังเสียบตาข่ายอย่างหมดจด
สเปน จำเป็นต้องเปิดหน้าบุกเข้าใส่มากขึ้น แต่ถึงนาทีที่ 73 “สิงโตคำราม” ใช้จังหวะสวนกลับ ธีโอ วัลคอตต์ ซึ่งลงมาเป็นตัวสำรองกระชากหลุดแผงรับคู่แข่งไปเปิดเข้ากลางให้ มิลเนอร์ แก้ตัวแปเน้นๆ ไม่เหลือ สกอร์ไหลเป็น 2-0 ท้ายเกม “กระทิงดุ” พยายามโหมเข้าทำแต่ อังกฤษ สามารถตรึงเกมรับได้อย่างเหนียวแน่ ครบ 90 นาทีจึงบดเอาชนะไป เก็บ 6 คะแนนเต็มจากชัยชนะสองนัดรวด เข้ารอบแน่นอนแล้ว ส่วน สเปน มีโอกาสตกรอบสูงจริงๆ เพราะเพิ่งมีเพียงแต้มเดียว ส่วนผลอีกคู่วันเดียวกัน “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี จิกเอาชนะ ฟินแลนด์ 2-0 มีเพิ่มเป็น 4 คะแนน มีโอกาสจูงมือ อังกฤษ เข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายสูงทีเดียว
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
สเปน : เซอร์จิโอ อาเซนโฆ , เซซาร์ อาซพิลิคูเอตา , ฆาบี การ์เซีย , มาร์ค ตอร์เรฆอน , นาโน มอนเรอัล , มาริโอ ซัวเรซ , ฆาบี มาร์ติเนซ , ราอูล การ์เซีย , อาเดรียน โลเปซ , โฆเซ มานูเอล ฆูราโด , โบยาน เกอร์กิซ
อังกฤษ : โจ ฮาร์ท , มาร์ติน เครนีย์ , ไมกาห์ ริชาร์ดส , เนดุม โอนัวฮา , คีแรน กิบบ์ส , ฟาบริซ มูอัมบา , เจมส์ มิลเนอร์ , ลี แคทเทอร์โมล , มาร์ค โนเบิล , อดัม จอห์นสัน , กาเบรียล อักบอนลาฮอร์
ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี รอบสุดท้าย กลุ่มบี
สเปน 0-2 อังกฤษ
สจวร์ต เพียร์ซ จำเป็นต้องปรับเกมรับให้ “สิงโตคำราม” อังกฤษ เนื่องจาก ไมเคิล มานเซียนน์ โดนใบแดงไล่ออกจากนัดแรกที่เฉือน ฟินแลนด์ 2-1 ทำให้ เนดุม โอนัวฮา ได้ลงค้ำแทน ขณะที่แนวรุกมี กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ เป็นตัวชูโรง ด้าน ฆวน รามอน โลเปซ กาโร หวังนำ “กระทิงดุ” สเปน ขวิดชัย หลังจากนัดแรกแค่เสมอ เยอรมนี 0-0 เกมนี้ฝากความหวังไว้ที่ โบยาน เกอร์กิซ กองหน้าดาวรุ่งจากสโมสรบาร์เซโลนา
เริ่มเกมการแข่งขันไป 12 นาที อังกฤษ ผิดพลาดในเกมรับเมื่อ เนดุม โอนัวฮา จ่ายคืนหลังไม่ดูตาม้าตาเรือ โจ ฮาร์ท ต้องวิ่งไปเกี่ยวบอลพ้นจากเส้นประตูหวุดหวิด จากนั้นเป็น สเปน เต็งแชมป์ประจำปีนี้ที่ครองบอลเหนือกว่า อาศัยเกมต่อบอลสั้นบนพื้น แต่ยังเจาะช่องเข้าทำใส่ “สิงโตคำราม” ที่ลงไปแพ็คเกมแน่นไม่ได้ นาทีที่ 28 โอกาสเป็นของอังกฤษบ้าง มาร์ติน เครนีย์ เติมขึ้นมาโยนบอลให้ กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ ขวิดโด่งหลุดเสาไกล
สี่นาทีถัดมา อังกฤษ มาได้ลูกที่จุดโทษเมื่อ เจมส์ มิลเนอร์ ล็อกหลอกจน ฆาบี การ์เซีย เสียจังหวะเสียบสกัดคว่ำ ผู้ตัดสินชาวดัตช์เป่านกหวีดยาวทันที มิลเนอร์ ลุกขึ้นมาสังหารเองแต่ดันยิงไปติดปลายมือ เซอร์จิโอ อาเซนโฆ ท้ายครึ่งแรก โบยาน เกอร์กิซ เล่นชิ่งกับ โฆเซ มานูเอล ฆูราโด ก่อนยิงเองด้วยขวาจากนอกกรอบบอลพุ่งเฉียดกรอบไปนิดเดียวเท่านั้น จากนั้นทัพผู้ดีต้องถอดเอา อักบอนลาฮอร์ ที่บาดเจ็บเล่นต่อไม่ไหวออกมา ส่งทาง เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ ไปเล่นแทน
ลงมาลุยต่อครึ่งหลัง สจวร์ต เพียร์ซ สั่งให้ขุนพลแข้ง “สิงโตคำราม” ออกมาเปิดเกมรุกใส่คู่แข่งบ้าง หนึ่งชั่วโมงพอดี สเปน เป็นฝ่ายได้ลุ้นจากฟรีคิกกลางประตูระยะ 30 หลา ฆูราโด ปั่นข้ามกำแพงแต่ ฮาร์ท ดักทางตะปบบอลไว้ได้ ถึงนาทีที่ 67 ความผิดพลาดในแผงรับ “กระทิงดุ” นำมาซึ่งประตูนำ 1-0 ของอังกฤษ เมื่อ แคมป์เบลล์ ได้ส้มหล่นเข้าไปล็อกยิงด้วยซ้ายส่งลูกหนังเสียบตาข่ายอย่างหมดจด
สเปน จำเป็นต้องเปิดหน้าบุกเข้าใส่มากขึ้น แต่ถึงนาทีที่ 73 “สิงโตคำราม” ใช้จังหวะสวนกลับ ธีโอ วัลคอตต์ ซึ่งลงมาเป็นตัวสำรองกระชากหลุดแผงรับคู่แข่งไปเปิดเข้ากลางให้ มิลเนอร์ แก้ตัวแปเน้นๆ ไม่เหลือ สกอร์ไหลเป็น 2-0 ท้ายเกม “กระทิงดุ” พยายามโหมเข้าทำแต่ อังกฤษ สามารถตรึงเกมรับได้อย่างเหนียวแน่ ครบ 90 นาทีจึงบดเอาชนะไป เก็บ 6 คะแนนเต็มจากชัยชนะสองนัดรวด เข้ารอบแน่นอนแล้ว ส่วน สเปน มีโอกาสตกรอบสูงจริงๆ เพราะเพิ่งมีเพียงแต้มเดียว ส่วนผลอีกคู่วันเดียวกัน “อินทรีเหล็ก” เยอรมนี จิกเอาชนะ ฟินแลนด์ 2-0 มีเพิ่มเป็น 4 คะแนน มีโอกาสจูงมือ อังกฤษ เข้ารอบ 4 ทีมสุดท้ายสูงทีเดียว
รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
สเปน : เซอร์จิโอ อาเซนโฆ , เซซาร์ อาซพิลิคูเอตา , ฆาบี การ์เซีย , มาร์ค ตอร์เรฆอน , นาโน มอนเรอัล , มาริโอ ซัวเรซ , ฆาบี มาร์ติเนซ , ราอูล การ์เซีย , อาเดรียน โลเปซ , โฆเซ มานูเอล ฆูราโด , โบยาน เกอร์กิซ
อังกฤษ : โจ ฮาร์ท , มาร์ติน เครนีย์ , ไมกาห์ ริชาร์ดส , เนดุม โอนัวฮา , คีแรน กิบบ์ส , ฟาบริซ มูอัมบา , เจมส์ มิลเนอร์ , ลี แคทเทอร์โมล , มาร์ค โนเบิล , อดัม จอห์นสัน , กาเบรียล อักบอนลาฮอร์