เฟอร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงทีมชาติสเปนถูกเปลี่ยนตัวลงมาพลิกเกมให้ ลิเวอร์พูล บุกไปเอาชนะ โบลตัน วันเดอเรอร์ส ถึงถิ่น 2-0 พร้อมทั้งยึดพื้นที่บนหัวตารางคะแนนพรีเมียร์ชิป อังกฤษ ต่อไป
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2551
โบลตัน วันเดอเรอร์ส 0 – 2 ลิเวอร์พูล
ฟุตบอลลีกสูงสุดเมืองผู้ดีคู่แรกของวันเสาร์ โบลตัน วันเดอเรอร์ส เฝ้ารังรีบอค สเตเดียม ต้อนรับ ลิเวอร์พูล นัดนี้เจ้าบ้านจัดทีมแบบเต็มสูบมี โยฮัน เอลมานเดอร์, แม็ทธิว เทย์เลอร์ และ เควิน เดวีส์ เป็น 3 ประสานในแดนหน้า ส่วนทีมเยือนไม่มี อัลบาโร อาร์เบลัว ที่ติดโทษแบนจึงโยก เจมี คาร์ราเกอร์ มาเล่นแบ็กขวาแล้วส่ง ซามี ฮูเปีย ลงยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟ ส่วน เฟอร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงตัวฉกาจยังนั่งสำรองจึงเป็น ร็อบบี คีน ที่ทำหน้าที่ล่าตาข่าย
เดอะ ทร็อตเตอร์ส อาศัยการวางบอลยาวเข้ากดดันตามถนัด ซึ่งก็เกือบได้ผลในนาทีที่ 5 เมื่อ ยุสซี ยัสเคไลเนน เปิดจากหน้าเขตโทษไปถึงพื้นที่อันตรายของ หงส์แดง ซึ่งลูกกระดอนมาเข้าทางให้ แม็ทธิว เทย์เลอร์ กดด้วยซ้ายเน้นๆ บอลเฉี่ยวเสาแรกออกไปเพียงนิดเดียว
จากนั้นอาคันตุกะเริ่มตั้งลำได้ ก่อนจะหาโอกาสสร้างความหวาดเสียวบ้างในนาทีที่ 18 คีน ไหลออกทางซ้ายให้ อัลเบิร์ต ริเอรา โยนเข้าเขตโทษ ดาเนียล แอ็กเกอร์ สอดขึ้นมาโหม่งแต่โหนไปเล็กน้อย ทำให้บอลหลุดกรอบออกหลัง
ลิเวอร์พูล ใกล้เคียงกับการเจาะตาข่ายมากขึ้นในนาทีที่ 22 จากจังหวะสวนกลับ สตีเวน เจอร์ราร์ด ลากลูกทะลุเข้าไปถึงเขตโทษจนเกือบสุดเส้นหลังด้านขวา ก่อนหักกลับมาให้ เดิร์ก เคาท์ วางเท้าสับไกแบบถนัดถนี่ ลูกผ่านมือ ยัสเคไลเนน ไปแล้ว ทว่าพุ่งกระแทกคานอย่างจัง
ถึงนาทีที่ 28 เดอะ ค็อป ที่ตามมาให้กำลังใจก็ได้เฮกันลั่นจากจังหวะขึ้นเกมทางด้านซ้าย ฟาบิโอ ออเรลิโอ ดันสูงขึ้นมาเปิดโค้งลึกไปที่เสาสอง เดิร์ก เคาท์ เทกตัวโขกชนิดไม่มีคนประกบติด ส่งบอลย้อนศรหนีมือ ยัสเคไลเนน เสียบตาข่ายเป็นประตูนำ 1-0 สำหรับ ลิเวอร์พูล
ถัดมาเพียง 2 นาที หงส์แดงเกือบใส่สกอร์ได้อีกลูก เมื่อ เคาท์ พาบอลไปเกือบสุดเส้นหลังฝั่งขวา ก่อนปาดเรียดมาตรงกลางให้ คีน โฉบเข้ายิง แต่ศูนย์หน้าทีมชาติไอร์แลนด์กลับซัดโดนบอลแค่ถากๆ จึงหลุดผ่านหน้าประตูไปอย่างน่าเสียดาย
เดอะ ทร็อตเตอร์ส พยายามตอบโต้หวังทวงประตูคืน และในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรกก็สามารถส่งลูกหนังเข้าสู่ก้นตาข่ายได้จากการโหม่งลูกเตะมุมของ แกรี เคฮิลล์ ทว่า ผู้ตัดสิน ร็อบ สไตล์ส ไม่เป่าให้เป็นประตู เนื่องจาก เควิน โนแลน ไปขัดขวาง โฮเซ เรนา ไม่ให้ออกมาตัดบอล จบครึ่งแรกทีมเยือนจึงนำอยู่ 1-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง โบลตัน ได้โอกาสทองในการตีเสมอในนาทีที่ 52 โดย ริคาร์โด การ์ดเนอร์ มิดฟิลด์จาเมกาที่ลงมาเป็นตัวสำรองได้บอลจ่ายทะลุช่องแล้วกระชากหนี ซามี ฮูเปีย กับ โฮเซ เรนา ไปได้ เหลือเพียงเสากับตาข่ายโล่งๆ ทว่ากลับลื่นเสียหลักในจังหวะเงื้อเท้ายิง ทำให้ซัดออกหลังไปอย่างน่าเจ็บใจ
ผ่านมาครบหนึ่งชั่วโมง ราฟาเอล เบนิเตซ ตัดสินใจส่ง ตอร์เรส ลงมาแทน คีน ซึ่งหัวหอกกระทิงดุเกือบช่วยให้หงส์แดงยิงเพิ่มได้อีกครั้ง เมื่อหลุดเข้าไปจ่ายให้ เจอร์ราร์ด สไลด์เข้าชาร์จโล่ง แต่โดนบอลแค่ปลายเท้าจึงหลุดออกหลัง จากนั้น แม็ทธิว เทย์เลอร์ ลองซัดฟรีคิกจากมุมเขตโทษฝั่งขวาถูก เรนา ปัดปลายมือพ้นคานออกไป
นาทีที่ 73 ตอร์เรส ฉกบอลจากความผิดพลาดของ แอนดี โอไบรอัน แล้วเปิดด้วยข้างเท้าจากด้านขวาให้ เจอร์ราร์ด สอดเข้ามาโขกหนีมือ ยัสเคไลเนน จมตาข่ายเป็นประตูหนีห่าง 2-0 จากนั้น “เอล นินโญ” ก็แตะคืนให้ ชาบี อลอนโซ กระทุ้งเน้นๆ บีบให้ ยัสเคไลเนน ต้องบินปัดพ้นอันตราย ก่อนจะได้ซัดเองไปชนเสาในนาทีที่ 86 ก่อนจบเกมด้วยชัยชนะของ ลิเวอร์พูล เก็บเพิ่มเป็น 32 คะแนน เกาะกลุ่มนำต่อไป ส่วน โบลตัน ยังอยู่แถวกลางตาราง
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
โบลตัน วันเดอเรอร์ส – ยุสซี ยัสเคไลเนน, เกรตาร์ สไตน์สสัน, แกรี เคฮิลล์, แอนดี โอไบรอัน, เจย์ลอยด์ ซามูเอล, ฟาบริซ มูอัมบา, เควิน โนแลน, เกวิน แม็คคานน์, โยฮัน เอลมานเดอร์, แม็ทธิว เทย์เลอร์, เควิน เดวีส์
ลิเวอร์พูล – โฮเซ เรนา, เจมี คาร์ราเกอร์, ซามี ฮูเปีย, ดาเนียล แอ็กเกอร์, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, ฮาเวียร์ มาสเชราโน, ชาบี อลอนโซ, เดิร์ก เคาท์, สตีเวน เจอร์ราร์ด, อัลเบิร์ต ริเอรา, ร็อบบี คีน
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
โบลตัน วันเดอเรอร์ส แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2 (เดิร์ก เคาท์ 0-1 น.28), (สตีเวน เจอร์ราร์ด 0-2 น.73)
อาร์เซนอล แพ้ แอสตัน วิลลา 0-2 (กาแอล กลิชี 0-1 ทำเข้าประตูตัวเอง น.70), (กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ 0-2 น.80)
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส แพ้ ซันเดอร์แลนด์ 1-2 (คริสโตเฟอร์ แซมบา 1-0 น.45), (เคนวีน โจนส์ 1-1 น.49), (ฌิบริล ซิสเซ 1-2 น. 71)
ฟูแลม ชนะ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-1 (เออเรลโญ โกเมส 1-0 ทำเข้าประตูตัวเอง น.33), (แอนดี จอห์นสัน 2-0 น.70), (เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ 2-1 น.81)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ สโต๊ค ซิตี 5-0 (คริสเตียโน โรนัลโด 1-0 น.4), (ไมเคิล คาร์ริค 2-0 น.45), (ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ 3-0 น.48), (แดนนี เวลเบ็ค 4-0 น.84), (คริสเตียโน โรนัลโด 5-0 น.89)
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เสมอ วีแกน แอธเลติก 2-2 (ไรอัน เทย์เลอร์ 0-1 น.3), (ไมเคิล โอเวน 1-1 น.80), (โอบาเฟมี มาร์ตินส์ 2-1 น.87), (ไตตัส บรัมเบิล 2-2 น.89)
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เสมอ ปอร์ทสมัธ 0-0
เวสต์บรอมวิช อัลเบียน แพ้ เชลซี 0-3 (โฮเซ โบซิงวา 0-1 น.34), (นิโกลาส์ อเนลกา 0-2 น.38), (นิโกลาส์ อเนลกา 0-3 น.45)
ฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2551
โบลตัน วันเดอเรอร์ส 0 – 2 ลิเวอร์พูล
ฟุตบอลลีกสูงสุดเมืองผู้ดีคู่แรกของวันเสาร์ โบลตัน วันเดอเรอร์ส เฝ้ารังรีบอค สเตเดียม ต้อนรับ ลิเวอร์พูล นัดนี้เจ้าบ้านจัดทีมแบบเต็มสูบมี โยฮัน เอลมานเดอร์, แม็ทธิว เทย์เลอร์ และ เควิน เดวีส์ เป็น 3 ประสานในแดนหน้า ส่วนทีมเยือนไม่มี อัลบาโร อาร์เบลัว ที่ติดโทษแบนจึงโยก เจมี คาร์ราเกอร์ มาเล่นแบ็กขวาแล้วส่ง ซามี ฮูเปีย ลงยืนเซนเตอร์ฮาล์ฟ ส่วน เฟอร์นานโด ตอร์เรส ดาวยิงตัวฉกาจยังนั่งสำรองจึงเป็น ร็อบบี คีน ที่ทำหน้าที่ล่าตาข่าย
เดอะ ทร็อตเตอร์ส อาศัยการวางบอลยาวเข้ากดดันตามถนัด ซึ่งก็เกือบได้ผลในนาทีที่ 5 เมื่อ ยุสซี ยัสเคไลเนน เปิดจากหน้าเขตโทษไปถึงพื้นที่อันตรายของ หงส์แดง ซึ่งลูกกระดอนมาเข้าทางให้ แม็ทธิว เทย์เลอร์ กดด้วยซ้ายเน้นๆ บอลเฉี่ยวเสาแรกออกไปเพียงนิดเดียว
จากนั้นอาคันตุกะเริ่มตั้งลำได้ ก่อนจะหาโอกาสสร้างความหวาดเสียวบ้างในนาทีที่ 18 คีน ไหลออกทางซ้ายให้ อัลเบิร์ต ริเอรา โยนเข้าเขตโทษ ดาเนียล แอ็กเกอร์ สอดขึ้นมาโหม่งแต่โหนไปเล็กน้อย ทำให้บอลหลุดกรอบออกหลัง
ลิเวอร์พูล ใกล้เคียงกับการเจาะตาข่ายมากขึ้นในนาทีที่ 22 จากจังหวะสวนกลับ สตีเวน เจอร์ราร์ด ลากลูกทะลุเข้าไปถึงเขตโทษจนเกือบสุดเส้นหลังด้านขวา ก่อนหักกลับมาให้ เดิร์ก เคาท์ วางเท้าสับไกแบบถนัดถนี่ ลูกผ่านมือ ยัสเคไลเนน ไปแล้ว ทว่าพุ่งกระแทกคานอย่างจัง
ถึงนาทีที่ 28 เดอะ ค็อป ที่ตามมาให้กำลังใจก็ได้เฮกันลั่นจากจังหวะขึ้นเกมทางด้านซ้าย ฟาบิโอ ออเรลิโอ ดันสูงขึ้นมาเปิดโค้งลึกไปที่เสาสอง เดิร์ก เคาท์ เทกตัวโขกชนิดไม่มีคนประกบติด ส่งบอลย้อนศรหนีมือ ยัสเคไลเนน เสียบตาข่ายเป็นประตูนำ 1-0 สำหรับ ลิเวอร์พูล
ถัดมาเพียง 2 นาที หงส์แดงเกือบใส่สกอร์ได้อีกลูก เมื่อ เคาท์ พาบอลไปเกือบสุดเส้นหลังฝั่งขวา ก่อนปาดเรียดมาตรงกลางให้ คีน โฉบเข้ายิง แต่ศูนย์หน้าทีมชาติไอร์แลนด์กลับซัดโดนบอลแค่ถากๆ จึงหลุดผ่านหน้าประตูไปอย่างน่าเสียดาย
เดอะ ทร็อตเตอร์ส พยายามตอบโต้หวังทวงประตูคืน และในช่วงทดเวลาบาดเจ็บครึ่งแรกก็สามารถส่งลูกหนังเข้าสู่ก้นตาข่ายได้จากการโหม่งลูกเตะมุมของ แกรี เคฮิลล์ ทว่า ผู้ตัดสิน ร็อบ สไตล์ส ไม่เป่าให้เป็นประตู เนื่องจาก เควิน โนแลน ไปขัดขวาง โฮเซ เรนา ไม่ให้ออกมาตัดบอล จบครึ่งแรกทีมเยือนจึงนำอยู่ 1-0
เข้าสู่ครึ่งหลัง โบลตัน ได้โอกาสทองในการตีเสมอในนาทีที่ 52 โดย ริคาร์โด การ์ดเนอร์ มิดฟิลด์จาเมกาที่ลงมาเป็นตัวสำรองได้บอลจ่ายทะลุช่องแล้วกระชากหนี ซามี ฮูเปีย กับ โฮเซ เรนา ไปได้ เหลือเพียงเสากับตาข่ายโล่งๆ ทว่ากลับลื่นเสียหลักในจังหวะเงื้อเท้ายิง ทำให้ซัดออกหลังไปอย่างน่าเจ็บใจ
ผ่านมาครบหนึ่งชั่วโมง ราฟาเอล เบนิเตซ ตัดสินใจส่ง ตอร์เรส ลงมาแทน คีน ซึ่งหัวหอกกระทิงดุเกือบช่วยให้หงส์แดงยิงเพิ่มได้อีกครั้ง เมื่อหลุดเข้าไปจ่ายให้ เจอร์ราร์ด สไลด์เข้าชาร์จโล่ง แต่โดนบอลแค่ปลายเท้าจึงหลุดออกหลัง จากนั้น แม็ทธิว เทย์เลอร์ ลองซัดฟรีคิกจากมุมเขตโทษฝั่งขวาถูก เรนา ปัดปลายมือพ้นคานออกไป
นาทีที่ 73 ตอร์เรส ฉกบอลจากความผิดพลาดของ แอนดี โอไบรอัน แล้วเปิดด้วยข้างเท้าจากด้านขวาให้ เจอร์ราร์ด สอดเข้ามาโขกหนีมือ ยัสเคไลเนน จมตาข่ายเป็นประตูหนีห่าง 2-0 จากนั้น “เอล นินโญ” ก็แตะคืนให้ ชาบี อลอนโซ กระทุ้งเน้นๆ บีบให้ ยัสเคไลเนน ต้องบินปัดพ้นอันตราย ก่อนจะได้ซัดเองไปชนเสาในนาทีที่ 86 ก่อนจบเกมด้วยชัยชนะของ ลิเวอร์พูล เก็บเพิ่มเป็น 32 คะแนน เกาะกลุ่มนำต่อไป ส่วน โบลตัน ยังอยู่แถวกลางตาราง
รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม
โบลตัน วันเดอเรอร์ส – ยุสซี ยัสเคไลเนน, เกรตาร์ สไตน์สสัน, แกรี เคฮิลล์, แอนดี โอไบรอัน, เจย์ลอยด์ ซามูเอล, ฟาบริซ มูอัมบา, เควิน โนแลน, เกวิน แม็คคานน์, โยฮัน เอลมานเดอร์, แม็ทธิว เทย์เลอร์, เควิน เดวีส์
ลิเวอร์พูล – โฮเซ เรนา, เจมี คาร์ราเกอร์, ซามี ฮูเปีย, ดาเนียล แอ็กเกอร์, ฟาบิโอ ออเรลิโอ, ฮาเวียร์ มาสเชราโน, ชาบี อลอนโซ, เดิร์ก เคาท์, สตีเวน เจอร์ราร์ด, อัลเบิร์ต ริเอรา, ร็อบบี คีน
ผลฟุตบอลพรีเมียร์ชิป อังกฤษ
โบลตัน วันเดอเรอร์ส แพ้ ลิเวอร์พูล 0-2 (เดิร์ก เคาท์ 0-1 น.28), (สตีเวน เจอร์ราร์ด 0-2 น.73)
อาร์เซนอล แพ้ แอสตัน วิลลา 0-2 (กาแอล กลิชี 0-1 ทำเข้าประตูตัวเอง น.70), (กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ 0-2 น.80)
แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส แพ้ ซันเดอร์แลนด์ 1-2 (คริสโตเฟอร์ แซมบา 1-0 น.45), (เคนวีน โจนส์ 1-1 น.49), (ฌิบริล ซิสเซ 1-2 น. 71)
ฟูแลม ชนะ ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ 2-1 (เออเรลโญ โกเมส 1-0 ทำเข้าประตูตัวเอง น.33), (แอนดี จอห์นสัน 2-0 น.70), (เฟรเซอร์ แคมป์เบลล์ 2-1 น.81)
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ชนะ สโต๊ค ซิตี 5-0 (คริสเตียโน โรนัลโด 1-0 น.4), (ไมเคิล คาร์ริค 2-0 น.45), (ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ 3-0 น.48), (แดนนี เวลเบ็ค 4-0 น.84), (คริสเตียโน โรนัลโด 5-0 น.89)
นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด เสมอ วีแกน แอธเลติก 2-2 (ไรอัน เทย์เลอร์ 0-1 น.3), (ไมเคิล โอเวน 1-1 น.80), (โอบาเฟมี มาร์ตินส์ 2-1 น.87), (ไตตัส บรัมเบิล 2-2 น.89)
เวสต์แฮม ยูไนเต็ด เสมอ ปอร์ทสมัธ 0-0
เวสต์บรอมวิช อัลเบียน แพ้ เชลซี 0-3 (โฮเซ โบซิงวา 0-1 น.34), (นิโกลาส์ อเนลกา 0-2 น.38), (นิโกลาส์ อเนลกา 0-3 น.45)
