xs
xsm
sm
md
lg

เลข 7 ของไทยหมายถึงน้ำเน่าแต่ของฝรั่งสุดยอด / กษิติ กมลนาวิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน

เมื่อพลิกดูตัวเลขรายได้ของสโมสรฟุตบอล เรอัล มาดริด ทีมดังใน ปรีเมรา ดีบีซิออน ของสเปนในขณะนี้ ปรากฏว่า ตัวเลขของปี 2008 ราชันย์ชุดขาว ทำเงินเข้าสโมสร 366 ล้านเออูโร หรือประมาณ 17,432 ล้านบาท เงินจำนวนมหาศาลนี้มาจากแหล่งใดบ้างครับ ผมอยากเรียนท่านผู้อ่านว่า มันแบ่งออกได้เป็น 3 ส่วนใหญ่ๆ คือ ก้อนแรกเป็นรายได้ที่เกิดจากการขายบัตรเข้าชมการแข่งขันที่ เอสตาดิโอ ซานติอาโก แบรนาเบอู สนามเหย้าของสโมสรในกรุงมาดริดที่จุผู้ชมได้ 80,354 คน อันนี้รวมถึงรายได้ที่เกิดจากการขายที่นั่งแบบเหมายกแถวให้แก่บรรดาบริษัท ห้างร้าน ธุรกิจใหญ่ๆที่มักจะเก็บเอาไว้มอบเป็นของกำนัลแก่ลูกค้าผู้มีอุปการคุณของบริษัทให้ได้รับเชิญเข้ามาชมเกม เค้กก้อนแรกนี้คิดเป็น 28 เพอร์เซนท์ของทั้งหมด นั่นก็ทำให้เราคำนวณได้ว่า การที่แฟนบอลเข้าชมการแข่งขันที่สนามตลอดทั้งฤดูกาล มันทำเงินเข้าสโมสรประมาณ 102.48 ล้านเออูโร หรือประมาณ 4,880 ล้านบาท นี่ขนาดฝ่ายบัญชีของเขาบอกว่า รายได้ลดลงไปตั้ง 6 เพอร์เซนท์ครับ เมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลขของปีก่อนหน้านั้น

รายได้ส่วนที่ 2 มาจากลิขสิทธิ์การถ่ายทอดทางโทรทัศน์ ซึ่ง เมดิอาโปร ( Mediapro ) กลุ่มธุรกิจเกี่ยวกับสื่อใน บารเซโลนา ที่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอด ลา ลีกา อยู่ ก็มีข้อตกลงพิเศษกับ มาดริด อีกต่างหากจนถึงฤดูกาล 2012-2013 เมื่อรวมเรื่องลิขสิทธิ์ถ่ายทอดโทรทัศน์ทั้งหมดแล้ว อันนี้มันทำเงินให้ เรอัล มาดริด ได้สูงถึง 135.45 ล้านเออูโร หรือประมาณ 6,450 ล้านบาท คิดเป็น 37 เพอร์เซนท์ของรายได้ทั้งหมด

เค้กชิ้นสุดท้ายก็ก้อนใหญ่ไม่แพ้กัน คิดเป็น 35 เพอร์เซนท์ มาจากบรรดาสินค้าที่ระลึกล่อใจแฟนบอล โดยเฉพาะเสื้อทีม อันนี้รวมเงินรายได้จากสปอนเซอร์ด้วย ดูครับว่า ความคลั่งไคล้จากแฟนบอลทั่วโลก มันสามารถทำให้ตัวเลขรายได้พุ่งขึ้นไปแตะหลัก 6 พันล้านบาทได้อย่างง่ายดายภายในระยะเวลาเพียง 1 ฤดูกาล เงินส่วนนี้เป็นจำนวน 128.1 ล้านเออูโร หรือประมาณ 6,101 ล้านบาท

ในเมื่อมีเงินมากมายขนาดนี้ ฟลอเรนติโน เปเรซ ประธานสโมสรผู้เปิดตำนาน โลส กาลักติโกส ถือสิทธิ์เปิดลิ้นชักควักออกมาร่วม 40 เพอร์เซนท์ เป็นจำนวนถึง 160 ล้านเออูโร หรือประมาณ 7,620 ล้านบาท เพื่อซื้อนักเตะระดับซุพเพอร์สตาร์มาเป็นแม่เหล็กดึงดูดแฟนบอลทั่วโลก โดยเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมา เปเรซ เซ็นสัญญา 6 ปีกับ กากา ไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยราคา 66 ล้านเออูโร หรือประมาณ 3,200 ล้านบาท และอีก 3 วันต่อมา ข้อตกลงซื้อ คริชติอาโน โรเนาโด ที่จะย้ายจาก สโมสร แมนเชสเตอร์ ยูนายเท็ด ด้วยราคา 94.5 ล้านเออูโร หรือประมาณ 4,500 ล้านบาทก็ได้รับการตอบรับอย่างไม่ต้องมีข้อเกี่ยงงอนอะไรทั้งสิ้น อันนี้ผู้แทนของครอบครัว 3 พ่อลูก เกลเซอร์ ( Glazer ) เจ้าของทีมในปัจจุบันเป็นคนออกมายืนยัน โดยเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์เกิสเซิน เองก็น้อมรับอย่างเต็มที่ คงเพราะไม่อาจปฏิเสธว่า เงินก้อนนี้มันโตจริงๆ

ผมนึกย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีที่แล้ว ตอนที่ โรเนาโด ยังอายุ 16 ปี สโมสรลิเวอร์พูลสมัยที่ เชราร อุลลิเอ ( Gerard Houllier ) เป็นผู้จัดการทีม ได้หมายตาเอาไว้ก่อนใคร แต่ก็ไม่มีการตัดสินใจซื้อเก็บไว้ ด้วยเหตุผลที่ว่า หมอนี่ยังเด็กเกินไปและต้องเสียเวลาพัฒนาทักษะอีกสักระยะ ซึ่งอีก 2 ปีถัดมา ในช่วงก่อนเปิดฤดูกาล 2003-2004 เซอร์ อเล็กซ์ ก็คว้าตัว โรเนาโด มาด้วยราคา 12.24 ล้านพาวน์ด หรือประมาณ 688 ล้านบาท บัดนี้ โรเนาโด ก้าวขึ้นสู่ความเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในโลก แถมค่าตัวก็สูงสุดเป็นสถิติโลกด้วย แล้วความจริงตอนย้ายมาอยู่กับ แมน ยู โรเนาโด ก็ไม่ได้มีความประสงค์จะสวมเสื้อหมายเลข 7 หรอก เพราะไม่ได้ต้องการยิ่งใหญ่เจริญรอยตามบรรดานักเตะที่เป็นตำนานของสโมสรอย่าง จอร์จ เบสท์ ( George Best ) บรายอัน ร็อบเซิน ( Bryan Robson ) เอริก ก็องโตนา ( Eric Cantona ) หรือ เดวิด เบ็คแค็ม ( David Beckham ) มันคงจะเป็นแรงกดดันที่อาจรับไม่ไหว แต่ตัวเขาเองหวังจะได้หมายเลข 28 ที่เคยใส่ตอนอยู่กับ สปอร์ติง ( Sporting Clube de Portugal ) ต่างหาก อย่างไรก็ตาม โรเนาโด เผยว่า เซอร์ อเล็กซ์ เคยถามว่าอยากสวมเสื้อเบอร์อะไร ตนก็แสดงความประสงค์ไปว่า “ 28 ” แต่ เซอร์ อเล็กซ์ เป็นคนกำหนดให้ใส่หมายเลข “ 7 ” เอง ซึ่งก็ยอมรับว่า หมายเลข 7 มีส่วนสำคัญอย่างหนักที่เป็นแรงผลักดันให้เขามาถึงจุดนี้

เอาเป็นว่าตอนนี้ เรอัล มาดริด กลายกลับมาเป็นทีมที่อัดแน่นไปด้วยซุพเพอร์สตาร์อีกหน แฟนบอลทั่วโลกคงต้องติดตามดูผลงานว่า ราชันย์ชุดขาว จะไปไกลขนาดไหนในแง่ของเกมฟุตบอล หรือจะดีเพียงแค่ขายเสื้อ ขายสิทธิ์ และขายตั๋ว โดยไม่รับผิดชอบต่อฟอร์มการเล่น ผลงานของทีม นักเตะแย่งกันโชว์ แย่งกันฉาย แต่ละคน เล่นของมันคนเดียว แล้วทีมก็ไม่ประสพความสำเร็จ คว้ารางวัลอะไรไม่ได้เลย เหมือนช่องละครน้ำเน่าที่มีแต่ อิจฉา ด่า ตบ จนนิสัยคนไทยได้รับการปลูกฝังให้ไปทางเสื่อมกันไปหมดแล้ว แต่ผลประกอบการกลับไปโลด ผมขอยืนยันว่า ชาวไร่ ชาวนา คนรากหญ้า ยันคนชั้นกลางก็มีสิทธิ์ได้รับความรู้ประเทืองปัญญา ไม่ใช่ได้รับชมแต่ อิจฉา ด่า ตบ ดังนั้น โลส กาลักติโกส ภาค 2 คงนำเอาบทเรียนข้อผิดพลาดจากการดำรงตำแหน่งของ ฟลอเรนติโน เปเรซ ครั้งก่อนมาแก้ไขปรับปรุงให้ทั้ง กากา และ โรเนาโด และนักเตะคนอื่นๆมีความกลมกลืน เข้ากันได้อย่างดี และนำ เรอัล มาดริด สู่ความสำเร็จในเกมฟุตบอลอีกครั้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น