xs
xsm
sm
md
lg

Los Galacticos ซุพเพอร์สตาร์ส / กษิติ กมลนาวิน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน

โลส กาลักติโกส ( Los Galacticos ) เป็นคำที่ใช้หมายถึง เหล่านักฟุตบอลดังๆสุดยอดของโลกที่เซ็นสัญญาร่วมเตะให้สโมสรฟุตบอล เรอัล มาดริด ( Real Madrid Club de Futbol ) ของประเทศสเปน ซึ่งส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นในสมัยที่ ฟลอเรนติโน เปเรซ ( Florentino Perez ) ดำรงตำแหน่งประธานสโมสร เพราะหมอนี่มักจะสร้างความฮือฮาด้วยการซื้อนักเตะระดับซุพเพอร์สตาร์อย่างน้อย 1 คนในช่วงก่อนเปิดฤดูกาลใหม่อยู่ทุกๆปี จน โลส กาลักติโกส กลายเป็นฉายาหนึ่งของ เรอัล มาดริด ไปแล้ว

ฟลอเรนติโน เปเรซ นักธุรกิจวัย 62 ปี ได้รับแต่งตั้งให้เป็นประธานบริษัทก่อสร้าง โอเซเป ( OCP ) เมื่อปี 1993 ก่อนที่จะควบรวมกิจการกับอีกบริษัทเกิดเป็นกลุ่ม อาเซเอเซ ( Grupo ACS - Actividades de Construccion y Servicios ) ในปี 1997 ซึ่ง เปเรซ ก็ยังได้รับความไว้วางใจให้เป็นประธานกลุ่ม เขาเคยแหยมเข้ามาในบอร์ดบริหารของ เรอัล มาดริด หวังขึ้นสู่ตำแหน่งประธานสโมสรตั้งแต่ปี 1994 แล้ว ด้วยการเปิดฉากวิพากษ์วิจารณ์สถานะทางการเงินที่ง่อนแง่นของสโมสร ซึ่งพุ่งเป้ายิงตรงไปที่บอร์ดบริหารที่ตอนนั้นมี รามอน เมนโดซา ( Ramon Mendoza ) ครองตำแหน่งอยู่ ตรงนี้ ผมอยากเรียนท่านผู้อ่านว่า ตำแหน่งประธานสโมสรนั้นจะดำรงตำแหน่งวาระละ 3 ปี และ เมนโดซา เปเรซ ก็อยู่ในตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 1985 ซึ่ง 2 สมัยแรก หมอนี่ขึ้นสู่ตำแหน่งโดยไร้คู่แข่ง และแม้ว่าการช่วงชิงตำแหน่งสมัยที่ 3 ของเขาในปี 1991 เมนโดซา เริ่มมีผู้บังอาจมาท้าทายอย่าง อัลฟอนโซ อูเซีย ( Alfonso Ussia ) แต่ เมนโดซา ก็เอาชนะไปอย่างขาดลอยด้วยคะแนน 15,005 ต่อ 10,531

พอถึงการเลือกตั้งปี 1994 ที่ ฟลอเรนติโน เปเรซ อาจหาญเข้ามาเป็นคู่แข่งของ เมนโดซา เขาถล่มใส่อย่างเมามัน ขุดเอาทั้งเรื่องการทุจริต ฉ้อฉล และการบริหารงานผิดพลาด ทำให้ดูว่าหลังจากเป็นผู้นำมา 3 สมัยเต็ม ตอนนี้น่าจะหมดยุคของประธานวัย 67 ปีคนนี้แล้ว แต่ เปเรซ ก็ยังไม่ได้รับโอกาสขึ้นเป็นประธานอยู่ดี เขาแพ้การเลือกตั้งไปเพียง 700 เสียง

ฟลอเรนติโน เปเรซ อยู่บ้านเลียแผล 6 ปี และกลับมาใหม่ในปี 2000 ชิงตำแหน่งกับ ลอเรนโซ ซานซ์ ( Lorenzo Sanz ) ซึ่งเพิ่งพา เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ถ้วยสโมสรยุโรปในปี 1998 และ 2000 และก็คิดว่าผลงานอันนี้คงทำให้บรรดาสมาชิกพากันเทคะแนนให้ ซานซ์ อย่างแน่นอน แต่ เปเรซ ก็ยังใช้กลยุทธเช่นเดิมคือ ฟันเรื่องคอร์รัพเชินและการบริหารงานผิดพลาดของประธานสโมสร นอกจากนั้น มาคราวนี้มีแถมโพรโมเชินด้วยการสัญญาที่จะคว้าตัว ลูอิช ฟิโก ( Luis Figo ) ยอดมิดฟีลด์ทีมชาติโปรตุเกสมาจากสโมสรคู่ปรับ บาร์เซโลนา นั่นทำให้เขาเอาชนะ ซานซ์ ไปอย่างผิดความคาดหมาย และ ลูอิช ฟิโก ก็เป็น กาลักติโก คนแรกที่เริ่มประเพณีการซื้อตัวนักเตะระดับซุพเพอร์สตาร์มาประดับทีมทุกปี ฟิโก ย้ายมาด้วยค่าตัว 38.7 ล้านพาวน์ด ในปี 2001 ซีเนดีน ซีดาน ( Zinedine Zidane ) ก็ย้ายมาจาก ยูเวนตุส ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลก 44 ล้านพาวน์ด ปีรุ่งขึ้นก็เป็นคิวของ โรเนาโด ( Ronaldo ) ซึ่งย้ายมาจาก อินเตรนาซิโอนาเล มีลาโน ด้วยค่าตัว 26 ล้านพาวน์ด ปี 2003 เดวิด เบ็คแค็ม ( David Beckham ) ย้ายมาจาก แมนเชสเตอร์ ยูนายเท็ดด้วยค่าตัว 25 ล้านพาวน์ด ในปี 2004 เปเรซ ก็ยังได้รับการเลือกตั้งอีกเป็นสมัยที่ 2 ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นถึง 94.2 เพอร์เซนต์ ปีนั้นได้ มายเคิล โอเวน ( Michael Owen ) มาร่วมทีม และ โรบิญโญ ( Robinho ) มาในปี 2005

ถึงแม้ว่า เปเรซ จะประสพผลสำเร็จในการทำให้ เรอัล มาดริด ผงาดกลับขึ้นมาแสดงแสนยานุภาพไปทั่วโลก แต่ก็เพียงแค่เรื่องการตลาดเท่านั้น เพราะผลงานของสโมสรเริ่มถดถอยลง หลายคนบ่นด่าว่าเขาหวังแต่ตัวเลข แต่ฟุตบอลของ เรอัล มาดริด เสื่อมลงทุกวันๆ จนในที่สุด ตัวเขาเองก็ยอมรับว่า มาดริด ควรจะมีผู้บริหารคนใหม่ได้แล้ว ทำให้เขาประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานสโมสรเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2006

นี่เวลาผ่านไป 3 ปี คงเลียแผลจนแห้งสนิท และนึกถึงวันรุ่งเรืองของ โลส กาลักติโกส เพราะเพิ่งจบฤดูกาลไปไม่กี่วัน เรอัล มาดริด ไม่ได้ถ้วยติดมือมา คำรบนี้ ฟลอเรนติโน เปเรซ ออกมาประกาศก้องเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคมที่ผ่านมา จะนำความยิ่งใหญ่กลับสู่ เอสตาดิโอ ซานติอาโก แบรนาเบอู ( Estadio Santiago Bernabeu ) อีกครั้ง และเผอิญว่า เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมาก็ไม่มีใครแสดงตัวขอเป็นคู่แข่งชิงตำแหน่งด้วย ฟลอเรนติโน เปเรซ จึงได้รับการประกาศให้เป็นประธานสโมสรเรียบร้อยแล้ว ซึ่งแน่นอนครับว่า เปเรซ ต้องมาพร้อมกับ กาลักติโก ให้เป็นข่าวใหญ่ฮือฮาก่อนเปิดฤดูกาลใหม่ และ กาลักติโก คนนี้ก็คือ ริกกี กากา ยอดมิดฟีลด์ จาก เอซี มีลาน ด้วยค่าตัว 58.9 ล้านพาวน์ด
กำลังโหลดความคิดเห็น