"แชมป์โลก" อิตาลี คืนฟอร์มเก่งในครึ่งหลังซัดสามประตูรวดจนพลิกกลับมาเอาชนะ สหรัฐอเมริกา ที่เหลือผู้เล่นเพียง 10 คนตั้งแต่ครึ่งแรก 3-1 ณ สนาม ลอฟตัส เวิร์สเฟลด์ สเตเดียม ในการแข่งขันฟุตบอลคอนเฟเดอเรชัน คัพ กลุ่มบี คู่ที่สอง เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา
ผลการแข่งขันฟุตบอลคอนเฟเดอเรชัน คัพ กลุ่มบี
สหรัฐอเมริกา 1-3 อิตาลี
สหรัฐอเมริกา ของกุนซือ บ็อบ แบร็ดลีย์ มีการปรับเปลี่ยนทีมเล็กน้อย แต่แดนหน้ายังไว้ใจ แลนดอน โดโนแวน จับคู่ล่าตาข่ายกับ โจซีย์ อัลติดอร์ ขณะที่ อิตาลี ของกุนซือ มาร์เชลโล่ ลิปปี มีปัญหามีปัญหาในแนวรับต้องเข็นนิโกลา เลกรอตตาเย มาคู่กับ จอร์โจ คิเอลลินี แต่ส่วนตำแหน่งอื่นเต็มร้อย โดยแดนหน้ามี อัลแบร์โต จิลาร์ดิโน และ วิเชนโซ ยาควินตา ยืนค้ำ
เริ่มเกมครึ่งแรก ทั้งสองทีมผลัดกันรุกและรับอย่างสูสี แต่ยังหาโอกาสลุ้นทำประตูแบบชัดเจนไม่ได้ ต้องรอจนกระทั่งนาที 12 อิตาลี มีโอกาสก่อน เริ่มจาก เด รอสซี วางบอลยาวมาหน้าเขตโทษของคู่แข่ง ยาควินตา โหม่งบอลต่อมาให้ จิลาร์ดิโน ลองซัดไกล แต่บอลไปตรงตัว ฮาวเวิร์ด รับเข้าซอง
จากนั้นแชมป์โลกเริ่มครองเกมเหนือกว่า มาถึงนาที 20 มีโอกาสอีกครั้งจากจังหวะลูกเซตพีซ ปิร์โล เปิดบอลเข้ามาลุ้นในเขตโทษ บอลเลยมาเข้าหัว เลกร็อตตาเย ที่ไร้ตัวประกบได้พุ่งโหม่งเต็มๆ แต่กลับหลุดกรอบประตูออกไป อีก 5 นาทีต่อมาเป็นทีของ สหรัฐฯ เมื่อ โดโนแวน กระชากลุยฝ่าแนวรับ ก่อนแทงบอลต่อให้ แบรดลีย์ หลุดเข้าไปยิง แต่โดนไม่เต็มเท้าถูก บุฟฟอน ตามมาป้องกันทัน
เกมมาถึงนาที 29 มะกันได้โอกาสโต้กลับเร็ว โดโนแวน กระชากเดี่ยวขึ้นมาอีกครั้ง หลอกล่อกองหลังคู่แข่งก่อนจ่ายบอลต่อให้ อัลติดอร์ หลุดไปยิงในเขตโทษ แต่ยิงเบาเกินไปอีก สองนาทีต่อมา เด รอสซี ถูกทำฟาวล์ตรงหน้าเขตโทษระยะประมาณ 30 หลา ทำให้ "อัซซูรี" ได้ฟรีคิก ปิร์โล รับหน้าที่ยิงเต็มแรงด้วยขวาต้องให้ ฮาวเวิร์ด ออกแรงชกทิ้งออกมา
หลังจากนั้น "ลุงแซม" ต้องมาเสียเปรียบเรื่องตัวผู้เล่นเมื่อ คลาร์ก เตะฟาวล์สูงใส่ กัตตูโซ จนถูกกรรมการควักใบแดงแจกไล่ออกจากสนามไป แต่ทีมมามีโอกาสลุ้นเมื่อได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ โดโนแวน ขออาสาปั่นด้วยเท้าขวา แต่บอลเลี้ยวไม่พอเลยออกหลังไป
อิตาลี เกือบออกนำก่อนในนาที 39 จากจังหวะที่ บอร์นสไตน์ กองหลังมะกันสกัดบอลผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเอง แต่ผู้เล่นแชมป์โลกล้ำหน้าเสียก่อนจึงไม่ได้ประตู กลายเป็น สหรัฐฯซึ่งผู้เล่นน้อยกว่ากลับมาได้ประตูนำก่อน เมื่อ อัลติดอร์ ถูก คิเอลลินี ทำฟาวล์ในเขตโทษจนกรรมการเป่าเป็นจุดโทษ โดโนแวน รับหน้าที่สังหารไม่พลาดให้ทีมนำ 1-0
หลังจากนั้น "ลุงแซม" เริ่มได้ใจ แบรดลีย์ เก็บตกบอลได้หน้าเขตโทษ ก่อนตัดสินใจสับไกเต็มข้อ บุฟฟอน รับจังหวะแรกซองแตก แต่ยังตามมาเก็บในจังหวะสองทัน ขณะที่ "มะกะโรนี" มีโอกาสสุดท้ายก่อนหมดเวลา 2 นาที จากลูกฟรีคิก ก่อนที่จังหวะสุดท้ายบอลจะไหลมาเข้าทาง ซามบร็อตตา สับไกหน้าเขตโทษ แต่เหินออกหลังไป สุดท้ายจบ 45 นาทีแรก สหรัฐฯ นำ 1-0
เกมครึ่งหลัง อิตาลี ลงสนามมาก็พยายามบุกกดดันใส่มะกันเพื่อตีเสมอ แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เด็ดขาดพอ ด้าน ลิปปี ทนผลงานของลูกทีมไม่ไหวต้องมีการแก้เกมจัดการส่ง จูเซปเป รอสซี และ ริกคาร์โด มอนโตลิโว ลงสนามมาในนาที 56 หลังจากนั้นเพียง 2 นาที ดาวยิงจากบีญาร์รีล มาทำประตูตีเสมอให้ทีมได้สำเร็จ เมื่อได้ลากลุยขึ้นมาก่อนสับไกยิงหน้าเขตโทษ บอลพุ่งผ่านมือ ฮาวเวิร์ด เข้าประตูไป สกอร์เป็น 1-1
หลังตีเสมอ แชมป์โลกโหมบุกหนักอย่างต่อเนื่องและเกือบพลิกนำในนาที 66 เมื่อ ปิร์โล เก็บบอลได้หน้าเขตโทษ ก่อนสับไกยิงด้วยขวาเต็มข้อ บอลพุ่งแรงจน ฮาวเวิร์ด ต้องทุบทิ้งออกมา บอลยังมาเข้าทาง ยาควินตา เลี้ยงหนีกองหลังหาช่องยิงซ้ำอีกครั้ง แต่บอลเหินข้ามคานออกไป อย่างไรก็ตาม อีก 5 นาทีต่อมา "มะกะโรนี" มาพลิกนำเป็น 2-1 จนได้จากการยิงไกลระยะ 30 หลาของ เด รอสซี บอลพุ่งเสียบโคนเสาเข้าประตูไป
เกมเข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย "อัซซูรี" ทำเกมรุกขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่จังหวะสุดท้าย มอนโตลิโว ซึ่งเก็บตกบอลได้จะลองสับไกยิงจากนอกกรอบเขตโทษ แต่คราวนี้ ฮาวเวิร์ด ไม่พลาดป้องกันไว้ได้ หลังจากนั้น เดมป์ซีย์ ของสหรัฐฯ มีโอกาสซัดไกลเช่นกันจากระยะ 30 หลา แต่บอลพุ่งไปตรงตัว บุฟฟอน ต้องออกแรงบล็อก
ช่วงท้ายเกมดูเหมือน มะกัน เริ่มถอดใจปล่อยให้ อิตาลี โหมบุกอย่างหนักจนมาทำประตูหนีห่างได้สำเร็จ จากจังหวะที่ ปิร์โล หลุดขึ้นมาถึงเส้นหลัง ก่อนจะวางบอลกลับมาให้ รอสซี วิ่งมาวอลเลย์เต็มข้อ บอลพุ่งตุงตาข่ายทำให้แชมป์โลกหนีห่างเป็น 3-1 หลังจากนั้นไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มอีกจบ 90 นาทีไปด้วยสกอร์ข้างต้น
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
สหรัฐฯ : ทิม ฮาวเวิร์ด, โจนาธาน บอร์นสไตน์, โจนาธาน สเปกเตอร์, เจย์ เดเมอริต, โอกูชี ออนเยวู, ริคาร์โด คลาร์ก, ไมเคิล แบรดลีย์, เบนนี เฟลฮาเบอร์, คลินท์ เดมป์ซีย์, แลนดอน โดโนแวน, โจซีย์ อัลติดอร์
อิตาลี : จิอันลุยจิ บุฟฟอน, ฟาบิโอ กรอสโซ, จอร์จิโอ คิเอลลินี, นิโกลา เลกร็อตตาเย, จิอันลูกา ซามบร็อตตา, เจนนาโร กัตตูโซ, อันเดรีย ปิร์โล, ดานิเอเล เด รอสซี, เมาโร คาโมราเนซี, อัลแบร์โต จิลาร์ดิโน, วิเชนโซ ยาควินตา
ผลการแข่งขันฟุตบอลคอนเฟเดอเรชัน คัพ กลุ่มบี
สหรัฐอเมริกา 1-3 อิตาลี
สหรัฐอเมริกา ของกุนซือ บ็อบ แบร็ดลีย์ มีการปรับเปลี่ยนทีมเล็กน้อย แต่แดนหน้ายังไว้ใจ แลนดอน โดโนแวน จับคู่ล่าตาข่ายกับ โจซีย์ อัลติดอร์ ขณะที่ อิตาลี ของกุนซือ มาร์เชลโล่ ลิปปี มีปัญหามีปัญหาในแนวรับต้องเข็นนิโกลา เลกรอตตาเย มาคู่กับ จอร์โจ คิเอลลินี แต่ส่วนตำแหน่งอื่นเต็มร้อย โดยแดนหน้ามี อัลแบร์โต จิลาร์ดิโน และ วิเชนโซ ยาควินตา ยืนค้ำ
เริ่มเกมครึ่งแรก ทั้งสองทีมผลัดกันรุกและรับอย่างสูสี แต่ยังหาโอกาสลุ้นทำประตูแบบชัดเจนไม่ได้ ต้องรอจนกระทั่งนาที 12 อิตาลี มีโอกาสก่อน เริ่มจาก เด รอสซี วางบอลยาวมาหน้าเขตโทษของคู่แข่ง ยาควินตา โหม่งบอลต่อมาให้ จิลาร์ดิโน ลองซัดไกล แต่บอลไปตรงตัว ฮาวเวิร์ด รับเข้าซอง
จากนั้นแชมป์โลกเริ่มครองเกมเหนือกว่า มาถึงนาที 20 มีโอกาสอีกครั้งจากจังหวะลูกเซตพีซ ปิร์โล เปิดบอลเข้ามาลุ้นในเขตโทษ บอลเลยมาเข้าหัว เลกร็อตตาเย ที่ไร้ตัวประกบได้พุ่งโหม่งเต็มๆ แต่กลับหลุดกรอบประตูออกไป อีก 5 นาทีต่อมาเป็นทีของ สหรัฐฯ เมื่อ โดโนแวน กระชากลุยฝ่าแนวรับ ก่อนแทงบอลต่อให้ แบรดลีย์ หลุดเข้าไปยิง แต่โดนไม่เต็มเท้าถูก บุฟฟอน ตามมาป้องกันทัน
เกมมาถึงนาที 29 มะกันได้โอกาสโต้กลับเร็ว โดโนแวน กระชากเดี่ยวขึ้นมาอีกครั้ง หลอกล่อกองหลังคู่แข่งก่อนจ่ายบอลต่อให้ อัลติดอร์ หลุดไปยิงในเขตโทษ แต่ยิงเบาเกินไปอีก สองนาทีต่อมา เด รอสซี ถูกทำฟาวล์ตรงหน้าเขตโทษระยะประมาณ 30 หลา ทำให้ "อัซซูรี" ได้ฟรีคิก ปิร์โล รับหน้าที่ยิงเต็มแรงด้วยขวาต้องให้ ฮาวเวิร์ด ออกแรงชกทิ้งออกมา
หลังจากนั้น "ลุงแซม" ต้องมาเสียเปรียบเรื่องตัวผู้เล่นเมื่อ คลาร์ก เตะฟาวล์สูงใส่ กัตตูโซ จนถูกกรรมการควักใบแดงแจกไล่ออกจากสนามไป แต่ทีมมามีโอกาสลุ้นเมื่อได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ โดโนแวน ขออาสาปั่นด้วยเท้าขวา แต่บอลเลี้ยวไม่พอเลยออกหลังไป
อิตาลี เกือบออกนำก่อนในนาที 39 จากจังหวะที่ บอร์นสไตน์ กองหลังมะกันสกัดบอลผิดเหลี่ยมเข้าประตูตัวเอง แต่ผู้เล่นแชมป์โลกล้ำหน้าเสียก่อนจึงไม่ได้ประตู กลายเป็น สหรัฐฯซึ่งผู้เล่นน้อยกว่ากลับมาได้ประตูนำก่อน เมื่อ อัลติดอร์ ถูก คิเอลลินี ทำฟาวล์ในเขตโทษจนกรรมการเป่าเป็นจุดโทษ โดโนแวน รับหน้าที่สังหารไม่พลาดให้ทีมนำ 1-0
หลังจากนั้น "ลุงแซม" เริ่มได้ใจ แบรดลีย์ เก็บตกบอลได้หน้าเขตโทษ ก่อนตัดสินใจสับไกเต็มข้อ บุฟฟอน รับจังหวะแรกซองแตก แต่ยังตามมาเก็บในจังหวะสองทัน ขณะที่ "มะกะโรนี" มีโอกาสสุดท้ายก่อนหมดเวลา 2 นาที จากลูกฟรีคิก ก่อนที่จังหวะสุดท้ายบอลจะไหลมาเข้าทาง ซามบร็อตตา สับไกหน้าเขตโทษ แต่เหินออกหลังไป สุดท้ายจบ 45 นาทีแรก สหรัฐฯ นำ 1-0
เกมครึ่งหลัง อิตาลี ลงสนามมาก็พยายามบุกกดดันใส่มะกันเพื่อตีเสมอ แต่จังหวะสุดท้ายยังไม่เด็ดขาดพอ ด้าน ลิปปี ทนผลงานของลูกทีมไม่ไหวต้องมีการแก้เกมจัดการส่ง จูเซปเป รอสซี และ ริกคาร์โด มอนโตลิโว ลงสนามมาในนาที 56 หลังจากนั้นเพียง 2 นาที ดาวยิงจากบีญาร์รีล มาทำประตูตีเสมอให้ทีมได้สำเร็จ เมื่อได้ลากลุยขึ้นมาก่อนสับไกยิงหน้าเขตโทษ บอลพุ่งผ่านมือ ฮาวเวิร์ด เข้าประตูไป สกอร์เป็น 1-1
หลังตีเสมอ แชมป์โลกโหมบุกหนักอย่างต่อเนื่องและเกือบพลิกนำในนาที 66 เมื่อ ปิร์โล เก็บบอลได้หน้าเขตโทษ ก่อนสับไกยิงด้วยขวาเต็มข้อ บอลพุ่งแรงจน ฮาวเวิร์ด ต้องทุบทิ้งออกมา บอลยังมาเข้าทาง ยาควินตา เลี้ยงหนีกองหลังหาช่องยิงซ้ำอีกครั้ง แต่บอลเหินข้ามคานออกไป อย่างไรก็ตาม อีก 5 นาทีต่อมา "มะกะโรนี" มาพลิกนำเป็น 2-1 จนได้จากการยิงไกลระยะ 30 หลาของ เด รอสซี บอลพุ่งเสียบโคนเสาเข้าประตูไป
เกมเข้าสู่ช่วง 15 นาทีสุดท้าย "อัซซูรี" ทำเกมรุกขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่จังหวะสุดท้าย มอนโตลิโว ซึ่งเก็บตกบอลได้จะลองสับไกยิงจากนอกกรอบเขตโทษ แต่คราวนี้ ฮาวเวิร์ด ไม่พลาดป้องกันไว้ได้ หลังจากนั้น เดมป์ซีย์ ของสหรัฐฯ มีโอกาสซัดไกลเช่นกันจากระยะ 30 หลา แต่บอลพุ่งไปตรงตัว บุฟฟอน ต้องออกแรงบล็อก
ช่วงท้ายเกมดูเหมือน มะกัน เริ่มถอดใจปล่อยให้ อิตาลี โหมบุกอย่างหนักจนมาทำประตูหนีห่างได้สำเร็จ จากจังหวะที่ ปิร์โล หลุดขึ้นมาถึงเส้นหลัง ก่อนจะวางบอลกลับมาให้ รอสซี วิ่งมาวอลเลย์เต็มข้อ บอลพุ่งตุงตาข่ายทำให้แชมป์โลกหนีห่างเป็น 3-1 หลังจากนั้นไม่มีฝ่ายใดทำประตูเพิ่มอีกจบ 90 นาทีไปด้วยสกอร์ข้างต้น
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
สหรัฐฯ : ทิม ฮาวเวิร์ด, โจนาธาน บอร์นสไตน์, โจนาธาน สเปกเตอร์, เจย์ เดเมอริต, โอกูชี ออนเยวู, ริคาร์โด คลาร์ก, ไมเคิล แบรดลีย์, เบนนี เฟลฮาเบอร์, คลินท์ เดมป์ซีย์, แลนดอน โดโนแวน, โจซีย์ อัลติดอร์
อิตาลี : จิอันลุยจิ บุฟฟอน, ฟาบิโอ กรอสโซ, จอร์จิโอ คิเอลลินี, นิโกลา เลกร็อตตาเย, จิอันลูกา ซามบร็อตตา, เจนนาโร กัตตูโซ, อันเดรีย ปิร์โล, ดานิเอเล เด รอสซี, เมาโร คาโมราเนซี, อัลแบร์โต จิลาร์ดิโน, วิเชนโซ ยาควินตา